สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Black Rogue ผู้รักการเล่นฝั่งยุโรป วันนี้ผมจะมานำเสนอแนวทางการเล่นของฝั่งยุโรป เริ่มต้นกันด้วยสาย Melee ซึ่งแบ่งออกเป็น Warrior นักรบที่โหดโคตรถึกและ Rogue จอมโจรผู้แพรวพราวที่มีลูกเล่นหลากหลายและสกิลโจมตีระยะไกล, สาย Caster ซึ่งแบ่งเป็น Wizard จอมขมังเวทย์พลังทำลายขนาด Nuke ฝั่งจีนยังต้องชิดซ้าย และ Warlock หมอผีคำสาปสะท้านโลกันตร์ที่สามารถดีบัฟจนคู่ต่อสู้ย่ำแย่ และสายสุดท้าย Buffer ซึ่งแบ่งเป็น Bard นักดนตรีทั้งร้องทั้งเต้นบัฟกระจาย และ Cleric แม่ชีสาวฮิ๊ลสนั่นแถมด้วยสกิลทำลายล้างที่แรงที่สุดในเกม เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
สาย Melee : Warrior
Warrior
Warrior เป็นสายสกิลที่เน้นทางด้านการโจมตีระยะประชิด เป็นตัวชนแนวหน้ามีสกิลที่ดึงให้มอนสเตอร์หันมาสนใจและเป็นสายสกิลที่ใส่ชุด Heavy Armor และ Light Armor ได้ ซึ่ง Heavy Armor จะมีเพียงสายสกิล Warrior เท่านั้นที่ใส่ได้ ดังนั้นควรจะอัพแบบ Pure STR คือลง STR อย่างเดียว การเล่นของ Warrior นั้นจะมีอาวุธให้ใช้อยู่ทั้งหมด 3 ชนิดคือ
1. ดาบโล่ – สายนี้จะเป็นสายที่เน้นความถึกเป็นตัว Tank อันดับ 1 ในเกมเลยก็ว่าได้
2. ดาบใหญ่ – สายนี้จะเป็นสายที่เน้นพลังทำลายซึ่งรุนแรงมาก
3. ขวานคู่ – สายนี้มีความสามารถอยู่ระดับปานกลางโดยปกติจะเน้นอัพมาเพื่อใช้สกิลที่ทำให้เสียเลือดและติด Stun
ดาบใหญ่
สกิล Warrior ที่น่าสนใจ
สกิลของ Warrior ทั้งหมดจะแบ่งเป็นหลักๆ ได้ทั้งหมด 4 สายคือ
1. สายทั่วไป จะประกอบไปด้วย สกิลสาย Frenzy Buster และ Guard Barrier
สกิลสาย Frenzy Buster จะมีสกิลเพิ่มพลังป้องกันกายภาพเวทมนตร์ สกิลที่ดึงมอน สกิลที่เพิ่ม Max HP ในชั่วเวลานึง, สกิลสำหรับตรวจจับ Rogue ที่หายตัว (ตรวจจับ Wizard ที่หายตัวไม่ได้) และสกิลสุดโหดอย่าง Sprint Assault สกิลนี้จะทำให้ติด Stun และ Knock Back มีโอกาสติดสูงมาก ซึ่งแต่ละสกิลล้วนมีประโยชน์มากๆ ครับ ส่วนสกิลสาย Guard Barrier เป็นสกิลที่สำคัญต่อเพื่อนๆ ในปาร์ตี้คือจะเป็นสกิลรับความเสียหายและกระจายความเสียหายจากเพื่อนๆ รวมทั้งบัฟที่เพิ่มพลังป้องกันกายภาพและเวทมนตร์อย่างมหาศาลให้เพื่อนๆ
2. สายดาบโล่ จะประกอบไปด้วย สกิลสาย One-handed Lord และ One-handed Sword
