ถ้าหากจะพูดถึงอาชีพ Warrior ในเกม Dragonica แล้วละก็ หลายๆ คนคงจะต้องร้องยี้ เพราะด้วย ตำนานค้อนไฟน้ำแข็ง ที่สร้างชื่อลือกระฉ่อนให้กับอาชีพนี้ในแง่ลบเป็นอย่างมาก จึงมักจะเป็นอาชีพแรกๆ ที่มักจะถูกคัดให้ออกจากกลุ่ม ซึ่งเป็นที่น่าสงสารสำหรับคนที่ชื่นชอบ Warrior เป็นอย่างมาก ดังนั้น วันนี้เราจะมานำเสนอวิธีการเล่น Warrior แบบที่ไม่ Out กัน
รายละเอียดของ Warrior
ก่อนที่จะไปดูแนวทางการเล่น เรามารื้อฟื้นความหลังเกี่ยวกับอาชีพ Warrior กันก่อนดีกว่า โดยที่อาชีพ Warrior จัดเป็นอาชีพสายโจมตีระยะประชิด ที่มีพลังชีวิตและพลังป้องกันที่สูง จึงเหมาะที่จะเอาไว้เป็นตัวเปิดวิ่งเข้าไปสลายการชุมนุม (ของมอนสเตอร์) นอกจากการที่เป็นตัวเข้าชนชั้นเยี่ยมแล้ว พลังโจมตีของ Warrior ก็ไม่ได้ดูต่ำต้อยไปกว่าอาชีพอื่นเท่าไหร่นัก จึงสามารถพลิกหน้าที่ตัวเองมาเป็นตัวสร้างความเสียหายในการเก็บเลเวล หรือเข้าไปสดกับบอสใน Mission ได้เป็นอย่างดี ซึ่งในคลาส 2 ของ Warrior ที่สามารถเป็นได้เมื่อมีเลเวล 20 จะแยกออกเป็น
- Knight คลาสที่เสริมจุดเด่นในเรื่องของพลังชีวิตและพลังป้องกันให้สูงขึ้น
- Gradiator เป็นคลาสที่เสริมในเรื่องของพลังโจมตีให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
แต่วันนี้เราจะไม่ได้มาพูดถึงคลาส 2 ของ Warrior แต่จะมาพูดถึงวิธีการเล่น Warrior ในช่วงแรกอย่างไรให้ดูมีประโยชน์กับปาร์ตี้มากที่สุด ซึ่งในช่วงแรกๆ วิธีการเล่นอาจจะยังไม่ส่งผลสักเท่าไหร่นัก แต่จะมีผลในระยะยาว ยิ่งในช่วงเลเวลก่อนจะเปลี่ยนคลาส 2 ที่จะต้องทำเควสต์ลง Mission ต่างๆ นั่นเอง โดยเราจะขอแนะนำวิธีการเล่นแบบเก่ากันก่อน
Warrior สายเก่า
คนเล่น Warrior ส่วนมาก มักจะอัพสกิลที่เอาไว้ใช้เก็บเลเวลดังนี้
- Cutdown 5
- Air Combo Launch 5
- Storm Blade 5
- Hammer Crush 5
- Flame Hammer 5
- Frost Hammer 5
ซึ่งหากดูจากภาพโดยรวม จัดว่าการอัพสกิลแบบนี้จะเป็นการใช้เก็บเลเวลได้ดีที่สุด เนื่องจากสกิล Flame Hammer และ Frost Hammer เป็นสกิลโจมตีหมู่ที่มีความรุนแรงที่สุดในบรรดาสกิลทั้งหมดของ Warrior และยังติดสถานะผิดปกติให้กับกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย ผู้เล่นส่วนมากจึงนิยมอัพไว้เต็มเพื่อใช้งานทั้ง 2 สกิลนี้
