Rune of Magic : รู้ลึกถึงการเลือกสายอาชีพพร้อมทริคการเล่นสุดแจ่ม เล่นง่ายไม่งง

แชร์เรื่องนี้:
Rune of Magic : รู้ลึกถึงการเลือกสายอาชีพพร้อมทริคการเล่นสุดแจ่ม เล่นง่ายไม่งง

    ตัวเกม Runes of Magic (ROM) ระบบถือว่าไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย เพียงแต่สิ่งที่น่าจะทำให้ลำบากใจสักหน่อย คือ การเลือกอาชีพหลักและรอง ซึ่งเป็นระบบที่ถือว่าโดดเด่นของ ROM แต่หลายๆ คนก็ไม่อยากปั้นตัวใหม่นัก อยากรู้ว่าอาชีพไหนโดดเด่นในด้านใด และเหมาะกับตัวเองหรือไม่ ในที่นี้ ขอมาเจาะลึกกันอีกสักครั้ง พร้อมกับ TIP & Trick สำหรับมือใหม่ที่ช่วยให้เล่นง่ายยิ่งขึ้น

เลือกอาชีพคลาสแรกให้ถูกใจ

    เมื่อเริ่มเล่นเกม เราจะเลือกอาชีพแรกกันแต่แรก เนื่องจากเป็นอาชีพที่ต้องใช้ไปอีกนาน ไม่สามารถเปลี่ยนได้ จึงควรเลือกอาชีพที่เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด และคุ้นเคยกับสไตล์การเล่นของเรามากที่สุด เรื่องอาชีพไหนเก็บเลเวลไว, PVP เก่ง หรือปาร์ตี้ต้องการนี่ ไม่ต้องกังวลครับ เพราะตัวเกม ROM เองก็มีการปรับแพตช์ให้ทุกอาชีพมีความสำคัญ และความโดดเด่นใกล้เคียงกันอยู่แล้ว

    อีกอย่างไม่มีประโยชน์ที่จะเลือกเล่นอาชีพที่เราไม่ถนัด อย่างคุณอาจได้ยินว่า Priest / Mage เป็นอาชีพที่มีความยืดหยุ่นสูง แต่คุณถนัดการสู้ระยะประชิดมากกว่า ไปฝืนเล่นอาชีพที่บอบบาง ก็เล่นลำบาก อาจสร้างภาระให้ปาร์ตี้ หรือ PVP แพ้รัวๆ ก็เป็นไปได้ ดังนั้น เลือกให้ตรงกับสไตล์ตัวเองจะดีกว่า โดยเฉพาะอาชีพแรกที่เลือก ก็น่าเลือกอาชีพที่เล่นสบายเป็นหลัก

หลักพิจารณาอาชีพคลาสแรก ง่ายๆ ก็มีดังนี้

    1. Knight อัศวินสุดแกร่ง มีความสามารถในการต้านทานการโจมตีที่ดี

    2. Warrior นักรบจอมพลัง มีความชำนาญอาวุธหลากหลาย

    3. Rogue จอมโจรผู้ปราดเปรียว โจมตีได้อย่างรุนแรง และว่องไว

    4. Scout นักธนูมือฉมัง ชำนาญการต่อสู้ระยะไกล หลอกล่อมอนสเตอร์ได้ดี

    5. Mage จอมขมังเวทย์ ผู้เชี่ยวชาญมนตราด้านทำลาย

    6. Priest     สายสนับสนุน เป็นอาชีพที่ขาดไม่ได้แน่นอน

แต่ละอาชีพเด่นไปคนละด้าน


คำถามที่เห็นบ่อยข้อนึง คือ “จะแตกต่างกันไหมระหว่างเลือกอาชีพไหนเป็นหลักก่อน” เช่น

    1. เล่น Priest ตอนเริ่มเกม แล้วอาชีพรองตอนเลเวล 10 คือ Mage

    2. เล่น Mage ตอนเริ่มเกม แล้วอาชีพรองตอนเลเวล 10 คือ Priest

    คำตอบ คือ แบบแรกจะเล่นยากกว่า ส่วนด้านสกิลจะไม่แตกต่างกัน เพราะคุณสามารถสลับคลาสหลัก และรองได้อย่างอิสระ ดังนั้น อาชีพที่เลือกควรเป็นอาชีพที่เก็บเลเวลไว เพื่อผ่าน 10 เลเวลแรกไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งตอนเอาอาชีพรองมาเก็บเลเวล จะมีตัวช่วยอยู่หลายทาง ซึ่งจะกล่าวถึงในหัวข้อต่อไป

ทำความเข้าใจกับอาชีพที่สอง

    ระบบเด่นของ Runes of Magic คือ คุณสามารถเลือกอาชีพรองมาใช้งานได้ ทำให้ผสมผสานรูปแบบการเล่นได้มากถึง 30 แบบ จะเลือกเล่นแค่อาชีพเดียวก็ได้เช่นกัน แต่จะขาดความสามารถเฉพาะอาชีพที่เจ๋งๆ ไป จึงแนะนำให้เล่นแบบสองอาชีพดีกว่า

    วิธีการเลือกอาชีพรอง คือ ผู้เล่นต้องมีเลเวลตั้งแต่ 10 ขึ้นไป จะสามารถไปเลือกเล่นอาชีพที่ 2 กับ NPC ได้ที่เมือง Varanas ใน Classhall ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจุดเริ่มต้นเราเกินไป เมื่อคุยกับ NPC ประจำอาชีพก็จะเลือกอาชีพที่ต้องการได้ทันที โดยไม่ต้องทำเควสต์เพิ่มเติม ซึ่งจะเลือกอาชีพไหนเป็นอาชีพหลักและรอง ก็เคยแนะนำคร่าวๆ ไว้ใน Weekly Online 2 ฉบับที่ผ่านมาไปแล้ว

เปลี่ยนอาชีพในตำแหน่ง ตามแผนที่


    สิ่งหนึ่งที่ต้องระวัง คือ ไม่สามารถเปลี่ยนอาชีพหลักหรือรองได้อีก ทำได้เพียงการสลับคลาสที่เลือกไว้เท่านั้น จึงต้องคิดให้ดีก่อน

สิ่งที่ทำให้การเลือกอาชีพรองแตกต่างกัน มี 2 อย่างใหญ่ๆ คือ

    1. สกิลทั่วไปของอาชีพรอง : เป็นสกิลที่ช่วยเพิ่มความสามารถให้แก่อาชีพหลัก ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแต่ละอาชีพ บางสกิลก็มีประโยชน์ในการเก็บเลเวล และบางสกิลจากอาชีพอื่นก็นำมาใช้งานได้ดีใน PVP

    2. สกิล Elite ของแต่ละอาชีพ : เมื่ออาชีพหลักและรอง ถึงเลเวล 15 ทั้งคู่จะเริ่มใช้สกิล Elite สกิลแรกได้ ซึ่งต้องหาวัตถุดิบมาให้ NPC ถึงจะสามารถใช้สกิลเหล่านี้ได้ และจะใช้ได้เพิ่มอีกทุกๆ 5 เลเวล
แต่ละสกิลจะแตกต่างกัน อีกทั้งถ้าสลับระหว่างสกิลหลักและรอง จะมีสกิลที่ต่างกันอีก เช่น สกิล Warrior / Mage กับ Mage / Warrior จะมีสกิล Elite ที่ไม่เหมือนกันเลย ถือเป็นจุดเด่นสำคัญของรูปแบบอาชีพทั้ง 30 แบบ

สกิล Elite ที่แตกต่างกันมากมาย


คุณสมบัติของอาชีพหลักและอาชีพรอง

เมื่อเราเลือกอาชีพไหนเป็นอาชีพหลัก จะมีคุณสมบัติดังนี้

    1. ใช้อุปกรณ์ได้ตามที่อาชีพหลักใช้ได้

    2. ใช้สกิลหลักของอาชีพหลักได้

    3. ใช้สกิลทั่วไปของอาชีพหลัก และอาชีพรองได้

    4. ใช้สกิล Elite เฉพาะตัวได้

ตัวอย่าง

หมายเหตุ :

- อาวุธเพิ่มเติมที่ใช้ได้ มาจากสกิลทั่วไปประเภท Passive 2 สกิล คือ

Bow Training (Scout)

และ

Equip Axe (Warrior)

ทำให้อาชีพหลักอื่นถืออาวุธที่ไม่ตรงกับอาชีพได้

- สกิลที่ใช้ได้ จะดูตามเลเวลของอาชีพหลักที่เป็นอยู่

    กรณีเป็นสกิลที่ต้องการให้ถืออาวุธบางอย่าง จะไม่สามารถใช้งานได้ เช่น Priest จะไม่สามารถใช้สกิลโจมตีด้วยโล่ได้

การสลับอาชีพหลักและรอง

    เราสามารถสลับอาชีพหลัก และรองได้ที่บ้านส่วนตัว หรือ NPC ที่วาร์ปเราเข้าบ้านส่วนตัว สลับ 2 อาชีพที่เลือกไว้กี่ครั้งก็ได้ เพื่อความเหมาะสมในการใช้งาน เช่น ถ้าคุณเล่น Rogue / Mage ถ้าปาร์ตี้ต้องการหน่วยทำ Damage (Damage Dealer) ก็ให้ Rogue เป็นอาชีพหลัก แต่ถ้าต้องการหน่วยโจมตีเป็นกลุ่ม (Nuker) ก็ให้ Mage เป็นอาชีพหลักแทน จะเห็นว่าแต่ละคู่ที่เราเลือก สามารถทำงานได้มากกว่า 1 ตำแหน่งในปาร์ตี้ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะหาปาร์ตี้ยากในช่วงหลัง

เลือกสลับอาชีพได้อิสระ

ข้อจำกัดของอาชีพหลักและรอง


    เลเวลของอาชีพหลัก และรองจะแยกจากกัน อาชีพไหนจะเป็นอาชีพหลัก จะได้รับ EXP ส่วนนั้นไป อยากจะอัพอาชีพไหนก็ต้องเลือกอาชีพนั้นเป็นอาชีพหลัก

    เมื่อเราเอาอาชีพรอง มาเป็นอาชีพหลัก อุปกรณ์ สกิลอาชีพรอง, อุปกรณ์และเควสต์ที่รับได้ จะยึดตามอาชีพหลักที่เลือกไว้ รวมทั้งหลอดพลังก็จะขึ้นกับอาชีพหลักด้วย

    อาชีพที่เป็นอาชีพรอง จะถูกปรับให้ใช้สกิลทั่วไปได้ ไม่เกินอาชีพหลัก ดังนัน ถึงคุณจะมีอาชีพหลักเลเวล 10 แล้ว เมื่อสลับอาชีพรองที่มีเลเวล 1 ก็จะถูกจำกัดสกิลที่ใช้ได้ด้วย

ตัวอย่างเช่น

    - เริ่มต้นตอนเลือกอาชีพรอง : Mage เลเวล 10, Rogue เลเวล 1

    - สลับอาชีพ Rogue เป็นอาชีพหลัก : Rogue เลเวล 1, Mage เลเวล 1

    - เมื่อเลเวลอัพตอนเป็น Rogue เป็นอาชีพหลัก : Rogue เลเวล 2, Mage เลเวล 2

     - สลับอาชีพ Mage เป็นอาชีพหลัก : Mage เลเวล 10, Rogue เลเวล 2

    ไม่ควรให้เลเวลทั้งสองอาชีพหลักและรองห่างกันเกินไป เพราะการจะใช้ Elite Skill จำเป็นต้องมีเลเวลทั้งสองอาชีพเท่ากัน ควรสลับมาเก็บเลเวลบ้าง

หลอดเลเวลทั้ง 2 อาชีพ แยกออกจากกัน


วิธีปั๊มเลเวลอาชีพรอง

    หลังจากเลือกอาชีพรองแล้ว เราจะได้คำสั่งใหม่สำหรับวาร์ปกลับมาเมืองเริ่มต้น ซึ่งเราสามารถเริ่มเก็บเลเวลได้อีกครั้ง แต่แน่นอนว่าการเก็บเลเวลแบบเดิมๆ อาจจะน่าเบื่อสักหน่อย จึงมีหนทางให้อัพเลเวลไวดังนี้

    1. แนะนำให้เก็บของสำหรับอาชีพรองไว้ : ถ้าได้พวกอาวุธหรือชุดที่อาวุธรองใช้ได้ และมีออพชั่นดีๆ ก็ให้เก็บไว้ใช้เมื่อสลับอาชีพ

    2. อัพสกิลทั่วไปอาชีพรองไว้ : สกิลอาชีพรองจะมีประโยชน์มากสำหรับการเก็บเลเวล เช่น ถ้าคุณเริ่มต้นด้วย Mage แล้วคุณอัพสกิลทั่วไปช่วงแรก แบบ Fireball (เลเวล 4, ทั่วไป) ไว้เยอะๆ เมื่อสลับอาชีพเป็นอาชีพรอง คุณจะสามารถใช้ Fireball ในการเก็บเลเวล เมื่อรวมกับสกิลหลักของอาชีพใหม่ก็จะเล่นได้ง่ายขึ้น

