สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Black Rogue ผู้รักการเล่นฝั่งยุโรป วันนี้ผมจะมานำเสนอสายการเล่น Warrior + Cleric ซึ่งสายนี้จะเป็นสาย STR ที่ทำดาเมจได้รุนแรงและยังมีสกิลของสาย Cleric มา Support ให้เพิ่มความถึก + แก้ปัญหาเรื่อง Potion ของฝั่งยุโรปที่ดีเลย์ในการใช้นานเหลือเกิน
เริ่มต้นกับ Warrior ซัพ Cleric
Warrior!
สายนี้จะเป็นสายสำหรับคนที่ชอบเป็นแนวหน้าถึก ทำดาเมจได้ค่อนข้างรุนแรงและยังเป็นตัวหลักในปาร์ตี้คือมีหน้าที่คอยชนและดึงมอนสเตอร์ ซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่ที่สำคัญมาก ขาดสายนี้ไปอาจมีตายยกตี้ สำหรับคนที่เล่นสายนี้อาจจะต้องมีการเปลี่ยนอาวุธเก่งสักหน่อยนะครับ เพราะสกิลแต่ละอย่างของแต่ละอาวุธนั้นมีดีไม่เหมือนกัน ถ้าจะให้ได้ผลดีที่สุดคือต้องเปลี่ยนไปมาครับ
อาวุธและอุปกรณ์ป้องกัน
อุปกรณ์ป้องกัน
Warrior จะเป็นสายการเล่นเดียวที่สามารถใส่ Heavy Armor ได้ซึ่งทำให้การเก็บเลเวลในเกมนี้ค่อนข้างสบาย เพราะมอนสเตอร์ส่วนใหญ่เป็นกายภาพถึงแม้จะวิ่งช้าก็ตามที แต่ในตอน PVP ผมแนะนำอุปกรณ์ป้องกัน Robe ครับ เพราะเราเป็นสาย STR ดังนั้นพลังป้องกันกายภาพของเราสูงอยู่แล้ว ซึ่ง Robe จะช่วยแก้ปัญหาพลังป้องกันเวทมนตร์ที่เรามีน้อยและแถมจะได้พลังติดตัวจากสกิลของ Cleric อีก (การจะใส่ Robe ได้ต้องมีสกิล Mastery ของ Cleric ครับ) ส่วน Light Armor นั้นเราก็สามารถใส่ได้และถ้าเรามี SP เหลือพอนั้น จะมีสกิลติดตัวของ Cleric ที่เพิ่มพลังป้องกันเมื่อใส่อุปกรณ์ป้องกัน Light Armor ซึ่งส่วนนี้ก็ทำให้เราถึกในตอน PVP ได้เช่นกัน แต่อาจจะวิ่งเร็วและเปลือง MP น้อยกว่าอุปกรณ์ป้องกัน Robe ครับ
อาวุธ
ในส่วนของอาวุธ Warrior สามารถเลือกเล่นได้ 3 ชนิด คือ 1. ดาบโล่ (ถึกที่สุด) 2. ดาบถือ 2 มือ (ดาเมจรุนแรงมาก) 3. ขวานคู่ (สตั๊นเลือดสาดต้องอันนี้) ซึ่งแต่ละชนิดนั้นก็จะมีจุดเด่นแตกต่างกัน และเมื่อเรามี Sub เป็น Cleric ก็จะต้องมีไม้เท้า Cleric อีกอย่างนึง (การใช้สกิลของฝั่งยุโรปจำเป็นต้องมีอาวุธตามสายสกิลนั้นถึงจะใช้ได้ครับ)
ดาบโล่
ดาบใหญ่
ขวานคู่
เทคนิคการใช้ Potion
การ Set Auto Potion ควร Set HP ไว้สัก 75% ครับ เพราะว่าดีเลย์ที่ช้าของยาฝั่งยุโรปจึงทำให้เราต้อง Set ไว้สูงเพื่อจะได้มีเวลาในการใช้ขวดต่อไป แต่อาจจะเปลืองสักหน่อย เพื่อนๆ อาจจะต้องคอยลดเพิ่มดูอีกทีนะครับ แต่ถ้า Set แบบนี้จะช่วยเวลาที่เราต้องสู้กับ Giant หรือตัวปาร์ตี้ได้ ส่วน MP Set ไว้ที่ 50% ครับ เพราะโดยปกติเราไม่จำเป็นต้องใช้ MP มากสักเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามเพื่อนๆ ควรจะมียาม่วง หรือยาที่เพิ่ม 25% ไว้ด้วยนะครับ เพราะยาเพิ่ม 25% มีดีเลย์เพียง 4 วินาที ส่วนยาม่วงนั้นจะมีดีเลย์แยกจากยา HP & MP ยาเหล่านี้จะช่วยเพื่อนยามฉุกเฉินได้
สกิล Warrior/Cleric
Warrior
สกิลทั่วไปของ Warrior
สกิลสาย Frenzy Buster และ Guard Barrier