แต่ข้อเสียของสกิลค้อนทั้ง 2 แบบที่ผู้เล่นอาชีพอื่นต่างจงเกลียดจงชัง Warrior เป็นอย่างมากนั่นคือ เมื่อ Warrior ได้ลงค้อนไปแล้ว จะทำให้กลุ่มมอนสเตอร์แตกกระจัดกระจายออกไปคนละทิศทาง อีกทั้งยังทำให้มอสเตอร์ล้มลงอีกด้วย ทำให้อาชีพอื่นที่ลง Mission ด้วยไม่สามารถโจมตีมอนสเตอร์ที่ Warrior โจมตีอยู่ได้นั่นเอง จึงทำให้หลายๆ คนถึงขนาดตั้งปาร์ตี้กันเองและมีเน้นย้ำว่า ไม่รับ Warrior กันเลยทีเดียว
ตำนานบทแรก | ตำนานบทที่สอง |
และข้อเสียของสกิลค้อนทั้ง 2 แบบอีกอย่างคือ เป็นสกิลที่ใช้งานในระยะค่อนข้างใกล้ ถึงแม้จะทุบออกไปเป็นแอเรียก็ตาม แต่หากจะทุบให้โดนจังๆ อาจจะต้องขยับไปให้ใกล้เป้าหมายด้วย ซึ่งหากเป็นกลุ่มมอนสเตอร์ปกติอาจจะไม่ส่งผลร้ายสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากเป็นบอส Mission ที่จะไม่ติดสถานะผิดปกติใดๆ หรือแม้แต่ไม่สามารถทำให้ล้มได้ การใช้สกิลค้อนทุบใส่จึงเป็นผลร้ายกับตัว Warrior ในทันที เพราะในระหว่างที่กดใช้สกิล ตัวละครจะทำการงัดค้อนขึ้นมาก่อนที่จะทุบลงพื้นซึ่งจะกินเวลาอยู่นิดหน่อย และจะขยับตัวไม่ได้ ซึ่งจุดนี้แหละที่จะเป็นจุดบอดของการใช้สกิลค้อน โดยจะเป็นการเปิดช่องทางให้บอสเข้ามาโจมตีเราได้นั่นเอง
และนี่ก็คือ Warrior สายเก่าที่ผู้เล่นส่วนมากนิยมเล่นกัน และก็มักจะถูกเตะออกจากปาร์ตี้กันซะส่วนใหญ่ เป็นที่น่าสงสารยิ่งนัก ซึ่งเราจะมีวิธีแก้ไขโดยมีสายการเล่นอีกแบบมานำเสนอ
Warrior สายใหม่ (Remake)
Warrior สายนี้จะมีวิธีการอัพสกิลคล้ายคลึงกับแบบแรก แต่ะจะมีเปลี่ยนแปลงบางสกิล
- Cutdown 1
- Air Combo Launch 5
- Storm Blade 5
- Hammer Crush 5
- Sword Mastery 5
- Sword Dance 5
ถ้าดูจากวิธีการอัพสกิลแล้ว หลายคนอาจสงสัยว่าไม่มีสกิลค้อนทั้ง 2 แบบคือสกิล Frost Hammer และ Flame Hammer อยู่เลยแต่ยังคงสกิล Hammer Crush เอาไว้อยู่เพื่ออะไร คำตอบคือ สกิล Hammer Crush เป็นสกิลฟาดค้อนสกิลเดียวที่เมื่อโจมตีกลุ่มมอนสเตอร์ไปแล้วกลุ่มมอนสเตอร์จะไม่กระจายตัวออกไป แถมยังทำให้ติดสถานะมึนงงอีกด้วย และถ้าหากโจมตีมอสเตอร์ที่ล้มอยู่กับพื้นและมอนสเตอร์ติดมึนงง มันก็จะลุกขึ้นมายืนงงทันที ทำให้สามารถกดคอมโบโจมตีต่อได้เลย
ส่วนสกิลที่หลายๆ คนมองข้ามมันไป นั่นคือสกิล Sword Dance โดยสกิลนี้จะเป็นการปาดาบออกไปโจมตีเป้าหมายด้านหน้า ซึ่งมีระยะค่อนข้างไกล และที่เลเวล 5 มันจะสามารถปาโดนเป้าหมายถึง 7 ตัว โดยที่จังหวะในการใช้สกิลจะสั้นมาก เพราะเราสามารถกดปาดาบแล้วเคลื่อนที่ต่อได้เลย ไม่ต้องมายืนชะงักแบบการใช้สกิลค้อนต่างๆ และที่สำคัญ สกิลนี้มี Cooldown ของสกิลเพียงแค่ 3 วินาที ซึ่งอาจจะมากกว่าสกิลค้อนต่างๆ ที่มี Cooldown เพียงแค่ 2 วินาที แต่จังหวะในการใช้นั้นกินขาดเลยทีเดียว
และอีก 1 ข้อสงสัยที่หลายคนยังไม่เข้าใจนั่นคือ มันจะน่าใช้อย่างไรในเมื่อพลังโจมตีของสกิล Sword Dance นั้นน้อยกว่าสกิลค้อนทั้ง 2 แบบเสียอีก นั่นก็เป็นเพราะ ในขณะที่เราใช้สกิล Sword Dance เราจะสามารถเคลื่อนที่ได้อยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องมายืนอยู่กับที่เพื่องัดค้อนออกมาใช้ ซึ่งการเคลื่อนที่นี้นี่แหละที่จะทำให้เราสามารถหลบการโจมตีต่างๆ ได้นั่นเอง และผลกอีกอย่างของสกิล Sword Dance คือจะทำให้เป้าหมายล้มลง แต่จะไม่ล้มลงโดยในทันที แต่เป้าหมายจะยืนนิ่งอยู่ประมาณ 2 วิก่อนที่จะล้มลง ซึ่งในจังหวะที่ยืนนิ่งอยู่นี่แหละที่เราสามารถวิ่งเข้าไปต่อคอมโบได้นั่นเอง
สรุปข้อดีข้อเสียของ Warrior สาย Remake
ข้อดี
มีสกิลโจมตีระยะไกล ที่เอาไว้ใช้ในการกำจัดบอสบางตัวอย่างบอส Toto ที่ตัวมันมีสกิลหมุนอยู่กับที่ที่รุนแรงมาก ผู้เล่นสายโจมตีประชิดจะไม่สามารถเข้าไปโจมตีมันได้เลย แต่ถ้าหากใชสกิล Sword Dance จะทำให้สามารถโจมตีมันจากระยะไกลได้นั่นเอง อีกทั้งสกิลนี้ยังมี Cooldown สกิลที่ไม่มาก จึงทำให้สามารถทำคอมโบต่อเนื่องได้ง่ายดาย และที่สำคัญ การอัพสกิลในรูปแบบนี้ จะไม่มีสกิลที่ทำให้กลุ่มมอนสเตอร์กระจัดกระจาย ส่งผลให้อาชีพอื่นที่ปาร์ตี้ด้วย สามารถโจมตีเป้าหมายเดียวกับที่เราโจมตีอยู่ได้ด้วยนั่นเอง
ข้อเสีย
ข้อเสียเพียงเล็กน้อยของการอัพสกิลในแบบนี้คือ จะมีสกิลที่ใช้ในการสร้างความเสียหายน้อยลง และด้วยพลังทำลายของสกิล Sword Dance ที่ไม่รุนแรงเท่าสกิลค้อนทั้ง 2 แบบ จึงทำให้การจัดการกับกลุ่มมอนสเตอร์อาจจะช้าลงไปหน่อยสำหรับการเก็บเลเวลคนเดียวนั่นเอง
และนี่ก็เป็นหนึ่ง ในแนวทางการเล่น Warrior ในช่วงเริ่มต้นให้เป็นที่รักของอาชีพอื่นๆ และเพื่อลบล้างตำนาน Warrior สายค้อนไฟน้ำแข็ง ออกไปจากความคิดของผู้เล่นอาชีพอื่นๆ ที่เมื่อเห็นคนเล่น Warrior แล้วยังเลือกที่จะเอาเข้าร่วมปาร์ตี้ ซึ่งในช่วงนี้ใน Sever ก็ยังคงเห็นผู้เล่นใหม่ๆ เข้าไปเริ่มต้นเล่นกันอย่างสนุกสนาน ดังนั้น แนวทางการเล่นในรูปแบบนี้จึงอาจจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้เล่นใหม่หรือผู้เล่นที่คิดอยากจะมาสัมผัส Warrior กันบ้างนั่นเอง