สู่ปลายสายรุ้งกับ 27 อาชีพคลาส 3 ของ King of Kings 3 ทางเดินของท่านคือเส้นทางไหน มาดูกันเลย

แชร์เรื่องนี้:
สู่ปลายสายรุ้งกับ 27 อาชีพคลาส 3 ของ King of Kings 3 ทางเดินของท่านคือเส้นทางไหน มาดูกันเลย

    จากครั้งที่แล้วเราได้พูดถึงสายอาชีพในคลาส 1 และ 2 ของเกม King of Kings 3 กันไปแล้วนะครับซึ่งจะมี 3 สายอาชีพหลักให้เลือกเล่นด้วยกันก็คือ นักรบ ผู้วิเศษ และนักบวช นั่นเอง และในแต่ละสายอาชีพ หลังจากเปลี่ยนอาชีพคลาส 2 แล้วก็จะแยกออกไปอีก 3 สายอาชีพต่อหนึ่งสายอาชีพเริ่มแรก ซึ่งรวมทั้งหมดในการเปลี่ยนอาชีพคลาส 2 นั้น จะมีสายอาชีพถึง 9 อาชีพเลยทีเดียวเลยนะครับ จากที่ดูเพื่อนๆ ก็อาจจะบอกว่า โห!! สายอาชีพเยอะจังเลย มีตั้ง 9 อาชีพแหนะ แต่เมื่อมาพูดถึงคลาส 3 แล้ว เพื่อนๆ จะต้องช็อคซีนีม่าไปตามๆ กันอย่างแน่นอนครับ เพราะจาก 9 สายอาชีพที่เราเปลี่ยนตอนคลาส 2 ไปแล้ว เมื่อมุ่งหน้าไปสู่คลาสที่ 3 จะมีแยกออกไปถึง 27 อาชีพด้วยกันเลยทีเดียว O_o!! เยอะจนตาลายเลยจริงๆ ครับผม สำหรับสายอาชีพคลาส 3 ของเกมนี้

    และเราจะมาว่ากันถึงอาชีพต่างๆ ในคลาส 3 กันต่อเลยนะครับ ว่าอาชีพไหนมีความน่าสนใจ และมีจุดเด่นอย่างไรกันบ้าง เผื่อจะช่วยเป็นแนวทางให้กับผู้เล่นที่ยังหาทางออก หาตัวเลือก หรือหาความเป็นตัวของตัวเองไม่เจอ ลองมาดูพร้อมๆ กันเลยครับผม

การเปลี่ยนอาชีพครั้งที่ 2 ของสายนักรบ

1.สายเบอร์เซิร์ค

มีทั้งหมด 3 อาชีพดังนี้

1.1 นักต่อสู้

    เขาไม่ต้องการพลังของใครมาเพิ่มพลังของตนเอง เขาเพียงแต่ชอบการต่อสู้ นิสัยเช่นนี้ทำให้เขาสละทิ้งอาวุธและเครื่องป้องกันที่เกะกะ เขาขอมีเพียงมือเปล่าเท้าเปล่าก็สามารถกระโดดเข้าสุ่สนามรบต่อสู้จนศัตรูต้องตกใจจนต้องหนีออกจากสนามรบจนหมดสิ้น เขาไม่ได้ดูน่ากลัวกว่าผู้ที่มีอาวุธ ถึงแม้เขาจะไม่ใส่เครื่องป้องกันแต่เขาก็มีพลังกายอึดกว่าผู้ที่ใส่เครื่องป้องกันเสียอีก เพราะว่าเขามีสิ่งที่เขาเรียกว่า แรงฮึด!! นั่นเอง สิ่งนี้เป็นอาวุธที่น่ากลัวที่สุดที่เขาได้มาจากการฝึกจิตใจ เพียงแต่จิตใจมีช่องว่างแม้เพียงน้อยนิดก็จะทำให้ไม่สามารถรวบรวมแรงฮึดได้ ดังนั้นเขามักจะพาตัวเองอยู่กับความตาย ความเป็นจริงได้พิสูจน์แล้วว่า คนโง่อย่างเขาที่จริงแล้วเก่งกาจที่สุด

