หลังจากอัพเดตเลเวล 130 หลายๆ คนก็วุ่นกับการทำเควสต์อัพเกรดและสร้างของระดับ 121 ไว้ใช้กันอยู่ ผ่านพ้นมาร่วม 3 สัปดาห์แล้ว น่าจะพร้อมมากยิ่งขึ้น หลายคนอาจจะหวั่นว่าดันเจี้ยนหมี หรือ Coyote’s Valley จะยากเกินไป เพราะบางคนแนะนำให้ใช้ Might 1M–1.2M ขึ้นไป แต่ถ้าไม่ตั้งเป้าสูงเกินไป ไอเทมระดับทั่วๆ ไปก็ผ่านดันเจี้ยนนี้ได้เช่นกัน
สิ่งที่ควรรู้ในดันเจี้ยน
- ทุกคนควรเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด เลือก Title ที่ประสิทธิภาพสูง เน้นการโจมตี, เปิดใช้งาน Blessing Potion หรือ Blessing License, พก Ambrosia กับ Water of Life ไว้ ฟื้นพลัง และติดตั้ง Scroll แก้สตั๊น, ฟื้นพลัง และชุบชีวิตให้พร้อมด้วย
- ค่า Might เป็นตัวบอกความแข็งแกร่งคร่าวๆ เท่านั้น ตัวสำคัญจะอยู่ที่ไอเทมอัพเกรดและวิธีเล่น ที่สำคัญสุด คือ ความทุ่มเทของแต่ละคน
- เริ่มเข้ามา ให้รีบเดินผ่านน้ำตก (ระวังชนมอนสเตอร์หลังน้ำตก) ขึ้นไปยัง NPC ที่ชื่อ Roaring Thunder โดยเร็ว เมื่อปาร์ตี้พร้อมก็ไปลดจำนวนมอนสเตอร์โดยเร็ว
- ถ้าต้องการทำสถิติ อย่ารับ Daily Quest ในดันเจี้ยนเด็ดขาด เพราะจะเสียเวลาวิ่งส่งเควสต์อีกถึง 3 ครั้ง, ต้องสู้มอนสเตอร์ที่ไม่ได้โจมตี NPC ฝ่ายเรา แล้วยังต้องไปสู้กับมินิบอส Mad Scientist Austin ที่อึดมาก และบางครั้งไม่ได้มาโจมตี NPC ฝ่ายเรา
- Elementalist ถือเป็น Mercenary แนะนำ เพราะมอนสเตอร์ส่วนใหญ่เป็นพวกโจมตีประชิด มีประโยชน์ถึงสองอย่าง ถึงศัตรูจะมี M.DEF สูง แต่สกิลที่ใช้หวังผลในการลดความสามารถเป็นหลัก
(1) Blazing Earth ลด VIT ศัตรูโดยตรง ส่งผลให้มอนสเตอร์ที่ HP เต็ม ลดพลังไป 5,500 หน่วยขึ้นไป (ผลการลด VIT ไม่คิด M.DEF) แล้วยังโจมตีเบาลงเล็กน้อย
(2) Freezing Atmosphere หยุดการระเบิดตัวเองของมอนสเตอร์ได้ ทำให้ DEF น้อยลงและโจมตีพลาดง่ายขึ้น
ถ้าต้องการไม่ใช้ Elementalist ก็ได้เช่นกัน แต่ควรจะมีอาวุธแรงๆ ไว้โจมตีศัตรูแทน
การจัดทีม และแบ่งทีม
ใช้ตัวละคร 6 ตัว จึงแนะนำ 2 รูปแบบดังนี้
แบบแรก จะดีกว่าตรงที่ Mercenary แถวหน้าไม่ต้องรับภาระมากเกินไป กระจายความเสียหายได้ดีกว่า ส่วนแบบสองจะเหมาะกับคนที่ต้องการพวกโจมตีแรงๆ ไว้แถวหลัง