สกิลสาย One-handed Lord จะเป็นสกิลติดตัวต่างๆ ของการเล่นดาบโล่ครับ มีทั้งเพิ่มโจมตี, อัตราบล็อก, พลังป้องกันและอัตราหลบหลีกคริติคอล ซึ่งเป็นสกิลที่ต้องอัพเพื่อจะอัพสกิลสาย One-handed Sword และสายสกิล One-handed Sword
3. สายดาบใหญ่ จะประกอบไปด้วยสกิลสาย Two-Handed Lord และ Two-Handed Sword สกิลสาย Two-Handed Lord เป็นสกิลติดตัวของสายดาบใหญ่ซึ่งมีสกิลเพิ่มอัตราคริ, เพิ่มโจมตี และยังมีอัตราการสะท้อนความเสียหายทางกายภาพ รวมถึงยังเป็นสกิลพื้นฐานในการอัพสาย Two-Handed Sword ส่วนสกิลสาย Two-Handed Sword
4 สายขวานคู่ จะประกอบไปด้วย สกิลสาย Dual Lord และ Dual Axe ...สกิลสาย Dual Lord เป็นสกิลติดตัวของสายขวานคู่ ซึ่งจะมีสกิลเพิ่มโจมตี, แม่นยำ และเพิ่มการป้องกันสถานะต่างๆ และเป็นพื้นฐานในการอัพ Dual Axe ซึ่งสกิลที่น่าสนใจคือสกิล Double Twist ที่ทำให้เสียเลือดและติด Stun, สกิล Axis Quiver ที่ทำให้ติด Stun
สาย Melee : Rogue
Rogue หน้าไม้
Rogue เป็นสายสกิลที่มีลูกเล่นเยอะเช่นการปลอมตัวเป็นมอนสเตอร์หรือแม้แต่ตัวผู้เล่นด้วยกันและยังมีสกิลที่สนับสนุน Job War คือสกิลหายตัว สกิลติดตามเป้าหมาย ซึ่งสกิลเหล่านี้ทำให้ผู้เล่นได้อรรถรสที่แตกต่างไปจากการเล่นฝั่งจีนโดยสิ้นเชิง และ Rogue นั้นสามารถสวมใส่ Light Armor ได้ และมีอาวุธให้ใช้อยู่ 2 ชนิดคือ มีดและหน้าไม้ ซึ่งหน้าไม้นั้นเหมาะกับการใช้เก็บเลเวลแบบคนเดียวมากครับ การอัพสเตตัสของสายนี้แนะนำว่าควรอัพแบบ Pure STR ครับ
Rogue สายมีด
สกิล Rogue ที่น่าสนใจ
สกิลทั้งหมดของ Rogue จะแบ่งเป็นสกิลหลักๆ ได้ 3 สายคือ
1. สายทั่วไป จะประกอบไปด้วยสกิลสาย Stealth Expert Series, Stealth, Poison และ Mash Change สกิลสาย Stealth Expert Series เป็นสกิลติดตัวที่เพิ่มระยะเวลาในการหายตัว และเป็นสกิลพื้นฐานของสาย Stealth ซึ่งสกิลสายนี้จะมีสกิลหายตัว, ตรวจจับ Rogue ด้วยกัน (ใช้กับ Wizard ที่หายตัวไม่ได้), ส่วนสกิลสาย Poison จะเป็นสกิลเคลือบพิษลงอาวุธ ซึ่งจะสร้างพื้นที่พิษและวางกับดักด้วยพิษ และสกิลสายสุดท้าย Mash Change สกิลสายนี้เป็นลูกเล่นของสาย Rogue เลยก็ว่าได้ เพราะจะมีสกิลที่ทำให้เรากลายเป็นมอนสเตอร์แลงเป็นผู้เล่นด้วยกันเองได้อีกด้วย
