Yakuza 3
เครื่อง : PS3
ผู้พัฒนา: CS1 Team
ผู้จัดจำหน่าย: Sega
เรตจาก ESRB: M (18+)
วันวางจำหน่าย: 9 มีนาคม ปี 2010
ณ ริมหาดชายทะเลของเมืองโอกินาว่า มีสถานดูแลเด็กกำพร้าที่ชื่อ asagao ตั้งอยู่โดยมีชายวัยกลางคนและลูกสาวบุญธรรมของเขาได้รับดูแลเด็กกำพร้าที่นี่ทั้ง 8 คน เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้วที่เขาและลูกบุญธรรมได้ใช้ชีวิตที่แสนสงบสุขและเงียบสงบที่เมืองชายทะเลแห่งนี้ โดยเขาได้ทิ้งตัวตนและอดีตที่ผ่านมาไว้เบื้องหลังที่เมืองคามุโระที่โตเกียว เมืองคามุโระที่เต็มไปด้วยแสง สี เสียง และผู้คนมากมาย จอแจทุกวัน และยังมีแก๊งค์ยากูซ่าที่ใหญ่ที่สุด “แก๊งค์โทโจ” คอยควบคุมดูแลอยู่
แต่แล้วช่วงเวลาแห่งความสงบสุขก็ต้องหายไปอีกครั้ง เมื่อมีนักการเมืองท้องถิ่นได้ออกกว้านซื้อที่ดินและไล่ที่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมชายทะเลเพื่อที่จะสร้างรีสอร์ทดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากกว่าเดิม พร้อมกับเบื้องหลังลึกๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองระดับประเทศ รวมไปถึงแก๊งค์ยากูซ่าในท้องถิ่นของโอกินาว่าและยังเกี่ยวพันไปถึงแก๊งค์โทโจในโตเกียวอีกด้วย และเมื่ออยู่ๆ ลุงยากูซ่าเจ้าของที่ดินบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าถูกคนทำร้ายบาดเจ็บพร้อมๆ กับหัวหน้ารุ่นที่ 6 ของแก๊งค์โทโจก็ถูกคนๆ หนึ่งยิงจนบาดเจ็บสาหัสในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
ทำให้ชายผู้ที่ละทิ้งอดีตไปได้เริ่มประติดประต่อเรื่องราวและพบว่าคนร้ายที่ทำร้ายคนใกล้ตัวทั้ง 2 คนของเขาเป็นคนๆ เดียวกัน และยังเป็นคนที่มีใบหน้าเหมือนกับพ่อบุญธรรมของเขาที่ตายไปเมื่อหลายปีก่อนเป็นอย่างมาก คิริว คาซุมะหรือก็คือ หัวหน้ารุ่นที่ 4 จึงต้องกลับไปสืบหาความจริงจากอดีตและตัวตนที่แท้จริงของเขาที่ได้ทิ้งไว้ที่เมืองคามุโระเพื่อปกป้องคนสำคัญของเขาอีกครั้ง
