ทำไมต้อง Lime Odyssey?
แม้จะเป็นเกมเกาหลีแถมอยู่ในช่วง CBT แต่ผู้อ่านคงจะทราบดีอยู่แล้วว่า บริษัท Goldensoft ได้ซื้อลิขสิทธิ์จากบริษัท Sirius Entertainment มาเพื่อเตรียมเปิดให้บริการในประเทศไทยกันแล้ว ซึ่งการที่เราจะทำความรู้จักกับเกมที่จะได้เข้าไทยแน่ๆ (แค่ยังสโคปเวลาไม่ได้เท่าันั้นเอง :D) แบบสนิทชิดเชื้อนั้นก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ดูจะ 'ออกนอกหน้า' ไป (ใช่มั้ย?) และถ้ามีคนคิดแบบนั้นเหมือนกัน ก็ขอเชิญเข้ามาหาสาระและความสำราญ (ซึ่งอันแรกอาจจะไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ฮา) กันได้ และยอมรับโดยสดุดีว่าหลายคนมีรสนิยมความชื่น ชอบไม่เหมือนกัน แต่ผู้เขียนจะถือว่าคุณต้องมีความชอบคล้ายกับผู้เขียนอย่างน้อย 40 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ไม่งั้นคงไม่เข้ามาอ่านหรอกจริงมั้ยจ๊ะ (อิอิ)
ต้องออกตัวก่อนเลยว่าผู้เขียนมีประสบการณ์ร่วมกับเกมนี้ในช่วง CBT 1 และ 2 (รวมถึง 2.5) น้อยไปนิด เนื่องด้วยช่วงเวลานั้นมีหน้าที่ภาระอื่นต้องรับผิดชอบเร่งด่วนกว่า จึงทำให้การเข้าไป “โลดแล่น” ในโลกของ Lime Odyssey เป็นไปอย่างเจือจางและเพียงแค่แตะ ‘ปริ่มๆ’ เท่านั้น แต่กระนั้นเลยก็ใช่ว่าจะไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้กับ CBT 3 ที่ได้เข้าไปสัมผัส (เรียกว่าระยะเวลาที่ได้ทดลองเล่นใน CBT 3 เท่ากับ 1 2 และ 2.5 รวมกัน ฮา) อย่างน้อยก็อาจจะพอพูดได้บ้างว่าทำไม “Lime Odyssey” ที่ทำให้คนอย่างผู้เขียนซึ่งเข้าข่ายเป็นผู้เล่นเกมประเภท “เบื่อเกมเก็บเลเวล” (ไปแล้ว) ได้กลับมารู้สึกตื่นเต้นและกระหายในการเล่นเกมประเภทนี้อีกครั้ง
การพัฒนาที่ไม่สิ้นสุด
ถ้าผู้เขียนจะเดาว่านิสัยใจคอของทีมพัฒนา Lime Odyssey จะติดว่าจู้จี้ เจ้าระเบียบไปนิด และอาร์ตตัวแม่หน่อยๆ ก็คงไม่ผิดนัก (ความเห็นส่วนตัว) ดูได้ง่ายๆ จาก Lime Odyssey เวอร์ชันแรกยันล่าสุดนี้ (1.0-3.0) การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน รวมถึงรายละเอียดปลีกย่อยหลายอย่างที่เพิ่มเติมเข้ามามากมาย ทำให้ผู้เขียนกล้าพูดได้เต็มปากว่า ทีม Sirius เป็นหนึ่งในทีมพัฒนาที่ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มาก มาก! เสียจนกระทั่งบางครั้งก็แยกกับคำว่าจู้จี้ยิบย่อยจนเกินไปไม่ออก สังเกตุได้จากภาพกราฟิกที่ดูจะสวยขึ้นกว่าเวอร์ชันไหนๆ แม้บางคนจะแย้งว่ามันไม่ต่างไปกว่า 2.5 เท่าไหร่นัก แต่ผู้เขียนก็ยังเห็นว่ามันแจ่มแจ๋วขึ้นจม ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมโดยรวม ทั้งต้นไม้ ใบหญ้า อาคารสถาปัตยกรรมรวมไปถึงตัวละครและ NPC ในเกม (โดยเฉพาะนัยน์ตาตัวละครที่ดูแพรวพราวเหมือนตาตุ๊กตา ดูน่ามองทุกครั้งที่ซูมเข้าไปใกล้ ฮา) กระทั่งตำแหน่ง NPC บางตัวยังถูกโยกย้าย และสลับตำแหน่งไปบ้าง (อันนี้ไม่ค่อยเข้าใจ ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องที่เนื้อเรื่องหลักส่วนไหนหรือเปล่า?) แต่นั่นก็ทำให้เราเห็นถึงความใส่ใจของทีมงาน ที่อยากให้เกมที่เขาพัฒนานั้นออกมาดีที่สุด ซึ่งเหนือสิ่งอื่นใดนั้นคือความพอใจของผู้เล่นทุกคนที่เหล่าทีมงานปรารถนาเป็นอย่างยิ่งนั่นเอง
ภาพบน จาก CBT 1 ภาพกลางจาก CBT 2 และภาพล่างจาก CBT 3 โปรดสังเกตุความแตกต่าง
การเล่นที่ถูกทำให้ง่ายขึ้น
แม้ความทรงจำของช่วงเวลาก่อน CBT 3 ของผู้เขียนจะลางเลือนไปบ้าง แต่ทันทีที่ได้สัมผัสเมาส์ ได้บังคับทิศทางให้กับตัวละครของเราได้ก้าวเดินไปยังจุดที่เราต้องการ ผู้เขียนกลับรู้สึกว่าการบังคับนั้นถูกทำให้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แม้จะเป็นการบังคับในรูปแบบเดิมไม่ต่างจาก CBT ก่อนๆ (แต่หลายคนอาจไม่ชินเพราะเป็นการบังคับรูปแบบใหม่ในเกม MMORPG) แต่อย่างน้อยความรู้สึกขัดๆ และการเคลื่อนไหวที่ไม่ลื่นไหลก็ได้รับการแก้ไขจนหมดสิ้น
ช่วงเลเวล 1-เปลี่ยนอาชีพจะมีหน้าต่างแนะนำการเล่นขั้นพื้นฐานให้เหมาะสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ทุกคน
ในหน้าต่างจะมีเควสต์ที่เราเลือกให้โชว์ขึ้นอยู่ว่าต้องทำอะไรบ้าง วงกลมสีแดง คือบริเวณที่เควสต์ให้ตีมอนสเตอร์ วงกลมสีม่วง คือบริเวณที่เควสต์ให้สำรวจ และรูปลูกศรวนสีฟ้า คือบริเวณที่ต้องไปส่งเควสต์
อีกหนึ่งความพิเศษของเกมนั่นคือการทำให้การเปลี่ยนอาชีพตัวละครง่ายไปกว่าเดิมมาก จากที่ต้องทำเควสต์มุดถ้ำใต้น้ำ ไปผจญภัยกับ 3 พี่น้องมหาโหดในเวอร์ชันเก่า ในตอนนี้เพียงแค่ดำเนินเควสต์แนะนำอาชีพขั้นพื้นฐาน (อาชีพรองอันได้แก่ เย็บผ้า ตีอาวุธ ชงชา ทำอาหาร) จนครบก็สามารถเปลี่ยนอาชีพได้เลย ซึ่งในระหว่างที่เราทำเควสต์แนะนำอาชีพขั้นพื้นฐานอยู่นั้นก็จะมี Tutorial แนะนำคีย์ลัดสำคัญ และหน้าต่างการสร้างไอเทมของอาชีพขั้นพื้นฐานที่เราเลือก ซึ่งถือเป็นการแนะนำผู้เล่นใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสเกม Lime Odyssey ให้เข้าใจและสนุกไปกับเกมได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
ความสนุกที่ไม่ได้จำกัดแค่การเก็บเลเวล
“การใช้ชีวิตในเกมที่ไม่ทำให้การเก็บเลเวลนั้นเป็นสิ่งที่น่าเบื่อจนเกินไป” เป็นอีกหนึ่งโจทย์ที่ทีมพัฒนาให้ความสำคัญ และการสร้างอาชีพขั้นพื้นฐานขึ้นมาก็เพื่อตอบโจทย์นี้ (ด้วยส่วนหนึ่ง) การสร้างอาวุธหรือไอเทมสักชิ้น ต้องประกอบด้วยส่วนผสมหลายอย่าง ที่ได้จากการ ขุด/สำรวจ/ตัด/เก็บเกี่ยว (และเชื่อหรือไม่ว่าต้นไม้ต้นเดียวกัน หากเราใช้สกิลต่างกัน ก็ได้ไอเทมไม่เหมือนกันด้วยนะจ๊ะ) ซึ่งบางคนอาจจะมองว่ายิ่งทำให้ระบบมันยุ่งยากขึ้น ทั้งต้องเก็บเลเวล ทั้งต้องหาของ ขุดดิน ตัดไม้ อย่างนี้มันยิ่งไม่น่าเบื่อไปหรือเปล่า แต่เชื่อเหอะ หากคุณอยากได้ของใส่เล่นน่ารักๆ หรือหินออฟชั่นดีๆ ที่หาไม่ได้จากมอนสเตอร์ คุณจะรักการขุดดิน ตัดต้นไม้ ไปทั้งวัน และสำหรับผู้เขียนที่มีนิสัยชอบเดินดูนั่นดู นี่ มองนั่นมองนี่ มากกว่าการตีมอนสเตอร์ไปวันๆ การได้เดินขุดดิน ตัดต้นไม้ไปเรื่อยๆ เป็นเสมือนการผจญภัยเล็กๆ และไอเท็มแรร์ที่ได้ก็เหมือนสมบัติที่บางครั้งเราก็ได้มาโดยไม่ตั้งใจ!
ตัดๆ ขุดๆ เจาะๆ ทั้งใบคาบ หมวกบลูเบอร์รี่ ของเล่นใส่สวยๆ ได้มาจากการหาวัตถุดิบทั้งนั้น
แอคชั่นเท่ๆ ในการโจมตีมอนสเตอร์
อิโมชั่นน่ารักๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามา ทำให้เกมมีสีสันมากขึ้น
มัน ใหญ่ มาก!
ขอยืมสโลแกนของคอนเสิร์ตกลางเขาในรีสอร์ตที่แพงอันดับต้นๆ ของเมืองไทยมาใช้ให้เข้ากับธีมที่กำลังจะพูดถึงเสียหน่อย (คงไม่มีใครมาเก็บค่าโฆษณาใช่มั้ย?) โลกของ Lime Odyssey ใน CBT 3 ได้สร้างความรู้สึกของความ “ใหญ่” “กว้าง” และ “ลึก” มากกว่า CBT ก่อนๆ ที่ผ่านมา (และนี่คืออีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผู้เขียนเดาว่านิสัยของทีมพัฒนานั้นออกจะจู้จี้จุกจิกกับรายละเอียดปลีกย่อยจริงเชียว หุหุ) และแม้นี่จะเป็นแค่ความเห็นส่วนตัว แต่ผู้เขียนก็เชื่อว่าคงจะเป็นเหตุผลส่วนตัวของใครหลายๆ คนอีกเช่นกัน ทั้งในแผนที่เมืองเกิดที่หลายๆ ส่วนขยายใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะเขตที่ติดกับท้องทะเลอย่างเมืองเกิดเผ่ามนุษย์ ซึ่ง CBT 3 นี้ ดูทีมงานจะปล่อยให้ทะเลโลก Lime Odyssey กว้างใหญ่ (สังเกตจากการเอาทุ่นกั้นออกไป) ราวกับจะท้าทายผู้กล้าว่ายน้ำข้ามทะเลดูว่าจะไปไกลได้เท่าไหน (สารภาพตามตรงว่าผู้เขียนไม่กล้าว่ายออกไปยังพื้นที่สุดลูกหูลูกตานั่น ทั้งที่รู้ว่าแค่ในเกมก็ตาม) และกลับบางพื้นที่ อย่างหน้าผาสูง ทั้งที่ไม่น่าจะกระโดดลงไปได้ แต่ทีมงานก็ปล่อยให้ตัวละครได้มีโอกาส “บันจี้จัมพ์” กลางอากาศกันได้อย่างอิสระ ดูสมจริง (และเชื่อว่าหากมี CBT อีกครั้ง คราวนี้ต้องใส่ค่าความบาดเจ็บจากการกระโดดลงมาจากที่สูงให้กับตัวละครเป็นแน่ -_-‘’)
จะหน้าผาสูง หรือทะเลกว้างใหญ่ ถ้าใจอยากจะกระโดดหรือว่ายน้ำข้ามไปก็ทำได้! (แต่เห็นแล้วไม่กล้าง่ะ มันกว้างเกิน -_-'')
อย่างไรก็ตามก็ยังมีความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยได้สำหรับเกม Lime Odyssey CBT 3 นั่นคือการที่ทีมพัฒนา “ลืม” ใส่ปุ่มเคลียร์หน้าจอ (จำพวกสเตตัส แถบบาร์คียลัดต่างๆ) ไว้เพื่อให้ถ่ายรูปได้สวยๆ (ซึ่ง CBT 2.5 นั้นยังมีอยู่เลย) ทำให้อรรถรสในการเก็บภาพของผู้ที่ชืนชอบการเซฟภาพสวยๆ ในเกมไว้ดูเล่น ออกจะขัดเคืองเล็กน้อยถึงปานกลาง (ผู้เขียนล่ะหนึ่ง ฮา) แต่หากเทียบกับความรื่นรมย์ที่ได้รับจาก CBT 3 ของเกมออนไลน์ที่มีคิวเข้าไทย 1,000,000 (หนึ่งล้าน) เปอร์เซ็นต์แล้ว ก็พอจะให้อภัยกันได้ และหวังว่าจบ CBT 3 นี้แล้ว จะเป็นคิวของการเปิด OBT ในประเทศเกาหลี ซึ่งนั่นหมายความว่าระยะเวลาที่จะเปิดเซิร์ฟเวอร์ในไทยนั้นประชิดเข้ามาทุกทีแล้ว!
ปิดท้ายด้วยภาพ CBT 3 ของคนเกาหลีที่ผู้เขียนทดสอบไ่ม่ถึง (เค้าไม่มีเวลาเล่นขนาดนั้นอ๊ะ T.T)