2. สายหน้าไม้ จะประกอบไปด้วย สกิลสาย Crossbow Expert และ Crossbow สกิลสาย Crossbow Expert เป็นสกิลติดตัวของสายหน้าไม้ ซึ่งจะมีสกิลเพิ่มโจมตี, ระยะโจมตี, ลดความเสียหายทางกายภาพซึ่งคิดเป็น % และสกิล Crossbow Extreme ที่เพิ่มพลังทำลาย ซึ่งสกิลนี้เป็นบัฟที่รุนแรงมากแต่ก็แลกกับเลือด และพลังป้องกันที่จะหายไปส่วนสกิล Crossbow แถบจะทุกสกิลมีประโยชน์มากสำหรับการเล่นหน้าไม้ เพราะจะมีทั้งสกิลที่ทำให้ Knock Back และ Knock Down และยังทำความเสียหายเพิ่ม 50% เมื่อเป้าหมายล้ม
3. สายมีด จะประกอบไปด้วย สกิลสาย Silent Expert และ Dagger Charge สกิลสาย Silent Expert เป็นสกิลติดตัวของสายมีด ซึ่งจะมีสกิลเพิ่มโจมตี, แม่นยำ, เพิ่มระยะ และความเสียหายเมื่อติดพิษ (ใช้คู่กับสาย Poison), เพิ่มความเร็วและความเสียหายเมื่ออยู่ในสภาวะหายตัว และสกิล Dagger Desperate ที่เพิ่มพลังทำลายเยอะมาก แต่สูญเสีย Max HP และพลังป้องกันบางส่วน ส่วนสกิลสาย Dagger Charge เป็นสกิลโจมตีของสายมีด มีสกิลที่เพิ่มความเร็วเคลื่อนที่ชั่วขณะหนึ่งซึ่งเร็วมาก
สาย Caster : Wizad
Wizard
Wizard เป็นสกิลสายทำความเสียหายที่รุนแรงที่สุดในเกมและมีการใช้ธาตุทั้ง 4 ในการโจมตีคือ ดิน, น้ำ, ไฟ, สายฟ้า ซึ่งธาตุไฟจะเป็นสกิลที่ทำความเสียหายได้สูงที่สุดส่วนน้ำ, ดิน และสายฟ้านั้นจะรองลงมาแต่มีการติดสถานะที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามลำบากมาทดแทน (Dull, Fear, Frostbite, Freezing, Knock Back) ซึ่งการเล่นควรจะเป็นแบบ Pure INT เพราะจะทำให้ได้ความเสียหายสูงสุดหรือไม่ก็สามารถ Hybrid ได้ในกรณีที่รู้สึกว่า HP มีน้อยเกินไป แต่เราสามารถทดแทนด้วยการยัดออพชั่น STR และ HP ให้ครบครับ
สกิล Wizard ที่น่าสนใจ
สกิลทั้งหมดของ Wizard จะแบ่งเป็นสกิลหลักๆ ได้ 5 สายคือ
1. สายทั่วไป จะประกอบไปด้วยสกิลสาย Natural Spirit และ Force Mental สกิลสาย Natural Spirit เป็นสกิลติดตัวที่เพิ่มพลังโจมตีเวทย์เมื่อเราใช้สกิลในแต่ละสายธาตุ ส่วน Force Mental จะเป็นสกิลสนับสนุนเช่น ลดการใช้ MP ในแต่ละสกิล
2. สายธาตุดิน สกิลสาย Earth Mentalist
สกิลสายนี้จะเป็นสกิลที่โจมตีเป็น AoE (โดนรอบตัวตรงจุดที่เราใช้สกิล) และยังทำให้ติดสถานะ Dull (เคลื่อนที่ & โจมตีช้า), สกิล Root ที่ใช้ตรึงศัตรูไว้ได้ซึ่งสกิลนี้เมื่อเราโจมตีด้วยเวทมนตร์เป้าหมายจะหลุดจากการตรึงทันที, สกิลที่ช่วยลดความเสียหายเป็น %
3. สายธาตุน้ำ สกิลสาย Cold Mentalist
