เมื่อก่อน “ร้านอินเตอร์เน็ต” ถูกมองว่าเป็นแหล่งมั่วสุม บ่มเพาะ หรือก่อให้เกิดสิ่งไม่ดีต่างๆ รวมถึงแหล่งแสวงหาผลประโยชน์ของใครบางคน แต่ในมุมมองของเจ้าของมันคือ สถานที่แห่งความฝัน ร้านขายจินตนาการ อาจมีบ้างที่ไม่ดีแต่ก็ส่วนน้อย ตลอดเวลาที่ผ่านมามีการกำหนด ข้อบทกฎหมายต่างๆ ขึ้นมามากมาย เพื่อพยายามเข้ามาควบคุมและจัดระเบียบร้านเน็ต ซึ่งที่เราจะมาคุยกันในวันนี้ คือ ข่าวการร่างกฎกระทรวงประกอบ พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ “กฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตและการประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ในการกำหนดประเภทภาพยนตร์”
โดยกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตและการประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์เป็นกฎหมายสำหรับออกใบอนุญาต การต่อใบอนุญาตและการกำหนดเงื่อนไขการประกอบกิจการร้านเกม ร้านวีดิทัศน์และร้านคาราโอเกะ รวมทั้งควบคุมและกำหนดระยะเวลาในการเล่นเกม การใช้บริการร้านเกมของเด็ก โดยเนื้อหาสำคัญของกฏหมายฉบับนี้ดูจะเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการร้านเน็ตแบบเต็มๆ เพราะมีการควบคุมระยะเวลาการให้บริการแก่เด็กที่อยู่ในกลุ่มอายุต่ำกว่า 15 ปี – แต่ไม่เกิน 18 ปี เป็นหลัก มีรายละเอียดดังนี้
1. เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีเข้าใช้บริการวันจันทร์ ถึง วันศุกร์ได้ตั้งแต่เวลา 14.00-20.00 น. และตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. ในวันหยุดราชการหรือในระหว่างปิดภาคการศึกษาตามระยะเวลาที่นายทะเบียนกลางประกาศกำหนด
2. เด็กอายุตั้งแต่15 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 18 ปีเข้าใช้บริการวันจันทร์ ถึง วันศุกร์ ได้ตั้งแต่เวลา 14.00-22.00 น. และตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น.ในวันหยุดราชการ หรือในระหว่างปิดภาคการศึกษาตามระยะเวลาที่นายทะเบียนกลางประกาศกำหนด
ถามว่าการกำหนดระยะเวลาเช่นนี้มีผลอะไรกับผู้ประกอบการร้านเน็ตบ้าง?
ขอตอบเลยว่ามีบ้างแต่อาจไม่มากเท่าไหร่นัก เพราะเด็กที่อยู่ในกลุ่มอายุต่ำกว่า 15 แต่ไม่เกิน 18 ปีนี้ ถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้ารุ่นเล็กของร้านเน็ต โดยปกติแล้วในวันธรรมดา จันทร์-ศุกร์ คือวันที่ต้องไปโรงเรียน กว่าจะเลิกเรียนก็ 14.00 – 14.30 น. (แล้วแต่โรงเรียน) เข้าร้านเน็ตเล่นเกม หรือหาข้อมูลเพื่อทำการบ้านได้ถึง 20.00 น. รวมเวลาแล้วก็ 5 ชั่วโมงกว่า คิดเป็นเงินก็ 50 - 60 บาทโดยประมาณ (ชั่วโมงละ 10-12 บาท) ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เจ้าของร้านน่าจะพอใจกับรายได้จากลูกค้าหนึ่งคนต่อหนึ่งเครื่องอยู่แล้ว (เพราะปกติเด็กกลุ่มนี้จะเล่นอย่างมากก็ 20 – 30 บาท)
ส่วนเด็กที่อยู่ในกลุ่มอายุ 18 ปีขึ้นไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย กฎหมายฉบับนี้ไม่มีผลครอบคลุม เพราะถือว่าโตแล้วสามารถตัดสินใจเลือกเองได้แล้ว ซึ่งเด็กกลุ่มนี้มีกำลังจ่ายมากกว่า และถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของร้านเน็ตเลยก็ว่าได้ สังเกตได้จากร้านเน็ตแถวมหาวิทยาลัยที่ทุกวันนี้ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด
ไม่ให้เด็กต่ำกว่า 18 ปี เล่นเกมเกินวันละ 3 ชม.
