ตุ๊กตากับความเชื่อของชาวญี่ปุ่น

แชร์เรื่องนี้:
ตุ๊กตากับความเชื่อของชาวญี่ปุ่น

พูดถึงประเทศญี่ปุ่น นอกเหนือจากเกม การ์ตูน หุ่นยนต์ และสารพัดเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าของพวกเขา เราคงคิดถึงความน่ารักของสินค้าที่ออกไอเดียมาแบบกิ๊บเก๋ แต่สินค้าบางอย่าง ก็มีที่มาจากความเชื่อของพวกเขา วันนี้por_kk จะพาเพื่อนๆ มาดูส่วนหนึ่งของ "ตุ๊กตา" ที่มาจากความเชื่อของพวกเขากัน

ตุ๊กตาไล่ฝน
照る照る坊主  (เทะรุเทะรุโบซุ)



คำว่า เทะรุ (照る) ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า "แดดออก" และ โบซุ (坊主) แปลว่า พระ  -- ตุ๊กตาไล่ฝน เป็นตุ๊กตาที่หลายคน อาจจะเคยเห็นกันมาบ้างแล้วในการ์ตูนเรื่อง "อิกคิวซัง" โดยจะมีลักษณะเป็นตุ๊กตาผ้าสีขาว หัวกลม และเขียนตา จมูก ปาก เมื่อทำตุ๊กตาเสร็จแล้วก็ให้นำไปแขวนไว้ที่ระเบียงหรือชายคาของบ้าน และอธิษฐานให้อากาศวันนี้แจ่มใส ปลอดโปร่ง หลังจากที่คำอธิษฐานเป็นจริงแล้วก็ให้รินเหล้าสาเกใส่ตุ๊กตา และผูกกระดิ่งทองให้อีกด้วย เพื่อเป็นการตอบแทนที่ทำให้คำภาวนาเป็นจริง ในบางโอกาสชาวนาจะแขวนตุ๊กตาไล่ฝนกลับหัวสำหรับขอฝน  

ตุ๊กตาฮินะ
雛人形 (ฮินะนิงเงียว)



เป็นตุ๊กตาที่ชาวอาทิตย์อุทัยจะนำออกมาประดับห้องรับแขกในวันที่ 3 มีนาคมของทุกปี เพราะเป็นวันเทศกาลตุ๊กตา หรือวันเด็กผู้หญิง เป็นเทศกาลที่รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมจีน ตามความเชื่อที่ว่าการปล่อยตุ๊กตาลงน้ำสามารถขจัดเคราะห์ร้ายให้ไปกับตุ๊กตาได้ แต่สำหรับประเทศญี่ปุ่นนั้น จะถือว่าเป็นเทศกาลของการอธิษฐานให้ลูกสาวมีความสุข พร้อมกับประสบความสำเร็จในชีวิต

สิ่งที่มักพบเห็นได้ในช่วงเทศกาลนี้คือการประดับด้วยชุด ตุ๊กตาฮินะที่ว่านี้ ซึ่งตุ๊กตาดังกล่าวเป็นแบบดั้งเดิมทำด้วยมือ แต่งกายตามราชสำนักญี่ปุ่นโบราณ สมัยยุคเฮอัง วางไว้บนชั้นปกติจะมีทั้งหมด 7 ชั้น รอบๆ ชั้นจะประดับด้วยเครื่องบูชา เช่น ดอกพีช ข้าว เค้ก และเค้กที่ทำจากข้าวรูปร่างคล้ายเพชร ซึ่งเรียกว่าฮิชิโมจิ (hishimochi) รวมไปถึงสาเกขาว และจิราชิซูชิ (chirashi sushi) ตุ๊กตาที่นำมาเรียงในครั้งนี้จะเรียงตามตำแหน่ง โดย...

 

ชั้นบนสุด คือ จักรพรรดิ และจักรพรรดินี
ชั้นที่ 2 คือ นางสนองพระโอษฐ์ 3 คน
ชั้นที่ 3 คือ นักดนตรี 5 คน
ชั้นที่ 4 คือ ทหารรับใช้ยืนอยู่ด้านซ้ายขวา และขนมโมจิ ชุดถ้วยชามขนาดเล็กจะอยู่ตรงกลางชั้น
ชั้นที่ 5 คือ ต้นส้มจะอยู่ทางด้านซ้าย และต้นซากุระจะอยู่ทางด้านขวา ส่วนตรงกลางจะเป็นทหารรักษาพระองคื 3 คน
ชั้นที่ 6 คือ เครื่องเรือนต่างๆ
ชั้นที่ล่างสุด คือ เกี้ยวและรถเทียบม้า

 

 

 

 



ตุ๊กตาดารุมะ
だるま

เป็นตุ๊กตาไม้ ของญี่ปุ่น มีลักษณะกลมไม่มีแขนและขา โดยหน้าตาจะคล้ายคลึงกับพระโพธิธรรม (ซึ่งชื่อว่า ดะรุมะ ในภาษาญี่ปุ่น) มีหมวดและเครา ชาวญี่ปุ่น เป็นตุ๊กตาที่ช่วยให้สมความปรารถนา โดย "ดารุมะ" เป็นชื่อเจ้าชายของอินเดียรูปหนึ่งที่เดินทางมายังประเทศญี่ปุ่นเพื่อเผย แพร่ศาสนาพุทธนิกายเซน ซึ่งท่านมีความเพียรพยายามนั่งหันหน้าเข้ากำแพงติดต่อกันเป็นเวลา 8 ปี ท่านจึงบรรลุอรหันต์ เพราะเหตุนี้เองชาวแดนปลาดิบจึงมักจะนิยมเข้าไปอธิษฐานต่อตุ๊กตาและวาดรูปตา หนึ่งข้าง หากสิ่งที่อธิษฐานไว้เป็นจริงพวกเขาก็จะวาดรูปตาอีกข้างโดยส่วนมากตุ๊กตาดะรุมะจะมีสีแดง แต่อาจจะมีสีอื่นบ้าง เช่น สีเหลือง สีเขียว หรือสีขาว ตรงบริเวณคางจะมีการเขียนคำขอพรไว้