สกิลสายนี้จะเป็นสกิลที่โจมตีและทำให้ติดสถานะแข็งหรือเคลื่อนที่ช้า แถมความแรงก็ยังรุนแรงพอๆ กับ Nuke ฝั่งจีน (ดูจากตัวคูณสกิล 320% ด้านหลัง) ที่น่าสนใจคือสกิล Mana Drain ซึ่งจะทำให้สถานะ Combustion ที่ทำให้อัตราการฟื้นฟู MP ลดลง (ใช้กับสาย STR นี่ MP แถบจะไม่เด้งเลยครับ)
4. สายธาตุไฟ สกิลสาย Fire Mentalist
สกิลสายนี้จะเป็นสกิลหลักของสาย Wizard เลยก็ว่าได้ เพราะความรุนแรงนั้นสูงมากสูงกว่าฝั่งจีน 1 เท่าตัวเลยทีเดียว และยังมีสกิลสำหรับค้นหา Wizard ที่หายตัวด้วย มีกับดักไฟที่ทำความเสียหายรุนแรง
5. สายธาตุสายฟ้า สกิลสาย Light Mentalist
สกิลสายนี้จะเป็นสกิลที่ทำให้เป้าหมาย Knock Back ได้ และยังทำให้ติดสถานะ Fear (ทำให้เป้าหมายโจมตีเราไม่ได้) อีกสกิลหนึ่งที่น่าสนใจคือ Teleport ที่ทำให้เราเดาทางได้ยากขึ้น
สาย Caster : Warlock
Warlock
Warlock เป็นสกิลสายดีบัฟสกิลโจมตีส่วนใหญ่จะเป็นการทำความเสียหายแบบ DoT (Damage Over Time คือทำความเสียหายเป็นระยะเวลาจำพวกเสียเลือด) สกิลดีบัฟต่างๆ มีหลากหลายเหมาะกับคนชอบ PVP ซึ่งการเล่นควรจะเป็นแบบ Pure INT เพราะจะทำให้ได้ความเสียหายสูงสุด และ Warlock จะมีโล่ซึ่งทำให้ถึกมากกว่า Wizard
สกิล Warlock ที่น่าสนใจ
สกิลทั้งหมดของ Warlock จะแบ่งเป็นสกิลหลักๆ ได้ 3 สายคือ
1. สายความมืด จะประกอบไปด้วยสกิลสาย Mind Control, Dark Mentalist และ Raze สกิลสาย Mind Control เป็นสกิลติดตัวที่เพิ่มพลังโจมตีเวทย์และสกิลเพิ่มระยะเวลาติดสถานะเมื่อเราใช้สกิลในสายนี้ ส่วน สกิลสาย Dark Mentalist เป็นสกิลโจมตีซึ่งทำความเสียหายเป็นแบบ DoT และยังติดสถานะต่างๆ คือ Burn, Poison, Bleed และ Dull ซึ่ง สกิลที่น่าสนใจก็เป็นสกิลที่ทำให้ติด Bleed กับ Dull 2 สถานะแก้ยากครับ
2. สายเลือด จะประกอบไปด้วยสกิลสาย Bloody Swarm, Blood และ Soul Pressure สกิลสาย Bloody Swarm เป็นสกิลติดตัวที่เพิ่มพลังโจมตีเวทย์และเพิ่มความเสียหายของกับดักเมื่อเราใช้สกิลในสายนี้ ส่วนสกิลสาย Blood เป็นสกิลโจมตีแบบกับดัก ที่ทำให้ติดสถานะ Hidden มีความเสียหายแบบไม่คิดเกราะ ส่วนสกิลสาย Soul Pressure จะเป็นสกิลดีบัฟที่ทำให้ติดสถานะ Stun, Shortsight, Confusion
3. สายปีศาจ จะประกอบไปด้วยสกิลสาย Evil Swell, Cruel Spell และ Dim Haze