ตัวเกมในภาค 3 มีความพัฒนาขึ้นมาก ทั้งในด้านกราฟิกที่มีการจำลองสถานที่จริงต่างๆ บางส่วนทั้งในเมืองโอกินาว่าและโตเกียวมาอยู่ในเกมได้อย่างสมจริง และการใช้เทคโนโลยี 3D scanner ที่สามารถแสกนใบหน้าของตัวคนจริงๆ มาใส่เป็นใบหน้าของตัวละครในเกมอีกด้วย ก็มีทั้ง ทาคายะ คุโรดะ เป็น คิริว คาซุมะ, นักพากย์เสียงอนิเมะชื่อดัง ริเอะ คุกิมิยะ เป็น ฮารุกะ และยังมีคนดังในวงการภาพยนตร์มาร่วมงานด้วยคือ เท็ตสึยะ ฟูจิวาระ ที่โด่งดังเป็นพลุแตกจากหนัง Battle Royale ทั้ง 2 ภาคได้ให้เสียงพากย์และใบหน้าเป็นริกิยะ ชิมาบุคุโระ และ ชิโด นากามูระ จากหนัง Be with You, Fearless และ Red Cliff ทั้ง 2 ภาค ก็ได้พากย์และใบหน้าเป็น โยชิทากะ มิเนะ นอกจากนี้แล้วในส่วนของเนื้อเรื่องย่อยก็มีเพิ่มมากกว่าเดิมทั้งในส่วนของโอกินาว่าและคามุโระ และมิชชั่น Hitman ที่ไปจัดการคนและกลับมารับเงินค่าหัว ซึ่งบางเนื้อเรื่องย่อยก็มีฉากมูฟวี่แทรกมาให้ได้ดูเหมือนกัน
เนื้อเรื่องในตัวเกมออกจะสั้นมากทีเดียว กับการวิ่งไปที่จุดเนื้อเรื่องแค่ไม่กี่จุด สู้บอส – จบบท… สั้นโคตรๆ และฉากมูฟวี่คุยกันยาวมากแทบจะหลับเสียให้ได้ ทั้งเกมมีอยู่แค่ 12 ฉาก เมื่อดูจากภาคที่แล้วที่มีถึง 16 ฉากแถมฉากคุยก็ไม่ยาวยืดเยื้อจนน่าหลับ ทำให้ดูเหมือนภาคนี้จะขายความกะทัดรัดในส่วนของฉากในแต่ละบทและฉากมูฟวี่สวยสมจริงมากจนเกินไป โหมดการต่อสู้ที่มีท่าเพิ่มทำให้ออกท่าได้หลากหลายและต่อเนื่องขึ้นมากกว่าเดิม ทั้งท่าต่อย เตะ จับทุ่ม ฯลฯ และยังมีท่าพิเศษที่ต้องคอยเก็บเพิ่มตามจุดต่างๆ อีกด้วย มีการเพิ่มโหมดวิ่งไล่ตาม (หรือหนี) ที่จะต้องให้คิริววิ่งไล่ตามคนร้ายหรือหนีตำรวจตามเนื้อเรื่อง ขณะที่การต่อสู้ในอารีน่าจากเดิมที่มีสู้แค่แบบเดี่ยวๆ ในภาคนี้ก็เพิ่มแบบแท็คทีมที่สามารถหาสมาชิกเก่งๆ เพิ่มเติมได้จากมิชชั่นย่อยอีกด้วย
มินิเกมเป็นสิ่งที่มีคนพูดถึงกันมาก ในภาคที่ 3 นี้ก็มีมินิเกมใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาไม่ว่าจะเป็น ปาลูกดอก, บิลเลียด, ร้องคาราโอเกะ, ตีกอล์ฟ (สนุกใช้ได้เลย), ตกปลา, ทอยลูกเต๋า รวมกับของเก่าที่มีคือ ตีเบสบอล, คาสิโน, SEGA Arcade ที่เป็นเกมตู้ชู้ตติ้งและจับตุ๊กตาในตู้ และคลับสาวเต้นอะโกโก้โชว์ พูดถึงเรื่องมินิเกมแล้ว มีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างเวอร์ชั่นญี่ปุ่นและเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษนี้ ขอแยกให้ดูกันชัดๆ ไปเลยแล้วกันว่าสรุปแล้วเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษนี้ขาดอะไรไปบ้าง
เวอร์ชั่นปะกิตอดดริ๊งกับสาวโฮสนะจ๊ะ~