สาเหตุที่ตุ๊กตาดะรุมะมีสีแดงนั้น บ้างก็ว่าเพราะมีตำนานเล่าขานว่า พระโพธิธรรมท่านมักสวมเสื้อผ้าสีแดง บ้างก็ว่าเพราะในสมัยก่อนมีความเชื่อว่าสีแดงจะช่วยขับไล่มารร้าย และช่วยขจัดปัดเป่าเชื้อโรคฝีดาษ (ไข้ทรพิษ) ด้วย เนื่องจากมีความเชื่อว่า "เทพฝีดาษ" ที่ทำให้เกิดโรคฝีดาษนั้นไม่ชอบสีแดง ด้วยเหตุนี้คนญี่ปุ่นจึงได้มีการมอบตุ๊กตาดะรุมะให้แก่เด็กๆ เป็นของเล่น เพื่อที่ดะรุมะจะได้ช่วยขับไล่มารร้ายและโรคฝีดาษให้ไปจากเด็กๆ

ในช่วง พ.ศ. 2538- 2543 ได้มีกลุ่มนักคุ้มครองสิทธิ ได้มีการเรียกร้องขึ้น กล่าวหาว่าวัฒนธรรมการเติมตาให้ดะรุมะ เป็นการล้อเลียนคนตาบอด

ตุ๊กตาแมวกวัก 
招き猫 (มาเนะกิ เนะโกะ)



เป็นรูปปั้นแมวตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นว่าจะนำโชค นำลาภ สำหรับร้านค้าก็จะดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้านเช่นเดียวกับนางกวักของไทย หน้าตาของแมวมาเนะกิ เนะโกะ นี้ คล้ายคลึงกับแมวพันธุ์พื้นเมืองของญี่ปุ่นชนิดหนึ่งที่ไม่มีหาง ที่เรียกว่า เจแปนนิส บ๊อบเทล (Japanese Bobtail)

ตำนานของมาเนะกิ เนะโกะ มีหลายเรื่อง เรื่องที่ขึ้นชื่อ คือ เรื่องที่เล่ากันว่าเกิดขึ้นในยุคเอโดะ มีหญิงชราคนหนึ่ง ยากจนมาก แต่นางมีแมวเลี้ยงอยู่ตัวหนึ่งและรักแมวมาก มีกินก็กินร่วมกับแมว อดก็อดพร้อมกับแมว จนในที่สุดก็ไม่สามารถเลี้ยงไหว จึงนำไปปล่อยคืนนั้นเอง นางก็นอนเสียใจร้องไห้ทั้งคืน กระทั่งฝันว่าแมว มาบอกกับนางว่า ให้ปั้นรูปแมวจากดินเหนียวแล้ว นางจะโชคดี เช้าวันรุ่งขึ้น หญิงชราจึงตื่นขึ้นมาปั้นแมวจากดินเหนียว ไม่ทันไรก็มีคนแปลกหน้าเดินผ่านหน้าบ้านขอซื้อตุ๊กตาแมวตัวนั้นจากนางไปจากนั้นนางก็เพียรปั้นแมวขึ้นมาอีกตัวแล้วตัวเล่า ตุ๊กตาแมวจากการปั้นของนางก็ถูกคนมาขอซื้อไปตลอดเวลา นางจึงเริ่มมีเงินทองจากการขายตุ๊กตาแมว และสามารถนำแมวเลี้ยงสุดที่รักของนางกลับมาเลี้ยงได้อีกครั้งหนึ่งตั้งแต่นั้นมา ก็เลยเป็นที่ร่ำลือว่า แมวเป็นสัตว์นำโชค จึงมีการปั้นและวางแมวกวักไว้ตามที่ต่าง ๆ นับแต่นั้นมา

ปัจจุบัน ตามสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่นหรือแม้แต่ในประเทศไทยเอง ก็ตาม สามารถพบเห็น มาเนะกิ เนโกะ อยู่ทั่วไป มีหลากหลายขนาดและสีสัน บางส่วนก็ทำกลไกให้มือซ้ายสามารถขยับในลักษณะกวักเข้าหาตัวได้ด้วย ในขณะที่มืออีกข้างนึงก็ถือเหรียญไว้ เพราะมีความเชื่อว่า ถ้าแมวที่เลี้ยงไว้ยกขาหน้าขึ้นเสมอหูข้างซ้ายแล้ว จะมีคนมาหา ถ้าเป็นร้านค้าก็จะมีลูกค้าเข้าร้าน

 

เรียบเรียงข้อมูลจาก
http://th.wikipedia.org/wiki 
http://www.fwdder.com

สารพัดเครดิตที่มาของภาพประกอบ (ขาดอันไหนไปขออภัย)
http://plaza.rakuten.co.jp/yanncyaru/diary/200806170000
http://booklife.exblog.jp/9761185/
http://store.shopping.yahoo.co.jp
www.tanseido.net/season/f001.html
www.12danya.co.jp
http://wadaphoto.jp/japan/oume.htm
www.mapple.net/photos/I02601014401.htm
www.geocities.jp/saitoooooojp/manekineko.htm
http://kuroneko-poo-karya.cocolog-nifty.com
www.rakuten.co.jp/onics/550249/550250/
http://amehare.lolipop.jp/blog/2006/02/200602211913.html

แชร์เรื่องนี้: