ประเภท: Action-Adventure
ผู้พัฒนา: Grin
ผู้ผลิต: CAPCOM
ผู้จัดจำหน่าย: -
เครื่องที่ต้องการ: Intel Core 2 Duo 2.4GHz CPU, 1.5GB RAM, NVIDIA GeForce 7800, HDD Space 8GB
เครื่องที่แนะนำ: Intel Quad Core 2 Duo 2.4GHz CPU, 2GB RAM, NVIDIA GeForce 9800 GTX+ จำนวนผู้เล่นสูงสุด: 8 ESRB
Rating: T
ภายในเกมคุณจะได้รับบทเป็น Nathan Spencer นักโทษสงครามที่ถูกรัฐบาลหักหลัง เขาได้สูญเสียคนรักและแขนซ้ายจากสงคราม ระหว่างรอประหารอยู่นั้นกลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อมหานคร Ascension ถูกระเบิดปรมาณูกวาดเอาทุกๆ อย่างหายไปในพริบตา ทำให้คุณ (Nathan Spencer) ถูกเรียกตัวมาเพื่อปฏิบัติภารกิจนี้อย่างเร่งด่วน โดยมี Super Joe เป็นผู้ให้ข้อมูล แขนซ้ายที่ขาดไปได้ติดตั้งแขนกลมหาประลัยเอาไว้เพื่อใช้ต่อกรกับอดีตศัตรูอย่าง Gottfried Groede และพวก Biomech เรื่องราวแค้นที่ต้องชำระ ความทรงจำ และอดีตที่ต้องสะสาง!
หน้าตาชัดๆ ของหนอนยักษ์ The Mohole และเมื่อมันล้มลงให้ใช้ Bionic Arm จัดการทันที
จุดเด่นของพระเอกของเราอยู่ที่แขนจักรกล (Bionic Arm) ที่นอกจากจะใช้ในการห้อยโหน เหวี่ยงตัวเองไปมาข้ามซากปรักหักพังภายในเมือง Ascension City ได้แล้ว ยังใช้จัดการศัตรูได้อย่างง่ายดาย เช่น โยนตัวศัตรูลอยละล่องไปในอากาศ จากนั้นยิงกระหน่ำซ้ำๆ ได้หลายชุด หรือยื่น Bionic Arm ไปดึงเอากองสิ่งของที่อยู่ใกล้ตัวแล้วโยนขึ้นไปสูง 40 ฟุต ก่อนปล่อยให้หล่นทับหัวพวก Biomech เคราะห์ร้าย เป็นต้น นอกจากนี้ตัวเกมยังมีอาวุธต่างๆ ที่จะสร้างความมันส์เร้าใจในการต่อสู้กับเหล่าศัตรู ไม่ว่าจะเป็นปืนพก เครื่องยิงกระสุนลูกโม่ จรวดนำวิถี ปืนกล เครื่องยิงลูกระเบิด ลูกซอง ซึ่งอาวุธแต่ละชนิดก็ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานการณ์ภายในเกม เรียกว่าสร้างความหลากหลายให้ผู้เล่นได้ดีทีเดียว สำหรับการบังคับในช่วงแรกๆ อาจจะขัดใจอยู่เล็กน้อย แต่หลังจากเล่นไปสักพักคุณจะสัมผัสได้ถึงความสนุกสนานและอิสระในการห้อยโหนโจนทะยานกลางอากาศได้เหมือนทาร์ซานยังไงยังงั้น ยกตัวอย่างเช่น เมื่อใดที่ Spencer ยืดแขนออกไปยังวัตถุใดๆ (เป้าจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน) เขาจะสามารถเกาะ ปลด ปีน กระโดด หรือเหวี่ยงตัวจากสิ่งนั้นได้อย่างอิสระ และเกมจะสนุกมากยิ่งขึ้นเมื่อตัวละครเอกของเราสามารถใช้แขนจักรกลในการคว้า บีบ ต่อย หรือขว้างปาวัตถุต่างๆ ใส่ศัตรู หรือยกรถขึ้นมากลางอากาศก่อนที่จะต่อยซากรถไปยังพวก Biomech ที่กำลังยืนอยู่ไกลๆ ได้ (พวกท่าคอมโบเหล่านี้จะสามารถปลดล็อกได้เมื่อคุณเล่นในฉากลึกๆ)
ในเมือง Ascension City จะเต็มไปด้วยพวก Biomech แต่พวกทหารเหล่านี้ก็มักจะมีรูปแบบที่คล้ายๆ กัน ไม่มีความแตกต่างอะไรมากนัก การต่อสู้กับเจ้า Air Force Biomech ในตอนแรกสร้างความท้าทายในการเล่นได้ดี แต่ถ้ารู้จักเทคนิคก็จะกำจัดพวกมันได้ไม่ยาก ยิ่งระยะหลังๆ ได้เจอกับเจ้าพวกนี้บ่อยขึ้นก็ทำให้เกิดความน่าเบื่อได้ ผมว่าศัตรูภายในเกมนี้ยังไม่มีความหลากลายพอนะ แม้ว่าบอสหรือศัตรูตัวฉกาจภายในเกมนี้จะน้อยไปหน่อย แต่เมื่อผมได้เผชิญหน้ากับเฮลิคอปเตอร์ Buraq, เจ้าหนอนยักษ์ Mohole หรือฉากต่อสู้กลางอากาศกับพวกหุ่นยนต์ในฉากสุดท้าย มันก็ช่วยสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้ผมได้ดีทีเดียว หากตอนจบได้เจออะไรที่น่าดึงดูดกว่านี้หน่อย เชื่อว่ามันต้องเป็นเกมที่สุดยอดแน่นอน เสียดายมันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น (คงต้องติดตามกันต่อในภาคต่อไปละกัน...)
วิธีจัดการหุ่นยนต์ Vulture คือ เด็ดปีกมันซะ!
ด้วยเอนจิ้น Diesel ทำให้กราฟิกของเกมนี้อยู่ในระดับ Next-Gen ได้อย่างแท้จริง ภาพบรรยากาศของเมือง Ascension City หลังจากถูกถล่มด้วยปรมาณูก็ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างดี การออกแบบตัวละครที่สมจริง สภาพแวดล้อมที่มีความหลากหลาย แม้ว่าบางจุดอาจจะดูไปแล้วยังขาดรายละเอียดไปบ้าง เช่น พวกใบไม้บนต้นไม้ยังทำได้ไม่ละเอียดพอ แต่การนำเสนอมุมมองในขณะที่ห้อยโหนนั้นสร้างความประทับใจให้กับผู้เล่นได้อย่างแน่นอน โดยรวมแล้วผมคิดว่ากราฟิกของเกมนี้ถือว่าสอบผ่านครับ
การห้อยโหนโจนทะยานภายในเมือง Ascension City ให้ความรู้สึกสุดยอดจริงๆ
ผมรู้สึกดีใจมากเมื่อทาง CAPCOM เข้ามารุกตลาดในวงการพีซีมากขึ้น โดยเห็นได้จากการพอร์ตเกมดีๆ อย่าง Street Fight IV ที่มีระบบกราฟิกที่สามารถปรับเพิ่มได้มากกว่าคอนโซล หรืออย่างเกม Resident Evil V (กำหนดออกเดือนกันยายน) ที่มีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเข้ามาด้วย ได้แก่ ชุดเสื้อผ้าใหม่, โหมด Mercenaries ที่ผู้เล่นจะได้พบกับศัตรูเหล่าซอมบี้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงรองรับระบบ 3 มิติ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถือได้ว่าเป็นของขวัญสำหรับชาวพีซีโดยแท้แม้ว่าเกมเหล่านี้จะออกมาทีหลังก็ตาม แต่ด้วยฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ถือได้ว่าทาง CAPCOM ก็ไม่ได้ละเลยเกมเมอร์พีซีอย่างเราเลย นั่นคือสิ่งที่ผมแอบคิดเอาไว้ในใจว่า การกลับมาของ Bionic Commando เวอร์ชั่นใหม่นี้จะต้องมีเนื้อหาหรือฟีเจอร์อื่นๆ เพิ่มเข้ามาแน่นอน... แต่เมื่อเล่นจนจบแล้ว ผมกลับพบว่ามันไม่ได้มีอะไรเพิ่มจากเวอร์ชั่นคอนโซลเลย เนื้อเรื่อง ตัวละคร หรือสิ่งอื่นๆ ถูกพอร์ตมาเหมือนกันแทบทั้งหมด ผมยังเห็นปุ่มกดบนหน้าจอเมนู แสดงความเป็นคอนโซลจ๋าอยู่ชัดๆ มันทำให้สาวกอย่างผมต้องผิดหวังอยู่ไม่น้อย นอกจากนี้ยังมีหลายจุดที่ตัวเกมยังทำออกมาได้ไม่ดี เช่น ระบบการเล็งยิง ตัวเอกไม่สามารถว่ายน้ำได้ เรียกว่าถ้าตกลงน้ำเมื่อไหร่ หากไม่สามารถใช้ Bionic Arm เกี่ยวเพื่อช่วยดึงตัวขึ้นมาได้ก็ตายลูกเดียว ส่วนระบบการเซฟเกมผมก็คิดว่าทีมผู้พัฒนายังออกแบบมาได้ไม่ดีพอ คุณต้องไปถึงจุดที่ตัวเกมกำหนดจึงจะสามารถเซฟได้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าหากเกิดอะไรขึ้นระหว่างการเดินทางจากจุด A ไปจุด B ที่ค่อนข้างไกลมาก คุณจะต้องเริ่มต้นใหม่เท่านั้น! ตรงจุดนี้ผมว่ามันออกจะโหดร้ายไปสักหน่อย หากคุณต้องเผชิญหน้ากับทหาร Biomech หรือหุ่นยนต์ Air Force Biomech ที่ยกโขยงมาเป็นกองทัพ กว่าจะเล่นผ่านอาจจะทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่ถอดใจได้
เฮ้! เพื่อน… อากาศข้างบนเป็นไงบ้าง