    3. ใช้เควสต์ให้เป็นประโยชน์ : คุณสามารถเคลียร์เควสต์บางอย่างแล้วเก็บไว้ก่อน แล้วมาอัพให้อาชีพรองก็ได้ โดยเฉพาะพวกเควสต์ประจำวันที่ทำได้วันละ 10 ครั้ง จะช่วยได้มาก

หมายเหตุ : เราสามารถใช้ของที่ได้จากเควสต์ช่วงเลเวล 30 หรือของใน Item Shop เพื่อรีเซ็ตค่า TP ที่ใช้กับสกิลได้ ดังนั้น จะเลือกอัพสกิลแรกๆ ไปก่อนก็ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่า TP ในภายหลัง

สกิลสำหรับวาร์ปกลับเมืองแรก และที่เปลี่ยนอาชีพ


ระบบที่น่าสนใจในช่วงแรก

 ทำความรู้จักกับเควสต์

    ตัวเกมประกอบไปด้วยเควสต์มากมาย และส่วนใหญ่จะคุ้มค่ากว่าการเก็บเลเวลโดยการตีมอนสเตอร์เรื่อยๆ การมุ่งจะตีมอนสเตอร์เพียงอย่างเดียวจะทำให้เลเวลและเงินขึ้นช้ามาก อีกทั้งมอนสเตอร์ตั้งแต่เลเวล 10 ขึ้นไป จะเริ่มเก่งแบบเห็นได้ชัด จนยากที่จะผจญภัยเพียงคนเดียวได้ ถ้าปาร์ตี้ถึงจะพอเล่นได้ ก็ไม่เร็วเท่าทำเควสต์อยู่ดี จึงแนะนำให้ทำเควสต์ไปด้วยดีกว่า

    รูปแบบการทำเควสต์ส่วนใหญ่จะไม่ซับซ้อน เข้าใจง่ายมาก เพียงแค่อ่านรายละเอียดของเควสต์จะทำได้แล้ว ในส่วนนี้จึงไม่ขออธิบาย เพียงแต่สิ่งที่ผู้เล่นใหม่น่าจะรู้ประเภทของเควสต์ไว้จะดีกว่า

    ประเภทของเควสต์แบ่งเป็น 4 แบบใหญ่ๆ ดังนี้

    1. เควสต์ทั่วไป (Normal Quest)
    ชื่อเควสต์จะเป็นสีส้ม พบเห็นได้บ่อยจาก NPC ในที่ต่างๆ ตัวภารกิจไม่ยาวนัก และตัวเควสต์ก็ใช้เวลาไม่นาน เป็นเควสต์ที่แนะนำให้ทำไว้บ้าง บางครั้งจะได้ไอเทมที่ค่อนข้างดีกว่าการตีดรอปจากมอนสเตอร์ทั่วไป เนื่องจากมีเควสต์จำนวนมากตามระดับเลเวล จึงอาจพยายามเลือกทำเควสต์ประเภทนี้ก่อน ถ้าเควสต์หมดค่อยไปทำเควสต์ประเภทอื่นต่อ

    กรณีที่เลเวลเราเลยเควสต์มาพอสมควรแล้ว อาจเลือกที่จะไม่ทำก็ได้เช่นกัน เพราะไม่มีความจำเป็นต้องทำทุกเควสต์ ยกเว้นจะเอาพวก Title (ฉายา) บางอย่างที่ต้องผ่านเควสต์ก่อน ถึงจะได้รับมา

เควสต์ประจำวันรับได้ที่เมือง


    2. เควสต์ประจำวัน (Dailiy Quest)
    ชื่อเควสต์จะเป็นสีฟ้า เควสต์เด่นในเกม ที่สามารถรับกันได้ทุกวัน วันละ 10 ครั้ง สามารถทำเควสต์เดิมซ้ำได้ โดยตัวเควสต์ส่วนใหญ่จะเข้าใจง่ายมาก ได้แก่ พวกเควสต์กำจัดมอนสเตอร์, ส่งของ หรือ เก็บของ เป็นต้น รับเควสต์ได้ตามป้ายประกาศในเมืองต่างๆ โดยจะเห็นเป็นไอคอนสัญลักษณ์สีฟ้าบนแผนที่

