ภาคเสริมอย่าง Uprising เกิดจากความคิดเห็นที่ทางทีมผู้พัฒนาได้รวบรวมมาจากเว็บบอร์ด Command & Conquer เรียกว่าเป็นการสร้างขึ้นเพื่อสาวกของเกม Command & Conquer ก็คงไม่ผิดนัก โดยในภาคนี้ได้นำเนื้อหา แผนที่และยูนิตใหม่เพิ่มเติมเข้ามา เพื่อผสมผสานการรบให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
รูปแบบการเล่นใน Uprising นั้นยังคงเน้นการวางแผนที่ช่วงชิงความรวดเร็วเหมือนเดิม ด้วยยูนิตที่เพิ่มเข้ามาใหม่ถึง 11 ชนิด ทำให้ผมมีไอเดียที่จะโจมตีคู่ต่อสู้ได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น ฝ่าย Empire of the Rising Sun มี Giga-Fortress ที่สามารถแปลงร่างเป็นยานรบและมีปืนพลังทำลายล้างสูง หากเข้าถึงฐานศัตรูได้ละก็เกมเป็นอันจบ ส่วนยูนิต Cryo Legionnaire ของฝ่ายพันธมิตรก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน เพราะปืนน้ำแข็งของมันสามารถแช่แข็งศัตรู และเหยียบให้ละเอียดเป็ยผุยผงได้ ยูนิตใหม่เหล่านี้ช่วยเพิ่มความสนุกในการเล่นเกมนี้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยปรับความสมดุลของยูนิตทั้งสามฝ่ายอีกด้วย
เมื่อเล่นได้สักพักผมก็พบว่าภารกิจใหม่ใน Uprising ล้วนแต่มีการวางโครงเรื่องให้ดำเนินไปอย่างตายตัวมากเกินไป ผู้เล่นแทบจะไม่สามารถเล่นในสไตล์ของตัวเองเพื่อผ่านในแต่ละมิชชั่นได้เลย คุณจำเป็นที่จะต้องใช้กลยุทธ์ตามที่เกมกำหนดไว้เพื่อให้สคริปต์เนื้อเรื่องที่วางไว้เป็นไปตามที่มันถูกเขียนขึ้น นี่ทำให้ตัวเกมดูน่าเบื่อเอามากๆ สำหรับคอเกมวางแผนที่ต้องการใช้หัวสมองในการคิดวิเคราะห์มากกว่าจะมานั่งหาว่าเกมถูกเขียนมาให้เล่นผ่านได้ด้วยกลยุทธ์แบบไหน นอกจากนนั้นทางผู้พัฒนายังพยายามออกแบบภารกิจบางภารกิจให้มีกลิ่นอายของ RPG มาด้วย อย่างเช่น ด่านที่คุณต้องรับบทเป็น Yuriko ที่บุกเข้าไปในฐานข้าศึกพร้อมกับสามารถพิเศษซึ่งมีเอฟเฟ็กต์อันสวยงาม เพียงแค่มันไม่สนุกอย่างที่คิด จริงอยู่มันสนุกเมื่อได้ลองเล่นในครั้งแรก แต่หลังจากนั้นมันก็ไม่ได้มีความท้าทายให้ผมได้เล่นในโหมดนี้ต่อไปอีก
Uprising ได้มีการเพิ่มโหมดการเล่นใหม่ที่เรียกกว่า Commander's Challenge ขึ้นมา ซึ่งก็ทำให้มันดูมีความแตกต่างท้าทายมากขึ้นกว่าภาคเดิม ส่วนคัตซีนหรือวิดีโอคั่นฉากภายในเกมนั้น ช่วยดึงดูดให้ผมถึงความรู้สึกมีส่วนร่วมภายในเกมได้เป็นอย่างดี (เนื่องจากเป็นภาษาไทย ทำให้มีความสนุกขึ้นอีกเยอะ) ทางผู้พัฒนาได้นำเหล่าดาราฮอลลีวู้ดเข้ามาร่วมแสดงอีกด้วย นับว่าเป็นเสน่ห์ของเกมเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่ใน Uprising เราไม่สามารถเล่น Co-Op กับเพื่อนๆ ได้ นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกผิดหวังอยู่เล็กๆ
รู้สึกว่า Uprising ไม่ได้กลับมาปฏิวัติรูปแบบการเล่นเท่าไรนัก มันยังคงเดินตามรอยความสำเร็จของเกมในซีรีส์นี้อยู่ ทำให้เกมหมดสนุกไปเยอะ แต่ก็ยังดีที่ทีมงานยังให้ความสำคัญกับระบบกราฟิก ยูนิต เนื้อเรื่อง และโหมดการเล่นที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ แต่นั่นก็อาจจะยังดีไม่พอที่จะทำให้มันเป็นเกมที่หลายๆ คนรอคอย แต่ถ้าใครเป็นแฟนเกมในซีรีส์นี้ ผมแนะนำให้หา Command & Conquer Red Alert 3: Uprising มาเล่นครับ แต่อย่าตั้งความหวังสูงกับเกมนี้มากนักเท่านั้นเอง
บทความนี้มาจากนิตยาสาร Future Gamer