ปกติแล้วตัวผมในฐานะคอเกมไม่ค่อยจะเห็นด้วยนักกับการซื้อทีวีที่เป็น Full HD มาเล่นกับเกมในปัจจุบันนัก ไม่ได้เป็นเพราะว่าทีวีที่รองรับ Full HD มันจะไม่ดีหรอกนะครับ แต่จากที่ติดตามโซนี่ที่เป็นเจ้าแรกที่ดันเรื่อง Full HD มาตั้งแต่ยุคแรกๆ ของ LCD สมัยที่มันยังแทบไม่มีสื่อบันเทิงที่รองรับความละเอียดระดับนี้ได้สักเท่าไหร่ ซึ่งเกมและหนังที่ทำภาพระดับนี้ได้ยังน้อยมากๆ เลยทำให้รู้สึกว่าทีวี Full HD เป็นอะไรที่ยังเร็วไปที่จะซื้อ เร็วไปที่จะตัดสินใจรับมันมาเป็นสมาชิกในบ้าน ยิ่งเจอราคาที่แพงระยับในช่วงก่อนแล้ว การที่จะซื้อทีวีระดับนี้เหมือนเป็นการโดนโฆษณาชวนเชื่อปั่นหัวหลอกให้เคลิ้มตามไปได้ง่ายๆ
แต่ตอนนี้ความคิดที่ว่าสื่อที่รองรับ Full HD ไม่พอนั้นได้ถูกสลัดออกไปแล้วเพราะว่าปัจจุบัน Blu-ray ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้ชนะในแพลตฟอร์มสื่อบันทึกข้อมูลแล้ว และทำให้ภาพระดับความละเอียดสูงสุดนั้นกำลังถูกจุดพลุบูมขึ้นมาเรื่อยๆ 720p ดูจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้รับชมแล้ว โอเค แม้ว่าเกมส่วนใหญ่จะยังถูกสร้างที่ 720p เป็นมาตรฐานอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเกมที่ทำเป็น 1080p เลยซะทีเดียว ยังไงมาตรฐานต่อๆ ไปก็หนีไม่พ้นที่จะมาถึงภาพระดับนี้เช่นกัน โดยเฉพาะคนที่เล่นเกมแล้วชอบดูหนังด้วย การซื้อทีวีที่รองรับภาพระดับนี้กับหนัง Blu-ray ที่ราคาเริ่มลดลงๆ และให้ภาพระดับ 1080p เป็นมาตรฐานปกติ แม้แต่หนังเก่าที่มาทำใหม่อย่าง Clash of the Titans ต้นฉบับก็ยังเป็น 1080p เลยครับ ดังนั้นถ้ามีตังซื้อไหวก็เลือก Full HD ไปได้เลยครับ
สำหรับตัว NX500 ที่ผมได้รับมาทดสอบจากโซนี่นั้นต้องบอกเลยว่าแปลกใจมากเลยกับการทดสอบหา Dead Pixel ที่คนซื้อทั่วไปมักนิยมทดสอบก่อนเป็นอันดับแรกหลังจากได้รับสินค้า ตัวที่ผมได้รับมานี้มันไม่มีแม้สักจุดเดียวเลยครับ (แม้จะผ่านมาหลายมือแล้วก็ตาม) ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ได้กะว่าจะเทสต์ส่วนนี้มาเขียนลงหรอกนะครับเพราะที่เราได้รับฟังมาว่ายังไงเทคโนโลยีการผลิตจอ LCD มันก็ต้องมีข้อผิดพลาดขึ้นมาบ้างจาก 2 ล้านพิกเซลบนจอ ยิ่งความละเอียดสูงระดับ Full HD มันต้องมีจุดบอดเกิดขึ้นได้ (LCD ส่วนใหญ่มักจะมี 1-3 จุดเสมอ แต่เราสามารถขอเปลี่ยนจากร้านค้าที่ขายได้) แต่ตัวนี้ไม่มีจริงๆ ทั้งไบรท์ (จุดขาว) แบด (จุดดำ) และอาการจุดสีเพี้ยนทุกประเภท ทำให้เห็นเลยมาตรฐานการ QC และการผลิตของโซนี่ยังคงเยี่ยมไม่มีตกลงแม้จะเป็น LCD รุ่นที่ส่งมาเจาะตลาดกลางถึงล่างลงมา แต่โซนี่ก็ไม่ทิ้งมาตรฐานตรงนี้ไปเลยแม้แต่นิดเดียว แต่สำหรับผู้ที่คิดจะซื้อยังไงก็ต้องลองเทสต์ดูด้วยตาตัวเองอีกรอบด้วยนะครับ แต่ผมเชื่อว่าโซนี่มีมาตรฐานตรงจุดนี้สูงกว่าเจ้าอื่นมากจริงๆ