    เควสต์ประเภทนี้ สามารถให้คลาสหลักไปทำเควสต์ แล้วให้คลาสรองที่เลือกไปจบเควสต์ก็ได้ ซึ่งจะเป็นการปั๊มเลเวลให้คลาสรองแบบง่ายๆ และเก่งได้อย่างรวดเร็วด้วย

    ไอเทมที่ได้จากเควสต์ สามารถนำไปแลกของบางอย่างได้ โดยเฉพาะพวกเฟอร์นิเจอร์ หรือพาหนะบางตัว จึงแนะนำให้ทำเควสต์ประเภทนี้บ่อยๆ

เควสต์มากมายให้เลือกทำ


    3. เควสต์เนื้อเรื่อง (Epic Quest)
    ชื่อเควสต์จะเป็นสีม่วง เป็นเควสต์ต่อเนื่องที่ยาว และไม่สามารถทำซ้ำได้ ซึ่งตัวเนื้อเควสต์จะค่อนข้างยาก ท้าทายความสามารถของผู้เล่นกันอยู่พอสมควร แต่ของตอบแทนส่วนใหญ่จะเป็นของหายากมาก และมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับของราคาแพง บางชิ้นดีพอที่จะนำมาใช้งานกันยาวๆ

    4. เควสต์กิจกรรม (Event Quest)
    เป็นเควสต์ที่มาในบางเทศกาล และบางช่วงเวลา นานๆ จะได้ทำสักครั้ง บางครั้งก็ให้ของตอบแทนที่น่าใช้เหมือนกัน

ความสำคัญของค่า Stat

    ผลของค่า Stat จะแตกต่างกันไปตามแต่ละอาชีพ ซึ่งค่า Status เหล่านี้ส่วนหนึ่งก็ได้จาก Rune ที่ติดตั้งในอุปกรณ์ การเลือกเพิ่มค่า Stat จึงมีความสำคัญเช่นกัน

ค่า Stat มีผลมาก


1. ความแข็งแกร่ง (Strength)
        1.1. เพิ่มพลังโจมตีทางกายภาพ (P.Atk) สำหรับทุกอาชีพ
        1.2. เพิ่มพลังชีวิต (HP) มีผลน้อยกว่าการเพิ่มค่า Stamina
    2. ความคล่องแคล่ว (Dexterity)
        2.1. เพิ่มความแม่นทางกายภาพ (PACC) ส่งผลต่ออัตราติดคริติคอล
        2.2. เพิ่มอัตราหลบหลีกทางกายภาพ (PDR)
        2.3. เพิ่มพลังโจมตีทางกายภาพ (P.Atk) สำหรับ Rogue และ Scout
    3. ความอดทน (Stamina)
        3.1. เพิ่มพลังป้องกันทางกายภาพ (P.Def)
        3.2. เพิ่มพลังชีวิต (HP)
        3.3. เพิ่มอัตราฟื้น HP (HP Recovery)
   
4. ความฉลาด (Intelligence)
        4.1. เพิ่มพลังโจมตีเวทมนตร์ (M.Atk)
        4.2. เพิ่มค่าพลังเวทมนตร์ (MP)
        4.3. เพิ่มพลังโจมตีทางกายภาพ (P.Atk) สำหรับสายเวทมนตร์

5. ความรอบคอบ (Wisdom)
        5.1. เพิ่มค่าพลังเวทมนตร์ (MP)
        5.2. เพิ่มค่าพลังป้องกันเวทมนตร์ (M.Def)
        5.3. เพิ่มอัตราฟื้น MP (MP Recovery)
        5.4. เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ Heal

ปรับรูปแบบการเก็บของ

    บางคนอาจไม่ชินกับระบบการเก็บของจากร่างมอนสเตอร์ทีละชิ้นนัก ซึ่งเป็นระบบนิยมใช้กันมาในเกม MMORPG จากฝั่งตะวันตก แต่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยถูกใจชาวเอเซีย อันที่จริงเกม ROM ก็เตรียมทางเลือกสำรอง สำหรับชาวเกมเมอร์ที่ไม่ชอบอยู่แล้ว โดยมีวิธีตั้งให้เก็บของจากมอนสเตอร์แบบต่อเนื่องอยู่ โดยมีวิธีปรับให้เก็บของง่ายขึ้นดังนี้