ประเด็นสำคัญที่เราจะมาคุยให้ฟังในวันนี้เป็นกรณีการตัดเนื้อหาบางส่วนภายในกฏหมายฉบับนี้ออกไปว่าด้วย “ไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เล่นเกมเกินวันละ 3 ชม.” เนื่องจากทางกฤษฎีกา เห็นว่า “ไม่สามารถปฏิบัติได้จริงจึงต้องตัดออก” ซึ่งทาง คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นว่าควรกลับไปพัฒนาระบบให้เสร็จสิ้นก่อน จึงค่อยเสนอแก้ไขกฎกระทรวงภายหลัง
เรื่องนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร และอะไรดลใจให้เกิดความคิดที่จะจำกัดเวลาเรามาดูกันสักนิดดีกว่าครับ
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 23 กรกฏาคมที่ผ่านมา ผู้แทนมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว เครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวังและสร้างสรรค์สื่อ ศูนย์ประสานงานเครือข่ายผู้ปกครองในสถานศึกษา เครือข่ายครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ สถาบันราชานุกูล กว่า 50 คน ได้เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ “ทบทวนการมาตรการจำกัดเวลาการเล่นเกมในร้านอินเทอร์เน็ต 3 ชั่วโมง ในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี” ต่อนายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ที่ได้นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฏาคมที่ผ่านมา มีสาระสำคัญให้ตัดเนื้อหาเรื่องการอนุญาตไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเล่นเกมเกินวันละ 3 ชั่วโมงออก โดยอ้างว่าไม่สามารถปฏิบัติได้จริง กลุ่มของตนรู้สึกผิดหวังกับการกระทำของกระทรวงวัฒนธรรมต่อการตัดสาระดังกล่าวออก เป็นข้ออ้างที่จะปัดความรับผิดชอบ
โดยเครือข่ายทั้งหมดขอตั้งคำถามถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม 3 ข้อ ดังนี้
1. หากอ้างว่าไม่สามารถควบคุมการเล่นไม่ให้เกิน 3 ชั่วโมงไม่ได้ จะควบคุมการเข้าออกของเด็กได้อย่างไร
2. การที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมตัดสินใจเช่นนี้มีเหตุผลอย่างไร หรือเกิดจากการได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องจากข้าราชการภายในกระทรวงหรือไม่ เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของร้านเกมอย่างมหาศาล โดยมีข้าราชการระดับสูงบางคน มีความสัมพันธ์เป็นพี่น้องกับนายกสมาคมผู้ประกอบการร้านเกมอินเทอร์เน็ต
3. การควบคุมเวลาการเล่นเกมไม่ให้เกิน 3 ชั่วโมง สามารถปฏิบัติได้จริงด้วยการจัดทำระบบส่วนกลางขึ้นมาตรวจสอบเวลาการเล่นผ่านอินเตอร์เน็ต แต่เหตุใดกระทรวงวัฒนธรรมเพิกเฉย กลับยืนยันที่จะปฏิเสธว่าทำไม่ได้ ควบคุมไม่ได้"
กลุ่มเครือข่ายครอบครัวอ้างถึง ข้อมูลงานวิจัยจากสถาบันราชานุกูล และสถาบันราชนครินทร์ รวมถึงงานวิจัยจากนักวิชาการของศิริราชพยาบาล และรามาธิบดี ยืนยันตรงกันว่า “การปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเล่นเกมมากกว่าวันละ 2 ชม. จะมีผลให้เด็กติดเกมมากกว่าเด็กปกติถึง 3 เท่า ส่งผลต่อพัฒนาการทางสมอง การเรียน และชีวิตประจำวัน” เพราะคลั่งไคล้กับการเล่นเกม โดยกลุ่มเครือข่ายขอเรียกร้องให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมทบทวนและตรวจสอบเรื่องนี้อีกครั้ง
นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า การจำกัดเวลาเล่นเกม 3 ชั่วโมงนั้น คณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่าในทางปฏิบัติไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง ส่วนตนเองเห็นว่าการจำกัดเวลา 3 ชั่วโมง ควรใช้มาตรการทางสังคมและต้องใช้เวลา ให้กฎหมายมีผลประกาศใช้เพื่อจัดระเบียบร้านเกม และเพิ่มจำนวนร้านเกมสีขาวให้มากขึ้น นอกจากนี้จะมีการประเมินผล หากใช้ไประยะหนึ่งแล้วมีปัญหาจะต้องมีการแก้ไขแน่นอน
ระบบกำกับดูแลเด็กเล่นเกมไม่เกิน 3 ชั่วโมง
มูลนิธิอินเตอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย ได้ร่วมกับ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คิดค้น “ระบบกำกับดูแลเด็กเล่นเกมไม่เกิน 3 ชั่วโมงขึ้นมาได้” และท้วงติงกระทรวงวัฒนธรรมว่า เรื่องนี้สามารถปฏิบัติได้จริง โดยขอเวลา 180 วัน เพื่อพัฒนาระบบสารสนเทศ และจัดทำเทคนิคสำหรับกำหนดไม่ให้เด็กต่ำกว่า 18 ปี เล่นเกมเกิน 3 ชั่วโมง
คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นว่าควรกลับไปพัฒนาระบบให้เสร็จสิ้นก่อน จึงค่อยเสนอแก้ไขกฎกระทรวงภายหลัง ดังนั้นกระทรวงวัฒนธรรมจะต้องเร่งพัฒนาระบบโปรแกรมดังกล่าว และจะประสานความร่วมมือไปยังกระทรวงมหาดไทย (มท.) และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เพื่อร่วมพัฒนาระบบ และเมื่อระบบดังกล่าวเสร็จจึงจะนำเสนอขอแก้ไขกฎกระทรวงอีกครั้ง
ความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ยืนยันและได้ชี้แจงกับกลุ่มเครือข่ายครอบครัวฯไปแล้วว่า อยากให้กฏกระทรวงมีผลออกมาบังคับใช้จัดระเบียบร้านเกมก่อน หากทางกลุ่มเครือข่ายครอบครัว เห็นว่า กฏกระทรวงควรมีการแก้ไขอย่างไร ให้มาหารือกันอีกครั้ง แต่ตอนนี้ตนอยากให้กฏกระทรวงเกี่ยวกับร้านเกมให้มีผลประกาศใช้ออกมาเร็วที่สุด
“ผมเห็นด้วยกับการจำกัดให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เล่นเกมไม่เกิน 3 ชั่วโมง แต่ทางกฤษฎีกา เห็นว่า ไม่สามารถปฏิบัติได้จริงจึงต้องตัดออก ซึ่งก็ได้ท้วงติงแล้ว และอยากจะมีมาตราการควบคุมไม่ให้เด็กเล่นเกมมากกว่า 3 ชั่วโมงอีก แต่อีกเหตุผลหนึ่งก็เกรงว่า จะเป็นการละเมิดสิทธิของเด็กเกินไป โดยเฉพาะเด็กที่ต้องการเข้าไปหาข้อมูลทำรายงานผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งอาจจะใช้เวลามากกว่า 3 ชั่วโมงก็ได้ ส่วนการที่ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สามารถคิดค้นระบบกำกับดูแลเด็กไม่ให้เล่นเกมเกิน 3 ชั่วโมงได้นั้น ก็เป็นสิ่งที่ดี และอยากให้มาพูดคุยกัน เพื่อมาช่วยดูแลสังคมร่วมกัน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมกล่าว
ที่กล่าวมาทั้งหมดผู้อ่านพอจะมองเห็นภาพไหมครับว่าเรื่องนี้มีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการร่างกฎกระทรวงในครั้งนี้หลายฝ่ายด้วยกัน คือ
1. คณะรัฐมนตรี (ครม.) : ผู้ตัดสินให้ผ่านกฎกระทรวง
2. กระทรวงวัฒนธรรม : ผู้นำเสนอร่างกฏกระทรวง
3. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ : ผู้คิดค้นระบบควบคุมเวลา
4. กลุ่มเครือข่ายครอบครัว : ผู้คอยท้วงติง ทุกสิ่งทุกอย่าง
เชื่อว่าเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ผู้อ่านคงมีคำถามในใจมากมายเกี่ยวกับเรื่องการจำกัดเวลาเล่นไม่เกิน 3 ชั่วโมง อาทิ
- จะจำกัดเวลาได้อย่างไร?
- มีวิธีการ และ ขั้นตอนแบบไหน?
- เล่นร้านนี้ 3 ชั่วโมง แล้วเปลี่ยนร้านเล่นก็ได้?
- แล้วที่เล่นอยู่บ้านล่ะ จะจำกัดด้วยไหม?
มีคำถามอีกมากมายที่จะเกิดขึ้น แล้วแต่ว่าใครจะคิดได้ แต่คงไม่มีคำตอบในเวลานี้ คงต้องรอจนกว่าเราจะได้เห็น “ระบบ หรือ โปรแกรม” ที่อ้างว่าสามารถ ควบคุมและจำกัดเวลาการเล่นเกมของเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เล่นเกมวันละไม่เกิน 3 ชั่วโมง ว่ามีรูปร่างหน้าตา หรือมีวิธีการและขั้นตอนเป็นอย่างไร เชื่อว่าถึงเวลานั้นเราได้รู้กันแน่นอนครับ
ถึงตรงนี้ผมมีข้อสงสัยที่อยากฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์สมมุติว่า “หากควบคุมเวลาการเล่นเกมของเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ให้เล่นเกมได้วันละไม่เกิน 3 ชั่วโมง” สามารถทำได้จริง จะมีผลอะไรเกิดขึ้นบ้าง ใครได้รับผลดี ผลเสียอย่างไร และใครได้รับผลกระทบมากที่สุด?
ข้อมูลอ้างอิงจาก
http://www.thairath.co.th/content/edu/22428
http://www.thaipost.net/x-cite/240709/8200
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000085245