สกิลสาย Frenzy Buster คือสกิลสำหรับสาย Tank และสกิลสำหรับเอาตัวรอด สกิลที่ไม่น่าอัพคือสกิล Descry (เป็นสกิลตรวจจับ Rogue ที่หายตัว) เพราะว่ายาของ NPC ดูจะมีผลที่ดีกว่า (ถึงแม้จะมีราคาแต่ก็ช่วยประหยัด SP ในส่วนนี้ได้) และ Descry นั้นมีดีเลย์ที่นานกว่า
Taunts (สกิลดึงมอน) : ไม่จำเป็นต้องอัพเต็ม แต่ก็ควรจะมีไว้ สกิลที่ควรจะอัพเต็มคือ Vital Increase, Mana and Iron skin, และ Sprint Assault
Vital Increase : จะช่วยทำให้คุณมีเลือดเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้คุณช่วยดึงมอนได้ดีขึ้น และแม้แต่ตอนเปิดเวลา PVP เอาไปรับความเสียหายที่ฝ่ายตรงข้ามจะรัวมาใส่
Mana และ Iron Skin : จะเพิ่มพลังป้องกันเวทมนตร์และกายภาพ
Sprint Assault : เป็นสกิลโจมตีระยะไกลและทำให้มีติด Stun กับ Knock Back ซึ่งมีโอกาสติดสูงมาก
สกิลสาย Guard Barrier คือสกิลสำหรับสาย Tank ที่เล่นเป็นปาตี้ ควรจะอัพทุกสกิลเต็ม
Pain Quota : จะกระจายความเสียหายในปาตี้ที่เลเวล 80 กระจายถึง 65% ซึ่งช่วยสาย INT ในปาตี้ได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น Wizard ในปาตี้โดนโจมตี 1,000 ดาเมจ จะกลายเป็น Wizard โดน 350 และเราโดน 650 และในกรณีที่ตี้ 8 คน สมมุติ Wizard โดน 10,000 ดาเมจ Wizard จะโดน 3,500 ดาเมจ และที่เหลืออีก 7,500 จะกระจายตามจำนวนคนครับ ดังนั้นอีก 7 คน จะโดน 7500/7 = 1,071 ดาเมจ ต่อคนครับ
Physical และ Magical Fence: เป็นสกิลสำหรับรับความเสียหายแทนผู้ที่ถูกบัฟ ซึ่งมีทั้งกายภาพและเวทมนตร์ ที่เลเวล 80 รับได้ถึง 63% และ 60%
Protect : สกิลนี้จะช่วยรับค่า Aggro ของมอนสเตอร์ (ค่าที่ทำให้มอนสเตอร์อยากจะโจมตีเรา ในปาตี้นี้ค่าใครสูงสุดมอนสเตอร์จะโจมตีคนนั้น) ซึ่งถ้าเราใช้สกิลนี้กับสายที่ทำดาเมจสูงสุดจะยิ่งคุ้มครับ เพราะจะทำให้มอนสเตอร์สนใจจะตีเราอย่างเดียว
Physical, Magical, และ Ultimate Screen : สกิลเพิ่มพลังป้องกันให้กับเป้าหมายซึ่งเพิ่มเยอะมากๆ ครับ ที่เลเวล 80 เพิ่มป้องกันถึง 1407 กายภาพ , 1877 เวทมนตร์ และสกิล Ultimate จะเพิ่มถึง 1173 กายภาพ, 1877 เวทมนตร์ ซึ่งเยอะมากๆ
สกิลดาบโล่
สกิลสาย One-handed Lord และ One-handed Sword
สกิลสายนี้เป็นสกิลสำหรับ Tank มีสกิลเพิ่มการบล็อก และ Knock Back
สกิลสาย One-Handed Lord เป็นสกิลติดตัวของสายดาบโล่ อัพเต็มหมดครับ
One Handed Arms : เพิ่มโจมตีเมื่อถือดาบโล่
Power Shield : เพิ่มพลังป้องกัน เลเวล 80 เพิ่ม 132
Blockade : เพิ่มโอกาสบล็อก
Critical Void : ลดอัตราการโดนคริติคอล
สกิลสาย One-Handed Sword เป็นสกิลโจมตีของสายดาบโล่
Slash : สกิลนี้ทำดาเมจไม่สูงมากและยังใช้ได้ช้า ผมแนะนำว่าถ้าประหยัด SP ก็ข้ามไปครับ แนะนำสกิลที่ควรอัพเต็มคือ Cunning Stab (ใช้ได้รุนแรงเมื่อศัตรูติดสถานะ), Daring Berserker (สกิลนี้รุนแรงสุด) และ Shield Crush ซึ่ง Shield Crush นั้นจะทำให้ติด Knock Back และ Dull ซึ่งสกิลนี้เมื่อติดสถานะ Dull แล้ว Cunning Stab จะทำดาเมจได้รุนแรงขึ้นอีก 50%