สกิลสาย Evil Swell เป็นสกิลติดตัวที่เพิ่มอัตราการดูด HP สกิลสาย Cruel Spell เป็นสกิลโจมตีที่จะดูด HP เป้าหมายมาเป็นของเราและยังทำให้ติดสถานะ Disease คือทำให้เป้าหมายมีโอกาสติดสถานะผิดปกติมากขึ้น, มีสกิลที่สร้างความเสียหายแบบไม่คิดเกราะและสกิลที่ทั้งสะท้อนความเสียหาย + ทำให้เป้าหมายติด Stun เมื่อมาโจมตีเรา ส่วนสกิลสาย Dim Haze จะเป็นสกิลดีบัฟที่ทำให้ติดสถานะ Sleep, Pain ซึ่งสกิลที่ทำให้ติด Pain นั้นคือทำให้เป้าหมายมีดีเลย์ในการใช้ยาฟื้นฟู HP ฝั่งจีนจะดีเลย์ราวๆ 3 - 5 วินาที ยุโรปจะดีเลย์ราวๆ 20 – 21 วินาที
สาย Buffer : Bard
Bard
Bard เป็นสกิลสายบัฟ ที่มีทั้งเพิ่มพลังโจมตี ป้องกัน บัฟเพิ่มความเร็วและยังมีสกิลสำหรับฟื้นฟู MP อีกมีสกิลโจมตีที่รุนแรงพอๆกับ Nuke ของฝั่งจีน เป็นสายสกิลที่จำเป็นต่อการเล่นเป็นปาร์ตี้มากๆ สวมใส่ชุด Robe และถือพิณเป็นอาวุธ การเล่นของ Bard แนะนำให้เล่น Pure INT แต่ก็สามารถ hybrid 1 : 1 หรือ 1 : 2 เพื่อเพิ่ม HP
สกิล Bard ที่น่าสนใจ
สกิลทั้งหมดของ Bard จะแบ่งเป็นสกิลหลักๆได้ 3 สายคือ
1. สายร้องเพลง จะประกอบไปด้วยสกิลสาย Bards Dream, Battle Chord และ Music Pleasure สกิลสาย Bards Dream เป็นสกิลติดตัวที่เพิ่มพลังโจมตีเวทย์, ระยะแสดงผลสกิลร้องเพลง, ลดอัตราการใช้ MP และลดโอกาสการหยุดร้องเพลง (ถ้าไม่มีสกิลนี้ในเวลาที่ปาร์ตี้มีบัฟร้อง + บัฟเต้น เมื่อคนร้องหยุดคนเต้นจะหยุดทันที) ส่วนสกิลสาย Battle Chord เป็นสกิลโจมตีของ Bard และสกิล Music Pleasure เป็นสกิลบัฟหลักของสกิลสายร้องเพลงและเป็นสกิลที่จะทำให้สามารถใช้สกิลสายเต้น
2. สายสนับสนุน จะประกอบไปด้วยสกิลสาย Melody และ Sound สกิลสาย Melody เป็นสกิลดีบัฟใส่ศัตรูมีทั้งลดความเร็ว, ตรึงศัตรู, ติดสับสัน และยังมีสกิลที่แก้ไขสถานะต่างๆ ในปาร์ตี้ได้ รวมไปถึงการเปลี่ยน HP ให้เป็น MP ซึ่งสกิลนี้ไม่เหมาะกับสาย Pure INT ที่มีเลือดน้อยอยู่แล้ว ส่วนสกิลสาย Sound จะเป็นสกิลสนับสนุนที่เพิ่ม MP ให้เป้าหมายทั้งเพิ่มทันทีและเป็นระยะเวลา มีสกิลดูด MP จากเป้าหมาย
3. สายเต้น จะประกอบไปด้วยสกิลสาย Beautiful Life และ Dancing Concert สกิลสาย Beautiful Life เป็นสกิลติดตัวที่เพิ่มระยะในการแสดงผลเต้นและลดโอกาสที่จะถูกหยุดสกิลเต้นส่วนสกิล Dancing Concert เป็นสกิลบัฟของสายเต้นมีทั้งเพิ่มโจมตีกายภาพ & เวทมนตร์, ลดอัตราการใช้ MP และเพิ่มอัตราการแสดงผลฟื้นฟู HP จากสกิลของ Cleric
สาย Buffer : Cleric
Cleric
Cleric เป็นสายสกิลฟื้นฟู HP ชุบชีวิต แก้ไขป้องกันสถานะผิดปกติต่างและยังมีบัฟเพิ่มป้องกัน เพิ่ม STR, INT สกิลโจมตีก็ยังรุนแรงและที่สำคัญสกิลสาย Scarify เป็นสกิลที่มีพลังทำลายสูงที่สุดในเกม สามารถใส่ได้ทั้ง Robe และ Light Armor ถืออาวุธเป็นคทากับโล่ การเล่นของ Cleric แนะนำ Pure INT ครับ
สกิล Cleric ที่น่าสนใจ
สกิลทั้งหมดของ Cleric จะแบ่งเป็นสกิลหลักๆ ได้ 3 สายคือ
1. สายพื้นฐาน จะประกอบไปด้วยสกิลสาย Divine Creed และ Cardinal Praise สกิลสาย Divine Creed เป็นสกิลติดตัวที่เพิ่มพลังโจมตีเวทย์ ส่วนสกิลสาย Cardinal Praise เป็นสกิลพื้นฐานในการรักษามีทั้งสกิลฟื้นฟู HP, ชุบชีวิต และแก้สถานะและยังมีสกิลโจมตีของ Cleric ซึ่งทำความเสียหายได้รุนแรงในระดับนึง
2. สาย Blessing (ชุด Robe) จะประกอบไปด้วยสกิลสาย Mental Culture, Mortal Recovery, Recovery, Blessed Recovery และ Resurrection สกิลสาย Mental Culture เป็นสกิลติดตัวที่เพิ่มอัตราในการฟื้นฟู HP ซึ่งจะแสดงผลเมื่อใส่ชุด Robe เท่านั้น ส่วนสกิลสาย Mortal Recovery จะเป็นสกิลที่สร้างความเสียหายแบบไม่คิดเกราะ, สกิลสาย Recovery จะเป็นสกิลฟื้นฟู HP แบบกลุ่มหรือบางคน และฟื้นฟูแบบเป็นระยะเวลา 16 วินาที, สกิลสาย Blessed Recovery จะมีทั้งสกิลเพิ่มพลังป้องกันทั้งกายและเวทมนตร์ (แม้ว่าจะเปลี่ยนอาวุธบัฟก็ยังคงอยู่) สกิลฟื้นฟู HP ขั้นสูงทั้งกลุ่ม & คนเดียว และสกิลบัฟฟื้นฟู HP เป็นเวลา 5 นาที ส่วนสกิลสายสุดท้าย Resurrection เป็นสกิลชุบชีวิตขั้นสูงที่มีทั้งแบบกลุ่มและแบบเดี่ยว ซึ่งแบบเดี่ยวจะมีบัฟพิเศษหลังจากฟื้นเป็นเวลา 2 นาที
3. สาย Glory (ชุด Light Armor) จะประกอบไปด้วยสกิลสาย Glory, Sacrifice, Saint Prayer และ Blessing สกิลสาย Glory เป็นสกิลติดตัวที่เพิ่มความสามารถของสกิลของสกิล Blessing และเพิ่มพลังป้องกันกายภาพ & เวทมนตร์ ส่วนสกิลสาย Sacrifice เป็นสายสกิลโจมตีที่โจมตีแรงที่สุดในเกม แต่แลกกับ HP ที่เสียไป 95% และคูลดาวน์ราวๆ 2 นาที, สกิลสาย Saint Prayer เป็นสกิลสนับสนุนที่ช่วยป้องกันการติดสถานะแบบ 100% และสกิลสายสุดท้ายเป็นสายที่มีบัฟเทพ คือมีทั้งเพิ่ม STR, INT, ป้องกันกายภาพ และป้องกันเวทมนตร์
สำหรับครั้งนี้เพื่อนๆ คงเข้าใจเกี่ยวกับสกิลแต่ละสายของฝั่งยุโรปมากขึ้นนะครับ ในคราวต่อๆ ไปผมจะเจาะลึกการเล่นในแต่ละสาย และการเลือก Sub Class แบบสกิลต่อสกิลอีกทีนึงนะครับ ส่วนตอนนี้ขอลาเพื่อนๆ ไปก่อนนะครับ บายยย
ขอบคุณบทความจาก Chezvous ด้วยครับ