สำหรับโหมด Multiplayer (มีเป็นครั้งแรกของซีรีส์นี้) นั้น แบ่งออกเป็น Multiplayer Online ประกอบไปด้วยโหมด Capture, Deathmatch หรือ Team Deathmatch ซึ่งดูๆ แล้วอาจจะเหมือนกับเกมอื่นๆ ทั่วไป แต่เมื่อได้ลองเล่นดูแล้ว ผมกลับสนุกกับโหมดนี้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะนอกจากจะมีแผนที่ให้เลือกเล่นจำนวนมากแล้ว การโหนตัวแล้วใช้แขนจักรกลเหวี่ยงผู้เล่นคนอื่นๆ นั้นมันได้อารมณ์ดีจริงๆ แถมใช้อาวุธอย่างครื่องยิงกระสุนลูกโม่ จรวดนำวิถี ปืนกล เครื่องยิงลูกระเบิด ลูกซองที่มีให้ใช้อย่างเต็มที่ด้วย นอกจากนี้คุณยังสามารถเล่นกับเพื่อนๆ ในออฟฟิศด้วยการเข้าไปเล่นที่ Multiplayer LAN ได้อีกต่างหาก
การกลับมาในคราวนี้ Bionic Commando มันก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังทั้งหมด (ผมนั้นเป็นแฟนเกม Bionic Commando มานานแล้ว สมัยยุคเครื่องฟามิคอมโน่นเลย) ตัวเกมยังคงเอกลักษณ์และเต็มไปด้วยความท้าทายอยู่เหมือนเดิม ด้วยเวลาการเล่นประมาณ 10-12 ชั่วโมง (แล้วแต่ระดับความยากง่ายในการเล่น) ก็นับว่าไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป และเมื่อคุณเล่นเกมจบแล้ว ถ้าหากต้องการความท้าทายมากขึ้นกว่าเดิม แนะนำว่าให้ลองปรับโหมดการเล่นเป็น Commando, ลองเล่นกับเพื่อนๆ ในโหมด Multiplayer หรือให้ลองค้นหา Collection (เป็นไอคอนสัญลักษณ์ต่างๆ) ที่แอบซ่อนไว้ภายในเกมกว่า 150 ชิ้นดู ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการเล่นเพิ่มอีกเท่าตัวทีเดียว สิ่งต่างๆ เหล่านี้ผมคิดว่ามันน่าจะคุ้มค่ากับการลองเล่นเกม Bionic Commando แน่นอน สุดท้ายที่อยากจะฝากเอาไว้ก็คือ เฮ้...Spencer ถึงนายจะมาช้าไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มาหละนะ
ข้อดี: การโหนตัวไปยังที่ต่างๆ ภายในเมือง Ascension City โดยใช้แขนจักรกล (Bionic Arm) ให้ความรู้สึกสุดยอด, กราฟิกสวยงาม, โหมด Multiplayer ที่สนุกสนาน
ข้อด้อย: ระบบเล็งที่ทำออกมาได้ไม่ดี, ตัวเอกไม่สามารถว่ายน้ำได้, ไม่มีเนื้อหาอะไรเพิ่มเติมสำหรับชาวพีซี
โดยรวม: สำหรับใครที่เป็นแฟนเกมนี้ในสมัยยุคฟามิคอม เมื่อได้มาลองเล่น Bionic Commando ในภาคล่าสุดนี้ เชื่อว่าคงจะต้องถูกใจแน่นอน แม้จะมีบางส่วนที่ยังไม่โดนใจ แต่ผมก็ยอมรับได้นะ...
ความเห็นที่สอง 55%
ได้ห้อยโหนภายในเมือง Ascension City ให้ความรู้สึกสนุกสนาน การจัดการพวกเหล่าทหาร Biomech ด้วย Bionic Arm ก็ให้ความรู้สึกสุดยอด แต่ข้อเสียที่ร้ายแรงคือ ระบบการเล็งเป้าหมายที่ค่อนข้างแย่ การอธิบายเรื่องราวของตัวเอกผ่านคัตซีนที่ทำให้ผู้เล่นไม่มีอารมณ์ร่วม การแผ่รังสีภายในเมืองทำให้ไปได้แค่บริเวณที่ตัวเกมกำหนดเท่านั้น ซึ่งมันน่ารำคาญน่าดูและที่สำคัญไม่มีเนื้อเรื่องเพิ่มเติมสำหรับเกมเมอร์ชาวพีซีเลย
การค้นหา Collection นับว่าเป็นสิ่งท้าทายในการเล่นได้ไม่น้อย
ตรงสนามหญ้าคือที่ปลอดภัย เมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับ The Mohole
คราวหน้าอย่าลืมคาดเข็มขัดมาด้วยหละ