และจากการทดสอบขั้นแรกมาที่คอนทราสต์ของภาพที่เป็นจุดขายหนึ่งของทีวีตัวนี้ จากที่ระบุไว้ว่า Dynamic Contrast 150,000:1 ขออธิบายสักนิดว่าปัญหาของ LCD ที่อาจจะสู้ทีวีในระบบอื่นๆ ไม่ได้เต็มตัวนักก็มาจากส่วนที่ดำเข้มของคอนทราสต์นี่แหละครับเป็นตัววัดอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเมื่อเปิดทดสอบกับพื้นมืดๆ ดำสนิทจากแผ่นสีทดสอบและหนังกับเกม NX500 ตัวนี้ผมไม่พบว่ามีปัญหาภาพสีดำไม่มืดสนิทแต่อย่างใดในการทดสอบ แม้จะไม่ได้มืดสุดๆ อย่างที่อยากให้เป็น แต่ก็ไม่ได้ด้อยกว่าทีวี LCD ตัวไหนที่ผมเห็นและลองมาเลยครับ และการไล่เฉดความสว่างไปหามืดก็มีความต่างกันเยอะสมกับที่ระบุไว้ว่า Contrast 150,000:1 จริงๆ
ในส่วนของค่า Response Time (Res.) ที่เป็นค่าอัตราการตอบสนองของภาพต่อการเคลื่อนไหวนั้น ในสเป็คที่มีลงตามเว็บและคุ่มือที่ได้มาไม่มีระบุไว้ ซึ่งก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม แต่ถึงไม่ลงไว้เราก็สามารถทดสอบได้จากการเล่นเกมโดยตรงอย่างเกมที่ต้องใช้จังหวะในการเล่นไวๆ อย่าง Street Fighter IV พบว่าไม่มีอาการหน่วงให้เห็นแม้จะทดลองต่อสายสัญญาณแบบ AV ก็ตาม ปกติจากที่เคยทดสอบมาที่งานเกม BIG Fest จอทดสอบก่อนแข่งขันที่ต่อแบบ AV จะมีอาการหน่วงปรากฎให้เห็นชัดเจนจนไม่สามารถเล่นได้ (อาการภาพไปช้ากว่าคำสั่งที่เรากด) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตัวแปลงสัญญาณภาพและอัตราการตอบสนองของภาพนั้นอยู่ในขั้นดีมาก ไวเพียงพอต่อการเล่นเกมที่ต้องใช้จังหวะความแม่นยำของภาพกับมือแบบนี้ นอกจากนี้เราก็ยังทดสอบกับหนังที่แสดงภาพเคลื่อนไหวไวๆ อย่าง Speed Racer, Matrix ก็ไม่พบว่ามีปัญหาโกสต์เกิดขึ้นแต่อย่างใด แม้จะไม่ทราบว่าตัวนี้มีค่า Res. เท่าไหร่ แต่ก็สบายใจได้ว่าพอเพียงกับการเล่นเกมแบบนี้แน่นอนครับ
ในส่วนของหลายคนที่ซื้ออาจจะกังวลกับความละเอียดสูงระดับ Full HD แล้วจะมีปัญหากับภาพความละเอียดต่ำกว่าภาพ HD มาตรฐานนั้น ในส่วนของเกม Wii ที่นำมาทดสอบนั้น การต่อสาย AV (สัญญาณ 480i) ด้านภาพไม่ได้ออกมาน่าเกลียดอะไรนักถ้าเทียบกับจอแก้วที่ใช้อยู่ แต่ว่าตัวหนังสือที่เคลื่อนไหวเป็นตัววิ่งนั้นอาจจะเบลอไม่ชัดทำให้อ่านลำบากไปได้บ้าง แต่ถ้าเปลี่ยนมาต่อด้วยสายคอมโพเนนท์แล้ว (เปิดสัญญาณ 