1.2 จอมทัพ

    เมื่อได้รับการปกป้องจากพลังเทพแล้ว  เขาก็กลายเป็นซุปเปอร์นักรบที่เก่งทั้งรุกและรับ  พร้อมกับความหนังเหนียวที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเหนิดทำให้เขาป้องกันการโจมตีของอาวุธและเวทย์มนต์ได้ เนื่องจากความชื่นชอบในอาวุธขวาน  ทำให้เขาใช้อาวุธขวานทุกชนิดได้อย่างชำนาญ อีกทั้งมีความรู้เกี่ยวกับขวานมากกว่าคนทั่วไป  พลังการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะเดียวกันก็ได้รับสกิลระเบิดไม่ตายและสกิลภาพพิการอย่างหนัก รู้กันทั่วว่าคนที่เคยเห็นพลังของเขา ผู้ที่ต่อสู้กับเขาไม่สามารถกลับมาได้ครบสามสิบสอง

1.3 มารคลุ้มคลั่ง

    เพื่อที่จะเพิ่มสัญชาตยานการสู้รบที่ไม่มีขอบเขต นักรบที่บ้าคลั่งสุดท้ายก็ต้องธาตุไฟแตกซ่าน และสภาพบ้าคลั่งก็ไม่สามารถกลับเป็นปกติได้ เขาเป็นนักรบที่อยู่ในสภาพบ้าคลั่งตลอดและจะเปลี่ยนเป็นด้านมืดเรื่อยๆ  จนตกอยู่ในสภาพที่คุบคุมตนเองไม่ได้ทำให้เหมือนมารขึ้นทุกที นี้เป็นทางเลือกของเขา เพียงแค่มีสักวันที่เขาพ่ายแพ้จากการสู้รบ เขาก็คงจะนึกได้นึกถึงความอ่อนแอและจิตใต้สำนึกของความเป็นมนุษย์อีกครั้ง

2.พาลาดิน

มีทั้งหมด 3 อาชีพดังนี้

2.1 กวีพเนจร

    นักรบที่ไม่ต้องการฆ่าฟันชีวิตของผู้อื่น ดังนั้นจึงเลือกการออกเดินทางและมีดนตรีเป็นเพื่อน เขาสละทิ้งอาวุธและเวทย์มนต์ สุดท้ายแล้วได้เจอสัจธรรมจากดนตรีที่ไร้พรมแดน กลิ่นคาวเลือดจากการฆ่าฟันเทียบไม่ได้กับเสียงดนตรี  แต่อย่างดูถูกเขานะถึงแม้พลังทางกายของเขาจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าแต่ก่อน แต่อย่าดูถูกเวทย์มนต์ดนตรีของเขาละ!! ซึ่งจะทำให้จิตใจเจ้าหวั่นไหวเป็นพลังที่ยากจะเข้าใจ อาวุธที่เขาชอบมากที่สุดคือธนู สาเหตุเพราะเขาสามารถล่าสัตว์ไปร้องเพลงไปได้ ชีวิตสำหรับเขาแล้วเป็นสิ่งที่สบายๆ

2.2 นักสู้ศักสิทธิ์

    นักรบที่รักษาความชอบธรรมยิ่งเพิ่มความมุ่งมั่นแก่เขา เขาได้รับพลังศักสิทธิ์ที่แข็งแกร่งแล้วการแก้เวทย์มนต์ของเขานั้นหาใครเทียบได้ไม่ เขาผู้มีออร่าป้องกันเวทย์มนต์ต่างๆ ตั้งแต่กำเนิด ทำให้เขาเป็นนักสู้ฝ่ายธรรมะที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง ทำให้ตนเองสามารถต่อสู้เพื่อความยุติธรรมได้ตลอดเวลา นี้คือข้อความจากเขาถึงแม้เขาจะไม่ใช้ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดแต่เขามีความพยายามที่ไม่ลดละที่จะมีชีวิตเมื่อต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่ง

2.3 มือสังหาร

    นักรบพเนจรที่ยากจน ตะหนักถึงธรรมะจอมปลอมความสับสนที่ออกมาจากจิตใจส่วนลึกทำให้ละทิ้งธรรมะไปตามหาสัจธรรมแห่งการต่อสู้ละทิ้งพลังศักสิทธิ์ที่เชื่อถือกันมานาน เขากลายเป็นเครื่องจักรสู้รบที่แสวงหาแต่ชัยชนะ เขาเรียนรู้สกิลการลอบฆ่าและและการหลบซ่อนจากศัตรูที่โหดร้าย และประสบความสำเร็จในการนำมาใช้ในการต่อสู้ หลังจากเข้าใจในเทพและมารเปรียบเสมือนแสงกับเงา เขาได้นำพลังทั้งหมดของตนเองเปลี่ยนเป็นเวทย์มนต์ชุดหนึ่ง  ความดีความชั่วสำหรับเขาแล้วไม่สำคัญอีกแล้ว นั้นเป็นเพียงละครที่ให้คนกลุ้มหัวใจเท่านั้น 

