เมื่อเร็วๆ นี้มีข่าวลือออกมาฟังดูไม่ดีเลยว่าทาง EA (Electronic Arts) ได้ยุบ Pandemic Studios ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งล่าสุดทาง EA ออกมายอมรับแล้วครับ ว่าข่าวลือดังกล่าวเป็นความจริง นี่จึงถือเป็นจุดจบของสตูดิโอที่ถูกก่อตั้งมายาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998
บันทึกวงในของ EA ระบุว่า Pandemic Studios ถูกปิดไปแล้วจริงเมื่อวานพร้อมๆ กับที่ “ทีมงาน IP หลัก” ได้ถูกย้ายไปประจำที่ออฟฟิศ EA ใน LA โดย 3 คนในนั้น เป็นพนักงานอันดับต้นๆ ของสตูดิโอเลย ได้แก่ นาย Andrew Goldman อดีต CEO ของสตูดิโอ นาย Josh Resnick อดีตประธานสตูดิโอ และนาย Greg Borrud รองประธานฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์
“ผมอยากจะเคลียร์ให้ชัดเจนว่าแบรนด์ Pandemic และเกมของพวกเขาจะยังคงอยู่ต่อไป” นาย Nick Earl รองประธานอาวุโสของ EA Games Label กล่าวไว้ในบันทึกนั้น “ในเดือนต่อๆ ไป เราจะประกาศแผนการสำหรับเกมใหม่ในแฟรนไชส์ของ Pandemic”
“การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้มันเป็นเรื่องยาก แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ทำให้เราต้องเฉียบขาด เพื่อกุมชะตาของตัวเองไว้แล้วก้าวต่อไปสู่ระบบการพัฒนาเกมที่ดีขึ้น นั่นคือวิธีที่เราจะสร้างเกมอันยอดเยี่ยมต่อไปในสตูดิโอของเราที่ LA” Earl บอกว่าการโยกย้ายครั้งนี้ก็เพื่อ “ปรับปรุงโครงสร้างค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพและสร้างตารางการทำงานที่มั่นคง” ให้กับสตูดิโอนี้
นอกจากนั้น EA ยังยืนยันด้วยว่าพนักงานกว่า 200 ชีวิต ถูกโละทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว
Pandemic ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1998 หลังจากประสบความสำเร็จกับ Full Spectrum Warrior, Mercenaries และ Star Wars: Battlefront สตูดิโอก็ถูกซื้อโดย EA ในปี ค.ศ. 2007 แต่หลังจากถูกซื้อทาง Pandemic ก็ประสบความล้มเหลวมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเกม Dark Knight ถูกยกเลิก เป็นผลทำให้ Pandemic Brisbane Studios ต้องถูกปิดไป
การปิดสตูดิโอครั้งนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการตัดงบประมาณรายจ่ายของ EA ซึ่งรวมถึงการทิ้งพนักงาน 1,500 ตำแหน่ง ยกเลิกการพัฒนาเกมเป็นโหลๆ รวมทั้งตัดสิ่งอำนวยความสะดวกหลายๆอย่างทิ้งไป จากแหล่งข้อมูลหลายๆแหล่ง การตัดงบเหล่านั้นยังรวมไปถึงสตูดิโอ Pandemic, Maxis และทีม Command & Conquer เกือบทั้งทีม
เราได้ยินข่าวการเลย์ออฟ Pandemic ครั้งแรกเมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว จากแหล่งข่าวเดียวกันนี้บอกกับเว็บไซต์ Kotaku ว่า ทีมพัฒนา Command & Conquer 4: Tiberian Twilight ถูกเตือนล่วงหน้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าหลังจากภาคนี้วางตลาดเสร็จในปีหน้าเมื่อไหร่ ก็เตรียมถูกโละออกเกือบทั้งทีมได้เลย
เท่านั้นยังไม่พอ ขนาดผู้สร้าง Spore และอดีตสตูดิโอสร้างเกม Sims อย่าง Maxis ก็ยังโดนกับเขา Rapture Studios ก็โดน ทุกๆสตูดิโอข้างต้นล้วนเป็นเป้าหมายหลักในการเลย์ออฟครั้งนี้ของ EA ทั้งสิ้น โดยทางแหล่งข้อมูลบอกว่าพนักงานที่เหลือนั้นจะถูกพาไปประจำที่ LA และ Redwood Shores
นอกจากนั้น (สุดท้ายแล้ว) ยังมีข่าวลือกันอีกว่าพนักงานที่ Tiburon, Mythic Entertainment และ Black Box ก็มีแววจะโดนด้วยเหมือนกัน แต่ยังไม่มีการยืนยันแต่อย่างใด
Pandemic Studios เป็นรายล่าสุดของ EA ที่ถูกเข้าซื้อแล้วถูกปิดไปหรือ “ถูกรวบ” ที่ผ่านมาวีรกรรมของ EA ก็ทำไว้มากตั้งแต่ Origin Systems, Bullfrog Productions, Black Box Games, Maxis, Westwood Studios และ Pandemic ใน Brisbane, Australia และ Los Angeles
มหากาพย์ชัดๆ....