ประเภท: Action
ผู้พัฒนา: Deadline Games
ผู้ผลิต: Warner Bros. Interactive Entertainment
ผู้จัดจำหน่าย: -
เครื่องที่ต้องการ:DUAL-CORE CPU 1.8GHz, 1GB RAM, GeForce 6800 or Radeon X800, 2GB HDD Space
เครื่องที่แนะนำ: DUAL-CORE CPU 2GB, 2GB RAM, GeForce 8800GT
จำนวนผู้เล่นสูงสุด: 2
ESRB: M
“จะไม่มีวันจับเกมจากภาพยนตร์อีกตลอดชีวิต” ผมเชื่อว่าคงมีบางคนพูดกับตัวเองแบบนี้ตอนที่มีโอกาสได้ลิ้มรสเกมจากภาพยนตร์หลายต่อหลายเกมแต่กลับพบกับความเจ็บปวด และผมก็เข้าใจดีว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนกับการที่ต้องเห็นภาพยนตร์สุดรักของตัวเองถูกจับมายัดลงในเกมเห่ยๆ ที่มีสาระเพียงแค่ “เราจะได้สวมบทบาทเป็นตัวละครสุดโปรด” Watchmen: The End is Nigh อาจจะถูกส่งออกมาช่วงเดียวกับที่ภาพยนตร์ลงโรงฉาย แต่ทว่า มันไม่ได้มีเนื้อเรื่องเกี่ยวข้องกันกับในภาพยนตร์แต่อย่างใด ถ้าคุณได้มีโอกาสอ่านพรีวิวเกมนี้ในเดือนมีนาคม คุณก็คงจะรู้แล้วว่าเนื้อเรื่องในเกมเกิดขึ้นก่อนที่เหล่าฮีโร่จะแยกวงกันทำมาหากินแบบในภาพยนตร์ คุณจะได้มีโอกาสรับบทเป็นคู่หูจอมโหด Rorschach และ Nite Owl เข้าฟาดฟันกับเหล่าอันธพาลข้างถนน และคนคุก
ด้วยเหตุที่ว่าเกมๆ นี้เป็น Action-Brawler (Action-Brawler หมายถึงเกมที่มีรูปแบบการเดินไปข้างหน้า และตะบันหน้าอะไรก็ตามที่วิ่งโล่เข้ามาหาคุณ) มันจึงเป็นผลทำให้รูปแบบการเล่นดำเนินไปในแนวทางที่ว่า “กระโดดเตะต่อยปล่อยพลัง” ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะอะไรมากมายมากก็สามารถส่งศัตรูลงไปนอนกองกับพื้นได้ คุณอาจจะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่สุดแสนจะธรรมดา แต่ทว่ารูปแบบโจมตีภายในเกมนั้นมีให้เลือกใช้มากมายพอสมควรตามแต่ความถนัด และแต่ละท่าก็โหดดิบเถื่อนได้ใจ และนี่ก็คือจุดเด่นที่เห็นได้ชัดๆ เลยภายในเกมนี้ (สิ่งหนึ่งที่ผมชอบมากที่สุดภายในเกมก็คือการน็อคศัตรูท่าสวยๆ เหมือนดูมวยปล้ำ WWE เมื่อศัตรูงอมได้ที่แล้ว คุณจะมีโอกาสปิดฉากศัตรูได้ด้วยท่างามๆ สุดโหดที่สะใจ และโหดร้ายพอๆ กัน)
ฉากเผด็จศึกแบบโหดๆ เป็นความสะใจอีกอย่างของเกมนี้
สิ่งต่อมาที่จะไม่พูดถึงเลยคงไม่ได้ นั่นก็คือกราฟิกที่ดูดีเอาเรื่องสมกับที่เป็น Next-Gen จริงที่ว่าเกมนี้เป็น Multiplatform แต่ทว่ากราฟิกที่พอร์ตมาไม่ได้เห่ยอย่างที่หลายๆ คนคิดเอาไว้เลย แสงเงาและการเคลื่อนไหวของตัวละครลื่นไหลสมจริงเอามากๆ (อย่างน้อยมันก็ดีกว่าพวกเกมจากภาพยนตร์อันน่ารังเกียจหลายต่อหลายเกมที่ผ่านๆ มาแหละ) ซึ่งนี่เป็นอีกจุดที่ทำให้ความน่าเบื่อของเกมที่เกิดจากการต่อสู้ ต่อสู้ และต่อสู้ ลดหายไปได้ในระดับหนึ่ง
และข้อดีอีกอย่าง (และเป็นข้อดีข้อสุดท้าย) ภายในเกมนี้ก็คือการที่ผู้เล่นสามารถ Co-op กันได้ โดยคนหนึ่งสวมบทบาทเป็นลุง Rorschach และอีกคนสวมบทบาทเป็น Nite Owl การเล่น Co-op เป็นอีกหนึ่งอารมณ์ที่เรียกได้ว่าสนุกเอามากๆ และชวนให้นึกถึงเกม Action-Brawler เก่าๆ ขึ้นมาอย่างรุนแรง แต่เสียอยู่หน่อยตรงที่การแบ่งครึ่งหน้าจอซ้าย –ขวา เพื่อเล่นสองคน ทำให้มุมมองแคบ และดูน่าหงุดหงิดในหลายๆ ครั้ง
เมื่อปราบบอสตัวนี้ได้ แล้วชมคัทซีน คุณก็จะร้องออกมาว่า “อ้าว เกมมีแค่นี้เองเร๊อะ”
ดูแล้วเกมนี้น่าจะเป็นเกมที่ดีเอามากๆ แต่ว่าหนึ่งในข้อเสียของเกมที่ชวนหงุดหงิดที่สุดก็คือการใส่มินิเกมเล็กๆ น้อยเข้ามา ซึ่งมันไม่ได้เข้ากันกับเกมบู๊ล้างผลาญแบบนี้เลยสักนิด (เช่นการสะเดาะกุญแจ) หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นการเพิ่มอรรถรสให้เกม แต่สำหรับผมแล้วมันเหมือนกับการอยู่ผิดที่ผิดทางมากกว่า ข้อเสียอีกข้อคือความซ้ำซาก เมื่อนำมาผนวกเข้ากับสุดยอดมินิเกมที่มาอยู่ผิดที่ผิดทางแล้วทำให้ผมรู้สึกอยากที่จะปิดเกมเอาดื้อๆ ซึ่งสิ่งเดียวที่รั้งผมไว้ได้ก็คือการได้สวมบทบาทเป็นตัวละครสุดโปรดนั่นเอง นอกจากนั้นแล้วตัวเกมยังสั้นมาก สำหรับคนที่กำลังเพลินๆ อยู่ อาจรู้สึกอารมณ์ค้างได้เหมือนกัน
ด้วยเหตุที่ว่าทั้งหมดนี้ Watchmen: The End is Nigh จึงเหมาะอย่างที่สุดเฉพาะกับเหล่าผู้หลงใหลในการบู๊ล้างผลาญ และตัวละครจอมพิลึกอย่าง Rorschach หรือ Nite Owl ถ้าคุณไม่ใช่หนึ่งในแฟนพันธุ์แท้ของ Watchmen ล่ะก็ ผมขอแนะนำให้ข้ามไปเล่นเกมอื่นซะน่าจะดีกว่า
การเล่น Co-op นั้นให้ความรู้สึกสนุกกับเพื่อนก็จริง แต่บางครั้งมุมกล้องก็น่ารำคาญไปหน่อย
ความเห็นที่หนึ่ง : คะแนน 60%
ข้อดี: บู๊ลางผลาญสุดๆ, มีโหมด Co-op ให้เล่นกับเพื่อน, ได้สวมบทบาทเป็น Rorschach และกราฟิกสวยสด
ข้อด้อย: เล่นไปสักพักจะเริ่มรู้สึกถึงความซ้ำซาก และ มินิเกมที่มาผิดที่ผิดเวลา, มุมกล้องในการเล่น Co-op ที่ไม่ดีเท่าไร, เกมสั้นมาก
โดยรวม: ถ้าคุณกำลังติดลมอย่างรุนแรงจากภาพยนตร์มาล่ะก็ เกมนี้คงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ ถ้าไม่ใช่ล่ะก็ อย่าแม้แต่จะชายตามอง เพราะคุณอาจจะส่งมันลงถังขยะได้ง่ายๆ
ความคิดเห็นที่ 2 : 65%
Watchmen: The End is Nigh เป็นเกมที่เหมาะมากสำหรับผู้ที่ต้องการหาอะไรใหม่ๆ มากไปกว่าที่พบในภาพยนตร์ ระบบการเล่นภายในเกมก็เข้าใจง่ายๆ รูปแบบโดยรวมภายในเกมจัดได้ว่าดีทีเดียวไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของตัวละครหรือสภาพแวดล้อมภายในเกม รูปแบบการโจมตีต่างๆ นำมาผสมผสานโจมตีต่อเนื่องได้ และการน็อคศัตรูด้วยท่าสวยๆ เป็นสิ่งที่น่าพอใจทีเดียว ข้อด้อยคือรูปแบบที่ซ้ำซากง และโหมด Co-op ที่ไม่สามารถออนไลน์ได้ แต่มันก็เป็นปัญหาที่เล็กน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับข้อดีอื่นๆ
บทความนี้มาจากนิตยาสาร Future Gamer