3. อัศวิน

มีทั้งหมด 3 อาชีพดังนี้

3.1 อัศวินศักสิทธิ์

    เมื่อผ่านการทดสอบขั้นสูงของเหล่าอัศวินศักสิทธิ์แล้ว อัศวินต้องภักดีต่อฝ่ายศักสิทธิ์ อัศวินสามารถเลือกคู่หูของเขา ไม่ว่าจะเป็นม้าขาวที่ศักสิทธิ์ หรือสัตว์เขาเดียวที่สวยงาม ต่างก็เป็นคู่หูในฝันของเหล่าอัศวิน พลังอาวุธประเภทหอกของอัศวินที่ขี่สัตว์ศักสิทธิ์ก็จะเพิ่มขึ้น พลังของสัตว์ศักสิทธิ์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิดก็จะคอยเพิ่มพลังป้องกันและพลังป้องกันเวทย์มนต์  พูดกันว่าอัศวินศักสิทธิ์ที่เผชิญหน้ากับศัตรูที่เป็นความชั่วร้ายก็จะทำให้พลังความชั่วร้ายทั้งหลายไร้ผล

3.2 อัศวินมาร

    ไม่เคยมีใครเคยเห็นหน้าตาที่แท้จริงของเขา  ใบหน้าของเขาจะหลบอยู่ภายใต้หมวกเหล็กสีดำทมึน สถานที่ที่อัศวินมารและภาหนะของมันปรากฏไม่มีใครที่จะไม่ตัวสั่นเพราะหวาดกลัว แต่ทุกครั้งที่เขาสะบัดดาบครั้งหนึ่ง ก็จะมีคนล้มลง อัศวินมารเป็นสัญลักษณ์แห่งความตายโดยแท้ ผู้คนต่างก็ยอมรับในความคิดนี้ แต่ก็มีคนพูดว่าอัศวินมารนำศพศัตรูมาทำพิธี สวดวิญญาณให้ไปสู่สุขติ ใครจะเชื่อว่ามีดของมือประหารจะร้องไห้เป็น?? ใครจะเคยฟังว่ามีดของมือประหารจะคร่ำครวญ ความลึกลับของอัศวินมารก็มีแต่ความตายเท่านั้น

3.3 อัศวินมังกร

    อัศวินที่เต็มไปด้วยความหวังผู้ยอมเลี้ยงดูมังกร รักษาสัตว์ประหลาดที่เหลืออยู่บนโลกนี้เพียงไม่กี่ชนิด การเจริญเติบโตของมังกรทองไม่มีหน้าที่ใดจะเทียบค่าได้ ถึงแม้นี้จะเป็นเกียรติยศแต่สิ่งที่ต้องแลกมาก็ไม่น้อย  ภาระของอัศวินมังกรนอกจากต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องเลี้ยงลูกมังกรให้อิ่มแล้วยังต้องสอนความสามารถในการใช้ชีวิตต่างๆให้กับมัน ที่แย่ไปกว่านั้นถึงแม้มังกรทองจะโตเป็นมังกรที่สวยงามและฉลาดแล้ว มังกรที่อายุน้อยกว่า 400 ปีก็ยังมีสภาพเหมือนเด็ก 3 ขวบ ไม่เพียงร่างกายเท่านั้นแต่ยังมีนิสัยอยากรู้อยากเห็น  แถมยังซุกซนอีกด้วย  ... อือ ...พอจะนึกงานของอัศวินมังกรออกไหม