ส่วนจำนวนคนในแต่ละปาร์ตี้ ขึ้นกับความถนัดของแต่ละคนมากกว่า อาจเป็น 3 / 3 / 2 / 1 หรือ 2 / 2 / 2 / 2 / 1 หรือจะลุยเดี่ยวเกือบหมดก็ได้ แต่อย่าลืมว่าต้องกำจัดมอนสเตอร์ก่อนระเบิดตัวเอง ดังนั้น การรวมกลุ่มแบบ 3 คนจะมีประสิทธิภาพกว่า
การวางตำแหน่งทีม แต่ละคนจะต่างกันไป สำคัญตรงที่ต้องมี 1 คน คอยคุ้มกัน Roaring Thunder อีก 8 คนที่เหลือ มีหน้าที่เพียงคอยสกัดมอนสเตอร์ก่อนมาถึง Roaring Thunder ไม่ต้องเดินไปไกลจนถึงเกทศัตรู เน้นการชนมอนสเตอร์เป็นหลัก ถ้ามอนสเตอร์บุก Roaring Thunder หนัก ก็ให้รีบรวมคนเคลียร์หน้า NPC แล้วค่อยๆ ดันมอนสเตอร์ออกไป
รายละเอียดของมอนสเตอร์
มอนสเตอร์ทั่วไป
Mecha-Arachne v4 และ Mecha-Tarantula v2 : มอนสเตอร์ทั่วไปที่บุกเข้ามาโจมตี Roaring Thunder จะทยอยเดินมาเรื่อยๆ พลังโจมตีสูงพอสมควร แต่ปัญหาจะอยู่ที่สกิลระเบิดตัวเอง ซึ่งจะใช้งานเมื่อ HP เหลือต่ำกว่า 40% ซึ่งถ้ามอนสเตอร์ใช้ จะทำให้ไม่นับ Kill สะสม
คอยสังเกตด้วยว่า Mercenary และตัวหลักฝ่ายเราโจมตีแรงแค่ไหน กรณีไม่มั่นใจว่ามอนสเตอร์จะตาย ควรเลี่ยงการโจมตีซ้ำ ยอมกดปล่อยผ่านเทิร์น ดีกว่าโจมตีศัตรูไม่ตายแล้วมอนสเตอร์ระเบิดตัวเอง
Feral Coyote และ Violent Coyote : จะไม่เดินมาหา Gate และมีแค่บางจุดในแผนที่ แต่สามารถชนคุณได้ถ้าอยู่ในระยะใกล้เกินไป รวมทั้งตัวที่อยู่ใกล้ Roaring Thunder สามารถชนได้ด้วย เลี่ยงการปะทะกับพวกนี้ดีกว่า
Mini Boss
ควรเลี่ยงการสู้กับพวกนี้ ยกเว้นจะหลบไม่ได้
Mecha-Tarantula v5 : แมงมุมเหล็กแดงที่ตัวใหญ่กว่าปกติ โจมตีเป็นดาบ สกิลโจมตีกลุ่มแรงมาก
Mad Scientist Austin : โจมตีแบบปืน สกิลรุนแรงยิ่งกว่ามินิบอสอีกตัว ชุดโจมตีไกลระดับ 113 หมด จะโดนความเสียหายประมาณหลักหมื่นกว่า แถวหน้าอาจโดนเกิน 30,000 หน่วยขึ้นไป
Gate
มีสองแห่งในแผนที่ คล้ายเกทในดันเจี้ยนประเทศ โดยโจมตีมอนสเตอร์ทุกตัวพร้อมกัน พลังโจมตีพอสมควร เป็นมอนสเตอร์แบบบิน และพลังชีวิตสูง ใช้เวลานานมากในการสู้กับพวกนี้ จึงไม่ควรเข้าไปโจมตี โอกาสดรอป Heavenly Crystal 2 ก้อนสูงมาก
ถ้าเคลียร์มอนสเตอร์ 700 ตัว ไม่ทันจริงๆ อาจจับกลุ่ม เข้าไปเน้นทำ Daily Quest แทน เพราะ Heavenly Crystal ที่มีคนรับซื้อในราคาสูง ดีกว่าปล่อยให้เสีย Cool Down เข้าดันเจี้ยนไป
by AIR