สิ่งที่มีในเวอร์ชั่นญี่ปุ่น เกี่ยวกับมินิเกมที่ยังเป็นเสน่ห์สำคัญของเกมซีรีส์ยากูซ่าก็คือ คลับสาวโฮส ถ้าไปเที่ยวคลับสาวโฮสเมื่อเพิ่มหัวใจสาวได้จนถึง 8 หรือ 14 ดวง ก็จะมีโหมดเอาใจคนหื่นโดยเฉพาะ ก็คือการ “จ้อง” โดยกดปุ่มวงกลมค้างจะเป็นการซูมเข้าไปชัดๆ เราสามารถจ้องส่วนไหนในร่างกายของเธอก็ได้ ไม่ว่าจะผม ตา ปาก มือ ขาอ่อน และหน้าอก (แต่ส่วนมากถ้าจ้องตรงนี้จะโดนสาวด่าว่าลามก… แต่ฉันก็จ้องตรงนี้กับสาวทุกคนนะ 555+) และเมื่อ 10 ดวงแล้วจะสามารถชวนเดทได้ซึ่งก็สามารถชวนเธอไปร้องคาราโอเกะด้วยกันกับเราได้ แถมภาคนี้ยังเพิ่มมินิเกมปั้นสาวโฮสที่สามารถแต่งเสื้อผ้า หน้า ผม ได้ตามใจผู้เล่น (เอาใจโอตาคุชัดๆ) และบรรดาเกมการพนันแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นทั้ง Shogi & Mahjong รวมไปถึงร้านสาวนวดเพื่อผ่อนคลาย (?) สำหรับเวอร์ชั่นญี่ปุ่นนี้ทุกองค์ประกอบลงตัวดีมากๆ โดยเฉพาะสาวโฮส… เอาไปเลย 8.5/10 หัก 1 คะแนนเนื่องจากภาคนี้ไม่มีนางเอก (หรือว่ามันจะจับเด็กที่เลี้ยงต้อยมาเป็นนางเอก?) และอีก 0.5 เพราะศัพท์ยากจริงๆ การเมืองทั้งนั้น ฟังไม่ออก…
ชาวฝรั่งหรือแม้แต่คนไทยที่เล่นเวอร์ชั่นปะกิตก็อดนวดกับสาว (?) คนนี้นะจ๊ะ~
ดูกันให้ชัดๆ ว่าเวอร์ชั่นอังกฤษ อดนวด!!~
สิ่งที่ถูกตัดออกไปในเวอร์ชั่นอเมริกา มินิเกมที่ถูกตัดออกไปอย่างที่รู้ๆ กันคือ คลับสาวโฮส และการปั้นสาวโฮสที่เราไม่สามารถเข้าไปร้านได้, มินิเกมไพ่นกกระจอกและหมากรุกญี่ปุ่น Shogi & Mahjong เข้าไปในร้านได้แต่กดเล่นไม่ได้, ร้าน SEGA Arcade - เกมตอบปัญหาประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น และร้านสาวนวดที่เข้าไปไม่ได้เช่นกัน (ไม่เข้าน่ะดีแล้ว แท้จริงแล้วสาวนวดนั้นคือ…) Sega ให้เหตุผลว่า ชาวตะวันตกคงไม่เข้าใจรูปแบบการเล่นและวัฒนธรรมในส่วนนี้ของคนญี่ปุ่น ถึงมีไปก็คงไม่เล่น… แต่ตัวเกมก็เป็นภาษาอังกฤษที่ทำให้ง่ายต่อการเข้าใจในเนื้อเรื่องและระบบต่างๆ ได้ดีกว่าภาคญี่ปุ่นมากๆ เอาคะแนนไปที่ 8/10 หัก 1 คะแนนเหตุผลเหมือนฝั่งญี่ปุ่นและอีก 1 คะแนนที่มินิเกมมีไม่ครบ
*แต่ถ้าจากความเห็นส่วนตัวขอให้ที่ 5/10 เพราะการขาดสาวโฮสในเกมนี้ก็เหมือนกับที่ FF XIII ไม่มีเรือเหาะนั่นแหละ…
สำหรับโอตาคุฝรั่ง มินิเกมปั้นสาวโฮสก็อดจ้า