การเปลี่ยนอาชีพครั้งที่ 2 ของสายผู้วิเศษ

1.จอมขมังเวทย์

มีทั้งหมด 3 อาชีพดังนี้

1.1 จ้าวขมังเวทย์

    เจ้าแห่งเวทมนต์ที่มีความสนใจกับความเป็นความตายเป็นเวลานาน เกิดค้นพบวิธีควบคุมศพ นี้ไม่ใช่การฟื้นคืนชีพ แต่รับรองว่าฟื้นมาแล้วจะฟังคำสั่งของเรารู้เรื่อง สำหรับนักร่ายมนต์ที่ไม่มีพลังในการรบ เป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างมาก จ้าวขมังเวทย์ไม่เพียงทำให้ศพกลายเป็นองครักษ์ได้เท่านั้น แถมยังเข้าใจขั้นตอนการสลับพลังชีวิต ดังนั้นจึงพัฒนาวิธีดูดพลังชีวิตต่างๆ ขึ้นมา พวกเขาสามารถดูดและใช้พลังของศัตรู ไม่เพียงแค่ทำให้ศัตรุบาดเจ็บ แต่เนื่องจากการเคลื่อนย้ายพลังชีวิตใช้เวลามากบทสวดและพิธีกรรมก็มาก  ดังนั้นเขามักจะเอาซอมบี้ที่ไม่มีพลังชีวิตแล้วมาเป็นองครักษ์ จ้าวขมังเวทย์เป็นพวกตนเองได้คนอื่นเสียใช่ไหม?? พวกเขาแค่เก็บชีวิตที่เสียไปแล้วมาใช้ใหม่เท่านั้นเอง

1.2 นักเวทย์พลังจิต

    นักร่ายมนต์ที่เน้นเรื่องพลังจิตในที่สุดก็มีพลังที่ลึกซึ้ง เขาสามารถรับรู้ถึงจิตของคนอื่นโดยอัตโนมัติ แถมยังรู้จุดอ่อนของจิตใจฝ่ายตรงข้ามในเวลาเพียงชั่วครู่ นักเวทย์พลังจิตเป็นกลุ่มที่อบอุ่น เขามักจะทำงานด้านปลอบใจผู้คนเช่นดูดวง ทำนายฝันเป็นต้น แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่เก่งเรื่องการรบ ในทางกลับกันนักเวทย์พลังจิตเป็นผู้ใช้เวทย์สายจิตใจที่น่ากลัวอีกทั้งมีพลังที่ดึงดูดและขับไล่ความชั่วร้ายที่น่ากลัว ตามที่เข้าใจขอเพียงแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญาไม่มีทางที่จะต้านการโจมตีจากเวทย์มนต์สายจิตใจได้

1.3 นักเวทย์สเน่หา

    ความดีและความชั่วสิ่งไหนสำคัญกว่า?? สำหรับนักเวทย์สเน่หาแล้ว ใครที่มีพลังมากว่าก็มีสิทธิ์อยู่มากกว่า นักร่ายมนต์ผู้หลงไหลในการทดลองเวทย์มนต์ แรงดึงดูดของที่มาของเวทย์มนต์ค่อยๆ ทำลายเส้นแบ่งระหว่างความดีและความชั่วทำให้ขอบเขตการวิจัยของเขาขยายไปจนสุดขอบความชั่วความบ้าคลั่งและเวทย์มนต์แห่งความชั่วร้ายของเขา ทำให้ผู้คนเห็นเขาเป็นปีศาจแต่นี้ไม่มีผลต่อความตั้งใจของเขา หลังจากที่ได้รับการสนับสนุนจากความชั่วร้ายเขาได้รวมเอาพลังของความชั่วร้ายกับการบทสวดเข้าด้วยกันกลายมาเป็นสิ่งที่เขารียกว่าเวทย์มนต์พลังปีศาจใหม่ ด้วยความช่วยเหลือจากที่มาของเวทย์มนต์ที่ได้จากปีศาจโดยตรงสามารถใช้เวทย์มนต์โจมตีและรักษาพลังชีวิตและพลังเวทย์มนต์ในเวลาเดียวกันได้  พลังที่ไม่น่าเชื่อนี้ทำให้เขากลายเป็นศัตรูที่รับมือยากที่สุด  ก็เหมือนกับที่ยอดฝีมือทั้งหลายบอกต่อกันว่า ต่อสู้กับนักเวทย์สเน่หา  ไม่ตายตอนนี้ก็ค่อยๆ ตาย

2.จอมเวทย์

มีทั้งหมด 3 อาชีพดังนี้

2.1 จอมพิธีกรรม

    ในที่สุดผู้วิเศษที่เข้าใจความหมายของบทสวดโบราณได้รับการพัฒนาที่คิดไม่ถึง ปัญญาที่เพิ่มขึ้นและพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งของเขาทำให้รู้ถึงเส้นแบ่งระหว่างความดีและความชั่วที่เหมือนกับแสงสว่างและเงาที่แยกจากกันได้ยาก ด้วยการอ่านปัญญาโบราณของคำภีร์เขาค้นพบบทสวดเวทย์มนต์โบราณระบบใหม่ เขาถึงรุ้สิ่งที่ทำให้เขาได้ประโยชน์มากที่สุดคือความกระจ่างในความลับของระบบเวลา  ความลับของเวลาจะทำให้ทกคนที่รู้กฏการไหลของเวลามีเวลาที่ใช้ได้มากขึ้น หากเขาใช้อย่างชำนาญก็จะเป็นอาวุธที่น่ากลัวมากที่สุด

2.2 จอมเวทย์ทำลายล้าง

    เขาเป็นผู้วิเศษประเภทสุ้รบที่มุ่งเน้นพลังและประสิทธิภาพในการโจมตีของเวทย์มนต์ ชื่อของเขาดังกระฉ่อนไปทั่วสนามรบ หากศัตรูต้องได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของจอมเวทย์ทำลายล้างเป็นต้องสั่นเทาไปด้วยความกลัวทุกคน พลังอันน่ากลัวของจอมเวทย์ทำลายล้างมาจากพลังการร่ายเวทย์มนต์ที่คาดไม่ถึง เขาเรียนรู้วิธีการร่ายมนต์ของผู้วิเศษทั้งหมด และหลอมรวมความรู้เหล่านั้นรวมกันซึ่งเป็นจุดเด่นของเขาเอง เขาจึงสามารถใช้เวทย์มนต์บรรจุลงในอาวุธเวทย์มนต์ ใช้เวลาให้สั้นที่สุดในการร่ายเวทย์มนต์ให้ได้เยอะที่สุด ทำให้เกิดผลที่น่ากลัว  ศัตรูที่เผชิญกับเขาต่างก็รู้ว่าถ้าไม่อาจเอาชีวิตของเขาตั้งแต่ทีแรกที่เหลือที่ทำได้ก็คือหนีเท่านั้น

2.3 ลิชช์

    เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังขั้นสุดยอด ลิชช์จอมเวทย์ที่ตัดสินใจคล้อยตามพลังแห่งความมืด เมื่อพลังแข็งแกร่งขึ้นสิทธิ์ที่มีชีวิตอมตะที่ไม่มีวันตายก็จะคงอยู่กับเขาตลอดไป เพราะเขาได้ละทิ้งกายเนื้อไปหมดสิ้นแล้ว เขาได้ละทิ้งความเจ็บปวดทางกายและความอ่อนแอทางจิตใจไปหมดสิ้นแลกกับวิญญาณที่ไม่มีวันแก่และตาย แต่บททดสอบอันเข้มงวดของความมืดจะติดตามเขาตลอดไป ทำให้เขาทำได้แค่หลบในผ้าใบและภายใต้ความมืดเท่านั้น แต่ว่าเขาเป็นมารฝันที่น่ากลัวที่สุดในความมืด พลังเวทย์มนต์ความมืดของเขาจะฉีกทุกอย่างเป็นชิ้นๆ วิญญาแห่งความมืดที่ตามหาพลังสิ่งเหล่านี้หลอมรวมขึ้นมาเป็น ลิชช์

3.นักดาบเวทย์

มีทั้งหมด 3 อาชีพดังนี้

3.1นักดาบเทพ

    ผู้วิเศษที่ฝึกเพลงดาบและมีความกระจ่างในเพลงดาบและเวทย์มนต์ เข้าใจในเหตผลของการฆ่าคนและการมีชีวิตของคน เขาเริ่มที่จะเดินทางสู่ความเป็นเทพการฝึกจิตใจเช่นนี้ไม่เพียงนำพาเขาให้เข้าใจในเวทย์มนต์ ยังทำให้เขาเข้าใจใจวิธีแห่งเพลงดาบ การโจมตีของเขาจะโจมตีศัตรูจากภายในสู่ภายนอก เขาผู้ที่เป็นนักดาบเทพจะฆ่าคนเป็นผักปลาไม่ได้ และความเป็นเทพของเขาทำให้ศัตรุที่แข็งแกร่งของเขาต้องยอมศิโรราบ

3.2 นักดาบมาร

    ในที่สุดก็ค้นพบวิธีควบคุมวิญญาณของดาบมาร เขาสามารถใช้ความคลั่งของพลังวิญญาณมาผสมผสานรวมกันกับพลังทางด้านจิตใจโดยการรวบรวมจิตวิญญาณทำให้เค้นพลังความคลั่งออกมาได้มากขึ้น จิตวิญญาณเช่นนี้หากรวมกับผู้วิเศษก็จะสามารถปลดปล่อยพลังที่ยิ่งใหญ่ที่ยุ่งเหยิงไม่สามารถควบคุมได้ออกมาแม้แต่ผู้ที่ปล่อยเวทย์เองยังควบคุมไม่ได้เลยเสียด้วย ถึงแม้จิตวิญญาณของผู้ที่ปล่อยพลังเวทย์จะไม่เป็นอะไร แต่ศัตรูรอบๆ นั้นอาจจะต้องม้วยมลายสิ้นในกระบวนท่าของเขาในทันที พลังวิญญาณของผู้ปล่อยพลังเวทย์จะฟิ้นคืนอย่างรวดเร็ว  แต่สำหรับคนอื่นแล้ว นี้เป็นงานเต้นระบำที่บ้าคลั่งและอันตรายยิ่ง

3.3 นักดาบเวทย์ขั้นสูง

    นักดาบขั้นสูงผู้ที่ละทิ้งเรื่องทางโลกและแสวงหาพลังลมปราณในเพลงกระบี่ และฝึกฝนจิตใจให้สงบกลายมาเป็นคนที่แสนจะธรรมดาเก็บตัวห่างจากสังคม เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ แต่ก็แลกมาด้วยเพลงดาบที่เกินธรรมดายากจะบรรยาย นักดาบเวทย์ขั้นสูงที่ไม่มีพลังเวทย์ไม่สามารถร่ายเวทย์มนต์ได้แต่เพลงดาบของเขากลับใช้ได้อย่างยอดเยี่ยมโจมตีได้อย่างไร้ร่องรอย เยือกเย็น จนถึงกับชีวิตได้ในกระบวนท่าเดียว หลังจากที่พ้นขอบเขตของพลังเวทย์มนต์กลับทำให้พลังของดาบไปถึงจุดสุดยอดอีกทั้งเพิ่มพลังป้องกันเวทย์มนต์ได้มาก นักดาบเวทย์ขั้นสูงซึ่งใช้ใจควมคุมดาบ หลอมหลวมจิตและสมาธิเป็นหนึ่งเดียวกับดาบ แค่เพียงใช้เหล็กธรรมดาก็สามารถร่ายรำตามพอใจเอาชนะเวทย์มนต์ได้แล้ว

การ เปลี่ยนอาชีพครั้งที่ 2 ของสายนักบวช

1.บิชอพ

มีทั้งหมด 3 อาชีพดังนี้

1.1 จอมมาร

    โลกแห่งการเลี่ยนแปลงมีผู้ที่สูญหายไปด้วยกลุ่มหนึ่งแต่ก็ไม่มีเทพองค์ไหนที่จะมาช่วยพวกเขา นักบวชที่กังวลต่อการรวมศูนย์ของพลังเวทย์มนต์และความเชื่อ ทำให้ต้องออกจากสังคม จิตนาการกลายเป็นสิ่งที่เทพสามารถทำได้ทุกอย่างชักนำศาสนาใหม่ๆ เหมาะกับผู้ที่หลงงมงาย กลุ่มที่ออกจากฝูงของศาสนาที่จะได้รับการปลอบโยน เพื่อความรุ่งโรจและพลังของตัวเองกลับยอมเป็นศัตรูกับคนทั่งโลก...คุ้มกันไหม ?? แต่ที่น่าอัศจรรย์ก็คือเขายังกับกลายร่างเป็นเทพเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของกลุ่มชนบางกลุ่มอยู่เสมอ

1.2 อาร์คบิชอพ

    นักบวชที่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นอาร์คบิชอพนั้นถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง แต่อาร์คบิชอพก็เป็นคนที่ทำงานหนัก  อาร์คบิชอพเป็นผู้รับหน้าที่ติดต่อระหว่างราชวงศ์กับสำนักวาติกันนอกจากความศัทธาแล้วยังต้องรู้การเมืองในบางสถานะการและยังต้องทำหน้าที่สู้รบอีกด้วย เมื่อเผชิญกับภาระที่หนักเช่นนี้หากไม่มีความสามารถก็จะรับมือในภาระนี้ไม่ได้หรอก ผู้ที่สามารถเป็นอาร์คบิชอพได้แสดงว่าเขามีพลังเทพและพลังรบที่เข้าขั้นที่เดียวบทสวดของเวทย์มนต์ก็อยู่ในระดับที่สูงส่งเพื่อรับมือกับการสู้รบ การโจมตีและป้องกันด้วยเวทย์มนต์ของเขาเพิ่มขึ้นมาก มีอาชีพอาร์คบิชอพแล้วไม่ว่าจะเป็นยามปกติหรือยามรบก็มีพลังที่จะทำให้ประเทศมั่นคง

1.3 เอลเดอร์

    เอลเดอร์คือผู้ที่ละทิ้งการเป็นที่นับถือจากวาติกัน นักบวชที่ออกจากวาติกันย้ายไปอยู่กับประชาชนทั่วไป เขาไม่สนใจสีหน้าของวาติกันว่าจะเป็นเช่นไร เขาให้ความสนใจเฉพาะความเป็นอยู่ของประชาชนที่ดีขึ้น การเคลื่อนไหวเพียงคนเดียวเช่นนี้ทำให้วาติกันถึงกับปวดหัวแต่ก็ทำให้ประชาชนได้รับสวัสดิการมากขึ้น การสนับสนุนจากประชาชนเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ของเขา อำนาจหรือชื่อเสียงเขาก็ไม่สนใจ เข้าคือนักบุญผู้เป็นที่รักของประชาชนเท่านั้น

2. ผู้รอบรู้

มีทั้งหมด 3 อาชีพดังนี้

2.1 เดวิล

    เล่ากันว่านักบวชที่ชาญฉลาดผู้หนึ่งตกต่ำลง รัศมีแสงศักสิทธิ์ของเขากลายเป็นเงาดำอันมืดมิดบรรยากาศเสียงหัวเราะของญาติพี่น้องผู้ที่ศัรทธาในตัวเขาเปลี่ยนเป็นบรรยากาศคลุ้งกลิ่นคาวเลือด ภายใต้ความชั่วร้ายที่คืบคลานเข้ามา เขาได้เป็นใหญ่ในอาณาเขตความมืดของเขา เดวิลผู้เคยบริสุทธิ์ เพราะอะไรทำให้เขาใฝ่ต่ำลง เพราะความเป็นอมตะหรือ ?? หรือพลังความชั่วร้ายในการเป็นใหญ่ในความมืดมิด ?? ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม  เมื่อเขาได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่แล้ว แต่เขาก็ต้องหักหลังพวกพ้อง ต้องได้รับการดูถูกจากผู้คนรอบข้าง มีแต่ความโดดเดี่ยวตลอดกาล

2.2 นักบุญ

    เรื่องเล่าที่ยังมีอยู่สัญลักษณ์ของโลกศักสิทธิ์ที่เป็นเป้าหมายสูงสุดของเหล่าทวยเทพแต่เป็นภาระที่หนักอึ้งของคนคนหนึ่ง ผู้ที่เป็นนักบุญก็เหมือนกับประกาศว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับความชั่วร้ายทั้งหลายบนโลกนี้จะใช้แรงกายแรงใจทั้งหมดในวิธีนักบุญ การเลือกนี้ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ อีกทั้งการตอบแทนของพลังศักสิทธิ์ก็ยิ่งใหญ่เหลือเกิน แต่ว่านักบุญก็มีหัวใจ ความคิด ความรู้สึก เฉกเช่นเดียวกับมนุษณ์ทั่วไปที่มีทั้งความดีความชั่วอยุ่ในตัว เมื่อไม่สามารถปิดผนึกความชั่วในใจได้แล้วก็จะตกลงสู้ก้นอึ้งแห่งความมืดที่จะกลืนกินจิตใจอันต่ำช้าทันที

2.3 ไวส์แมน

    นักบวชออกจากตำแหน่งอันสูงส่งของสำนักวาติกันแล้วเขาหยิบไม้เท้าขึ้นมาก้าวสู่การเดินทางอันพเนจร  การฝึกทางกายและการบำเพ็ญตน เขาสามารถละทิ้งเรื่องทางโลกได้ทั้งหมด ถึงแม้นจะออกจากสำนักวาติกันแล้ว แต่ความห่วงใยของเขาต่อผู้คนนั้นก็ไม่เคยเปลี่ยน เวทย์มนต์ขาวที่คอยช่วยเหลือผู้คนทางโลกก้ไม่เคยว่างเว้น จนถึงเวทย์มนต์แสงอันโดดเด่นอีกด้วย ในบรรดาเวทย์การรักษาพลังเวทย์การรักษาหมู่และพลังเวทย์การป้องกันของเขาดีที่สุดและประหยัดพลังที่สุด แต่นี้ไม่ใช่ไม้ตายของเขาหากไม่ถึงยามคับขันใครจะเชื่อว่านักบวชจะร่ายเวทย์มนต์ดำได้ละ ??