    1. กดปุ่ม ESC จากนั้นเลือก “การตั้งค่าอินเตอร์เฟซ”


  2. เลือกหัวข้อ “ควบคุม”

3 ดูตรง หัวข้อ “เก็บของดรอปอัตโนมัติ” ให้ติ๊กข้อนี้


 วิธีใช้สกิลสนับสนุนตัวเอง

    บางสกิลจะสามารถสนับสนุนให้คนอื่นได้ด้วย แต่ถ้าเราต้องการปรับให้มาสนับสนุนแต่เราเท่านั้น โดยไม่ต้องเลือกเป้าหมายก็ไม่ยาก เพียงทำตามขั้นตอนนี้

    1. กดปุ่ม ESC จากนั้นเลือก “การตั้งค่าอินเตอร์เฟซ”

    2. เลือกหัวข้อ “ควบคุม”

    3 ดูตรง หัวข้อ “Self Cast” ให้ติ๊กข้อนี้


การปรับแต่งในส่วน Action Bar


    แถบสกิลเริ่มต้นจะเห็นใส่ได้แค่ไอเทมกับสกิลไม่กี่ชิ้น แต่ความจริงเราสามารถเพิ่มจำนวนช่อง Action Bar ได้ค่อนข้างอิสระ อีกทั้งจัดวางตำแหน่งได้หลากหลายให้เหมาะกับความถนัดของตัวเราได้ด้วย

    1. กดปุ่ม ESC จากนั้นเลือก “การตั้งค่าอินเตอร์เฟซ”

    2. เลือกหัวข้อ “Action Bar”

    3. ปรับแต่งรายละเอียดได้ตามต้องการ


สามารถปรับแต่งได้หลากหลาย ตามความเหมาะสม


คำแนะนำเบื้องต้น

    - แนะนำให้เข้า Tutorial เริ่มต้น ซึ่งใช้เวลาเล็กน้อย ก็จะได้ของสำหรับใช้ในช่วงต้นเกม

    - พวกถุงของขวัญที่ได้จาก NPC แนะนำกดใช้เมื่อเลเวลถึง ซึ่งมีของจำเป็นสำหรับในช่วงเลเวลนั้น ถุงเริ่มต้นจะเปิดได้เรื่อยๆ เช่น ถุงเลเวล 1 เปิดออกมาได้ของกับถุงเลเวล 2, เมื่อเปิดต่อตอนเลเวล 2 จะได้ของกับถุงเลเวล 3 ต่อเนื่องไป เป็นต้น

    - ควรเรียนสกิลตัดไม้, หาแร่, หลอมยา และอื่นๆ ไว้บ้าง ควบคู่ไปกับการเก็บเลเวล

    - การใส่ Rune เบื้องต้น ให้คลิกขวาที่ Rune แล้วนำไปใส่ในอาวุธที่มีช่อง

    - อุปกรณ์ที่เขียนว่า Bound เมื่อใช้จะไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้อีก ทิ้งหรือขาย NPC ได้อย่างเดียว

    - การอัพสกิลใช้ค่า TP ซึ่งหาได้เรื่อยๆ จากมอนสเตอร์ และเควสต์ แต่ควรเลือกอัพเฉพาะสกิลสำคัญ

    - การเข้าบ้านส่วนตัว เข้าได้ที่ NPC ที่ชื่อ Logar หรือ House Maid

    - จำจุดวาร์ปได้ที่ NPC แต่ละเมือง หรือใช้ระบบ Transport Book ในเกมที่ใช้ของเพื่อจดจำจุดวาร์ป และใช้ไอเทมวาร์ปได้

ถุงของขวัญ ควรกดใช้เอาของ

    ระบบอื่นๆ จะขอเจาะลึกในฉบับต่อไป ซึ่งตัวเกมก็มีระบบที่น่าสนใจอยู่หลายอย่าง ถ้าทำความเข้าใจดีๆ จะเล่นไม่ยากเลย ส่วนเรื่องอาชีพหลัก และรองที่ถูกใจนั้น ก็ลองเลือกดูหลายๆ แบบล่ะครับ ช่วง 10 – 20 เลเวลแรก ใช้เวลาเล่นไม่นานอยู่แล้ว ลองดูหลายๆ แบบเพื่อเลือกแนวการเล่นดีกว่า

ขอบคุณบทความจากคุณ AIR ด้วยครับ

แชร์เรื่องนี้: