เกาหลีใต้เริ่มแบนเด็กเล่นเกมตอนกลางคืนอย่างจริงจัง เตรียมอนุมัติร่างกฎหมายแล้ว

แชร์เรื่องนี้:
เกาหลีใต้เริ่มแบนเด็กเล่นเกมตอนกลางคืนอย่างจริงจัง เตรียมอนุมัติร่างกฎหมายแล้ว

     และแล้วการเล่นเกมแบบมาราธอน หรือ เล่นเกมแบบไม่ยอมหลับยอมนอนในหมู่เด็กชาวเกาหลีใต้จะเริ่มหายไป เมื่อกฎหมายการแบนการเล่นเกมตอนกลางคืนกำลังจะผ่านออกมาเร็วๆ นี้

กระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวแห่งเกาหลีเริ่มกวดขันอุสาหกรรมเกมเกาหลีมากขึ้น หลังจากเด็กนักเรียนเกาหลีมีเปอร์เซ็นต์การติดเกมมากขึ้นทั่วประเทศ โดยผลการสำรวจล่าสุดในโรงเรียนกว่า 1,500 แห่งพบว่านักเรียนกว่า 29% ของโรงเรียนติดเกมและมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอีก

     สำหรับวิธีการกวดขันไม่ให้เด็กเล่นเกมมากเกินไปนั้น ทางกระทรวงได้ออกรูปแบบการแบนเป็น 2 วิธีได้แก่ วิธีแรกให้เด็กที่เล่นเกมทุกคนจะต้องเลือกช่วงเวลาที่จะไม่เล่นเกมเป็นเวลา 6 ชั่วโมง ซึ่งมีให้เลือก 3 ช่วงได้แก่ เที่ยงคืน-6 โมงเช้า, ตี 1 - 7 โมงเช้า หรือ ตี 2 - 8 โมงเช้า โดยเมื่อถึงเวลาที่กำหนด ผู้เล่นจะถูกให้ออกจากเกมและจะไม่สามารถเข้าเล่นเกมได้ในช่วงเวลาดังกล่าว จนกว่าจะผ่านไป 6 ชั่วโมงที่กำหนด สำหรับการแบนในวิธีนี้ จะเริ่มจากเกมดังๆ ในเกาหลีก่อนโดยเฉพาะเกม MMORPG อย่าง "มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน (The land of Wind/Barameui Nara)", "Maple Story" และ "Mabinogi"

แบบที่ 2 เป็นการแบนแบบ "เน็ตอืด" นั้นคือการเชื่อมต่อระหว่างผู้เล่นกับเกมจะช้าลงจนเล่นไม่ได้นั้นเอง ซึ่งจะใช้ในเกมที่ต้องใช้กับ MMORPG ที่ต้องใช้ความรวดเร็วอย่าง "Dungeon & Fighter" และ "Dragon Nest" และเกมอื่นๆ รวม 19 เกมที่เริ่มใช้นโยบายนี้ ซึ่งคิดเป็น 79% ของตลาดเกมเกาหลีใต้ทั้งหมด

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม กฎหมายนี้ก็ยังมีช่วงโหว่อยู่เช่นกัน เพราะปัจจุบันเด็กที่เล่นเกมในเกาหลีใต้บางส่วนได้ใช้เลขประจำตัวประชาชนของพ่อแม่ผู้ปกครองในการสมัครเล่นเกม เพราะเกมบางเกมจำกัดอายุเด็กไม่ให้เล่นเป็นปราการด่านแรกอยู่แล้ว ซึ่งเด็กเหล่านั้นจะยังเล่นต่อไปได้โดยไม่โดนการแบนทั้ง 2 แบบ

     ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา คณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมและสวัสดิภาพครอบครัว ได้ประชุมกรรมการทั้งหมดและอนุมัติผ่านร่างดังกล่าว และเตรียมเสนอให้คณะกรรมการยุติธรรมพิจารณาต่อ ในวันที่ 27 เมษายนนี้ หากผ่านก็จะมีผลบังคับใช้กับทุกๆ เกมเร็วๆ นี้

คุณ Sin Nak Gyun ประธานคณะกรรมการกล่าวเสริมว่า "อำนาจของกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวแห่งเกาหลี สามารถบังคับใช้ได้กับเฉพาะอุสาหกรรมเกมเท่านั้น แต่ไม่อาจบังคับเด็กได้ ซึ่งเรื่องการบังคับใช้จริงนั้นเป็นปัญหาสังคม ที่เราจะต้องดำเนินการกันต่อไป"

การที่เด็กติดเกมนั้น ไม่ได้สร้างปัญหาเฉพาะสุขภาพและการเรียนของเด็กเท่านั้น ยังส่งผลกระทบเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และเงินที่เด็กจะต้องเสียค่าบริการเพิ่มเพื่อซื้อของในเกม หากเด็กไม่เข้าใจจะส่งผลถึงพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยในอนาคต ซึ่งผู้ปกครองควรให้คำแนะนำและคอยดูบุตรหลานของตน และมั่นตรวจเช็คการใช้จ่ายของเด็กให้มากขึ้น

แต่ก็ใช่ว่าปัญหาเด็กติดเกมจะเป็นปัญหาหลักเสียอย่างเดียว จากการศึกษาปัญหาในเด็กยังมีปัญหาอื่นๆ ที่หนักกว่าเช่นการดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ที่เป็นปัญหาร้ายแรง เพราะปัญหาดังกล่าวจะส่งผลให้เด็กเสี่ยงต่อพฤติกรรมและการกระทำที่รุนแรงยิ่งขึ้น

สำหรับปัญหาการติดเกม ไม่ได้จะมีเฉพาะในเด็กเท่านั้น ในเกาหลีใต้เคยมีกรณีคนเล่นเกมเกือบตายเนื่องจากเล่นเกมติดต่อกันเป็นวันๆ หรือเป็นอาทิตย์ๆ ในร้านเน็ตและยังมีคดีสะเทือนขวัญชาวเกาหลี อย่างกรณีทารกแรกเกิดตายเพราะไม่ได้รับการใส่ใจจากคู่สามีภรรยาที่ติดเกมอย่างหนักด้วยเช่นกัน

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