480p) ปัญหาตัวหนังสือจะหมดไปทันที ความคมชัดแม้จะไม่นิ๊งสุดๆ แต่ก็ดีในระดับที่อ่านได้เหมือนการเล่นกับจอแก้วตามปกติเลยครับ แล้วภาพก็ออกมาคมชัดไปกันได้กับความละเอียดของจอระดับนี้ แม้จะเห็นรอยหยักจากขอบบางจุดชัดเจนกว่าปกติ แต่ก็เป็นจากเกมเองมิใช่ปัญหาจากการแปลงสัญญาณภาพ (ลองกับเกมวีสปอร์ต) ซึ่งจริงๆ แล้วถ้านั่งดูตามระยะที่เหมาะสมจริงๆ ประมาณ 2-3 เมตรก็คงไม่รู้สึกอะไรเลย
การดูกับฟรีทีวีก็ให้ภาพที่โอเคเลยครับ แม้เราจะไม่ได้ลองกับเสาสัญญาณบนหลังคาโดยตรง (เพราะเป็นตึกออฟฟิสชั้น 38 เลยไม่มี) แต่จากตัวรับพร้อมหนวดกุ้งก็ให้ภาพที่ออกมาปกติเหมือนดูกับ LCD ดีๆ ทั่วไป ไม่มีอาการเบลออย่างน่าเกลียดแต่อย่างใด สังเกตุได้จากตัวหนังสือในรายงานข่าวต่างๆ ดูชัดเจนอ่านออกได้แม้จะเป็นตัววิ่งไวๆ ครับ (ลองดูจากภาพประกอบในบทความได้ครับ) ใครที่คิดว่า LCD ละเอียดๆ มาดูกับฟรีทีวีไม่ดีก็คงต้องลองดูใหม่แล้วล่ะครับ เพราะตัวแปลงสัญญาณของ NX500 ตัวนี้เยี่ยมไปเลยจริงๆ
ฟังชั่นหนึ่งที่เกี่ยวกับเกมและหลายคนสนใจก็คงเป็นฟังชั่น Game Mode ซึ่งถูกออกแบบมาให้ปรับสี คอนทราสต์ อุณหภูมิสี เสียง และอื่นๆ ทุกอย่างให้เหมาะสมกับเกม แน่นอนว่าเราต้องลองกับเกมของโซนี่แท้ๆ เองอย่างเช่น God of War III ก็พบว่าฟังชั่นในส่วนนี้ทำหน้าที่จูนทุกอย่างให้เข้าที่ได้อย่างดี มีกระทั่งการปรับภาพตามต้นฉบับที่ควรจะเป็น ซึ่งผมคิดว่าทางโซนี่คงมีค่ามาตรฐานที่ใช้กับเกมของตัวเองไว้ แล้วตั้งค่านี้ในทีวีให้ตรงกัน ซึ่งถ้าต้องการดูภาพเกมของโซนี่แบบต้นฉบับแท้ๆ ก็คงต้องมาดูจากทีวีของโซนี่เท่านั้นแหละครับ นอกจากภาพที่ถูกปรับให้ดีแล้วเสียงในโหมดนี้ยังถูกปรับให้เป็นเซอร์ราวด์โดยอัตโนมัติอีกด้วย ซึ่งพอได้ฟังจาก God of War III ที่ว่าอลังการมากแล้ว มาเจอแบบนี้เข้าไปยิ่งสุดยอดมากขึ้นไปอีก เสียงมันจะก้องกังวานในส่วนจองดนตรีประกอบ และจะเด่นชัดพุ่งตรงออกมาด้วยเสียงตัวละครในเกมกับพวกเอฟเฟ็กต์ต่างๆ แยกแยะต่างกันได้ชัดเจนมากๆ เรียกได้ว่าไม่ต้องหูเทพก็สัมผัสรับฟังได้แน่นอนครับ เป็นส่วนที่ผมชอบที่สุดเลย แม้ผมจะเป็นคนที่เล่นเกมด้วย 5.1 มาตลอดก็เถอะ
ในส่วนอื่นๆ ที่เป็นลูกเล่นเสริมอย่างระบบแบ่งหน้าจอ (PAP) นั้นก็เหมาะสำหรับคนที่ต้องเอาทีวีตัวนี้ไปวางไว้ในส่วนกลางของครอบครัวที่มีคนอื่นๆ มาใช้ด้วย ก็สามารถแบ่งหน้าจอให้เป็นเกมกับฟรีทีวี หรือเล่นเกมสองเครื่องเล่นพร้อมกันก็ได้ อย่าง Wii กับ PS3 แต่ก็ต้องยอมสละว่าจอเล็กจะไม่มีเสียงออกมา ซึ่งก็แน่ละครับถ้าออกมาพร้อมกันก็คงตีกันตายน่าดู แค่แบ่งจอได้ก็หรูแล้ว อย่างน้อยๆ ก็คงช่วยลดอาการบ่นเป็นหมีกินผึ้งของแฟนที่จะมาแย่งเราดูทีวีดูละครตอนเล่นเกมได้เปราะหนึ่งล่ะครับ (แต่แน่นอนว่าคงต้องให้แฟนดูจอใหญ่มีเสียงแล้วเราดูจอเล็กแบบใบ้กินไปแทน T_T)
ในส่วนของช่องต่อที่ให้มานั้นตัวนี้จะเน้นไปที่ HDMI เป็นอย่างมาก เพราะให้มาถึง 4 ช่อง เพียงพอต่อการใช้กับเครื่องเล่นใหม่ๆ ที่เน้น HDMI เป็นหลัก แต่ให้ความสำคัญกับช่องต่อคอมโพเนนท์น้อยไปสักนิดเพราะมีเพียงช่องเดียวด้านหลังเท่านั้น สำหรับใครที่มี Wii และเครื่องเล่นวิดีโอหรือ Xbox 360 รุ่นเก่าที่แถมสายคอมโพเนนท์มาให้ใช้งานก็คงต้องอัพเกรดซื้อสาย HDMI มาเพิ่มสักหน่อยไม่งั้นก็คงต้องใช้วิธีถอดเข้าถอดออกบ่อยหน่อยละถ้าจะใช้ Wii เป็นหลักในการต่อกับช่องนี้
NX500 ตัวนี้เป็นรุ่นใหม่ที่ทำหน้าจอกระจกดีไซน์ใหม่ให้เนียนไปกับหน้าจอจนถึงขอบจอแบบไร้ขอบรอยต่อเหมือนทีวีที่ใช้จอกระจกแบบแต่ก่อน ซึ่งดีไซน์แบบนี้ทำได้สวยไฮโซดีสู้กับคู่แข่งเจ้าอื่นที่กำลังเน้นส่วนนี้ได้เลย เพียงแต่ว่าใครที่ไม่ชอบแสงสะท้อนก็อาจจะต้องคิดให้ดีๆ ว่าในห้องที่เราดูนั้นปิดมุมแสงที่มากระทบได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งจริงๆ จอด้านแบบปกติก็ยังมีแสงสะท้อนระบบกวนได้อยู่เหมือนกัน แต่ตัวกระจกนี้จะมากกว่า ถ้าจะแก้ปัญหาง่ายๆ ก็ต้องเร่งแสงในทีวีให้สว่างกลบแสงสะท้อนก็จะทำให้ลืมๆ ข้อด้อยในจุดนี้ไปได้ครับ ดังนั้นห้องที่มีแสงเยอะๆ อาจจะต้องมองหามุมดีๆ ในการวางควบคู่ไปด้วยครับ ไม่ก็ปิดไฟเล่นเกมหรือดูหนังไปเลยก็จะหมดปัญหานี้
ในส่วนอื่นๆ ที่อาจจะขาดไปอย่าง Motionflow 100hz นั้นก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอะไรมากครับ เพราะสำหรับการเล่นเกมแล้วไม่เหมาะที่จะใช้ฟังชั่นนี้มากครับเพราะเป็นการสร้างเฟรมภาพเพิ่มทำให้การเคลื่อนไหวดูแปลกๆ ไปกว่าที่ควรจะเป็น ถ้าเอาไว้ดูหนังจริงๆ ส่วนตัวผมก็ชอบภาพเคลื่อนไหวตามปกติจากต้นฉบับมากกว่าอยู่ดีครับ แต่ถ้าใครติดใจตรงนี้แนะนำให้ไปร้านและเปิดทีวีตัวนี้คู่กับรุ่น EX500 ของโซนี่แล้วเทียบด้วยตาตัวเองเลยว่าพอใจมากแค่ไหนกับระบบนี้ครับ
ด้วยราคาค่าตัวที่ไม่แพงนักในราคา 3 หมื่นกว่าบาท (มากน้อยต่างกันตามร้านที่ซื้อนะครับ) ถ้าเทียบกับ Full HD ยุคก่อนหรือยี่ห้ออื่นๆ ถือได้ว่าโซนี่ทำราคาลงมาสูสีเลยทีเดียว เรียกได้ว่าอาจจะแพงกว่านิดหน่อย แต่ได้แบรนด์และการการันตีคุณภาพ QC ต่างๆ ที่มั่นใจได้ ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกหนึ่งของ LCD แบบ Full HD ที่อยู่ในใจห้ามมองข้ามไปเลยครับ