สกิลดาบใหญ่
สกิลสาย Two-Handed Lord และ Two-Handed Sword
สกิลสาย Two Handed Lord เป็นสกิลติดตัวของสายดาบใหญ่ เพิ่มดาเมจสูงสุด, อัตราติดคริติคอล และสะท้อนดาเมจ ซึ่งในบางทีทำให้ศัตรูตายได้ (โอกาส 40% สะท้อน ความเสียหายกายภาพ 90%) อัพเต็มทุกสกิลครับ
สกิลสาย Two-Handed Sword เป็นสกิลโจมตีของสายดาบใหญ่ ทุกสกิลควรอัพเต็มหมดครับ, Turn Rising ทำให้ Knock Down ซึ่งถ้าตามด้วย Charge Swing จะโหดมาก เพราะสกิลนี้จะทำดาเมจเพิ่ม 50% เมื่อล้ม และในกรณีที่ฝ่ายตรงข้ามติด Dull (จากสกิล Shield Crush ของดาบโล่) ต่อจากนั้น Knock Down และใช้ Triple Swing (ติดสถานะโดนแรงขึ้น) ตามด้วย Charge Swing (ติดสถานะโดนแรงขึ้น) คุณจะทำ ดาเมจดับเบิ้ลเลยทีเดียว และท่า Bash จะโจมตีเพิ่มอีก 50% ถ้าศัตรูล้ม เรียกได้ว่าล้มทีนี่โดนอุปกรณ์ป้องกันใหญ่เลยครับ ส่วนสกิล Maddening, Dare Devil เป็นสกิลที่แรงที่สุดของสายนี้และสายนี้ยังมีบัฟ คือ War Cry เป็นสกิลบัฟเพิ่มพลังโจมตี
สกิลขวาน
สกิลสาย Dual Lord และ Dual Axe
สกิล 2 สายนี้ไม่มีความจำเป็นเท่าไหร่ครับ เนื่องจากความแรงที่ไม่แรงที่สุดและป้องกันก็ไม่ดีมากนัก แต่จุดเด่นคือสกิลที่ทำ Stun และเสียเลือด จากสกิล Double Twist, Axis Quiver และ Sudden Twist ซึ่งจะอัพได้ต้องอัพ Dual Arm เลเวล 15 ถึงจะได้ครบครับ ถ้ามี SP พอค่อยลงก็ได้ครับ
Cleric
สกิลที่ควรอัพ
สกิลสาย Mental Culture & Blessed Recovery
สกิลสาย Blessed Recovery มีสกิลที่ควรอัพคือ Recovery Division ซึ่งเป็นสกิลบัฟที่เพิ่ม HP ทุกๆ 5 วินาที ซึ่งเหมาะกับ Warrior มากและช่วยเรื่องปัญหาดีเลย์ของ Potion แต่การจะอัพได้ต้องมีสกิล Faith เลเวล 6 สกิล Bless Spell เป็นอีกสกิลที่ควรจะอัพในสายนี้คือเพิ่มพลังป้องกันกายภาพและเวทมนตร์ให้เราอีก ทำให้เราถึกไปอีกขึ้น
ส่วนสายอื่นๆ ที่น่าสนใจนอกเหนือจากนี้ ก็คงเป็นสาย Glory, Saint Prayer และ Blessing ซึ่งสายเหล่านี้จะยิ่งแสดงผลดีมากสำหรับ Warrior ที่ใส่อุปกรณ์ป้องกันเกราะเบา สายสกิล Glory จะเพิ่มป้องกันกายภาพและเวทมนตร์เมื่อสวมใส่เกราะเบา ส่วน สาย Saint Prayer จะมีสกิล Holy word และ Holy Spell ที่ทำให้เราป้องกันการติดสถานะได้ 100% ส่วน สาย Blessing นั้นจะเป็นบัฟเทพๆ ที่เพิ่ม INT STR ให้เพื่อนได้ แต่ใช้กับตัวเราไม่ได้และเมื่อเราเปลี่ยนอาวุธบัฟจะหายไป และยังมีสกิลเพิ่มป้องกันกายภาพเวทมนตร์ซึ่งใช้กับตัวเราและคนอื่นได้ แต่ปัญหาคือ ถ้าเราเปลี่ยนอาวุธบัฟจะหายไปซึ่งไม่เหมือนกับสกิล Bless Spell ของสาย Recovery Division ที่แม้ว่าเราจะเปลี่ยนอาวุธบัฟก็ยังคงอยู่ สำหรับสกิลนี้ถ้าบัฟให้คนอื่นแม้ว่าเราจะเปลี่ยนอาวุธแล้วผลที่ได้ก็ยังคงอยู่
สำหรับวันนี้เพื่อนๆ คงเข้าใจเกี่ยวกับสกิลของ Warrior มากขึ้นและ Cleric ในบางส่วนและพอจะมีแนวทางในการเล่นสาย Warrior ส่วนผมขอลาไปหาข้อมูลยุโรปการเล่นสายอื่นๆ มาอัพเดตให้เพื่อนๆ กันก่อนนะครับ บายยย
ขอบคุณบทความจาก Chezvous ด้วยครับ