3. พระสงฆ์

มีทั้งหมด 3 อาชีพดังนี้

3.1 จอมอาคมเทพ

    พระสงฆ์ที่ได้รับความลำบากใจมาโดยตลอดในที่สุดก็ได้สละทิ้งความคิดที่น่าเบื่อที่ว่าใครเป็นผู้สืบทอดที่แท้จริง เขาเริ่มวิจัยกันอย่างกว้างขว้างเกี่ยวกับร่องรอยของเทพ ในการวิจัยของเขานั้นเหนือการคลาดหมายของใครต่อใครอยู่มากมายและก็เกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นอยู่บ้าง และในที่สุดเขาล้มเลิกผลผลงานที่ทำมาด้วยความยากลำบาก สุดท้ายความยุ่งยากนั้นก็หายไปเหลือเพียงชื่อเสียงไว้ในอดีต ชีวิตเป็นไปตามแผนที่ไร้ซึ่งทุกข์ เขายังอยู่อย่างสบายดี เวทย์มนต์ขาวก็ยังคงเปล่งรัศมีถึงแม้ภายนอกจะยังคงนับถือมหาเทพ แต่ความจริงแล้วเขาก็ดีกับเทพทุกองค์ และเขาก็ยังได้รับความช่วยเหลือจากทวยเทพเหล่านั้นเป็นอย่างดีอีกด้วย

3.2 จอมอาคมมาร

    จอมอาคมที่มีความศรัทธาอย่างแรงกล้า แต่ก็มาเข้าใจว่าการนับถือในสิ่งที่เชื่อกันอยู่นั้นมันว่างเปล่า หลังจากการขจัดขอบเขตความเชื่อภายใต้ความรู้สึกอันเจ็บปวดแล้ว นางได้พบกับโลกที่กว้างใหญ่ขึ้นโลกของเทพนั้นก็วุ่นวายเหมือนดั่งโลกมนุษย์  ภายใต้การทดสอบอย่างหนักหน่วงมีแต่ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่อยู่รอด แม้แต่เทพที่เป็นวิญญาณก็มิอาจอยู่เหนือกฎนี้ นางผู้ที่เลือกนับถือผู้ที่แข็งแกร่ง แต่ไม่ใช่นับถืออย่างหน้ามืดตามัวแน่นอนนางก็ได้รับความไว้วางใจและอำนาจจากผู้คนรอบข้าง ผู้เป็นเจ้าของแห่งเทพทั้งหลายคงไม่มีใครที่จะต่อกรกับเขาได้ง่ายๆ

3.3 บาทหลวง

    นักบวชที่ยิ่งใหญ่ที่ผู้คนจับตามองในที่สุดได้ก้าวสู่ตำแหน่งสูงสุดของสำนักวาติกัน สิ่งที่เขาได้รับนั้นไม่เพียงเป็นเพียงอำนาจและความนับถืออย่างสูงส่ง ยังมีพลังที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย เขาไม่สนในสิ่งที่เป็นจริงเขาเพียงแต่ทำตามความต้องการเท่านั้น หลังจากที่ได้รับการสนับสนุนจากเทพ พลังเทพของนั้นหมุนวนอย่างไม่ขาดสาย  เวทย์มนต์ขาวและบทสวดคำประกาสิทธิ์ก็ใช้ได้ดั่งใจ ความเร็วและความแรงในการร่ายเวทย์มนต์ก็เพิ่มมากขึ้น  แต่นี้ยังแสดงถึงฐานะของเขาขอเพียงคุณยินยอมเขาสามารถเรียกกองครักษ์ศักสิทธิ์มาช่วบรบได้ สุดท้ายแล้วฐานะอย่างเขาก็ไม่เหมาะที่จะลงมือเองเหรอก

    ก็ครบหมดทุกอาชีพแล้วนะครับ สำหรับสายอาชีพคลาส 3 ของเกม KOK 3 แฟนๆ ที่ให้ความสนใจในเกมนี้ และให้ความสนใจในอาชีพต่างๆ ก็ลองเลือกและตัดสินใจดูนะครับ ว่าอาชีพไหนที่จะเป็นตัวคุณมากที่สุด ถึงแม้อาชีพของเกมนี้จะเยอะแยะมากมาย แต่ผมขอการันตีเอาไว้เลยนะครับ ว่าแต่ละอาชีพ มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป และไม่มีอาชีพไหนที่เก่งกว่ากันครับ ทุกอาชีพนั้นเท่าเทียมกันหมด อยู่ที่การเล่น ไอเทม และเทคนิคของตัวผู้เล่นเองเสียส่วนใหญ่ครับ

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