Warhammer 40,000: Dawn of War 2 เฮ้ย! นี่มันไม่ใช่เกม RTS แต่เป็น ACTION/RPG/RTS นี่หว่า?

แชร์เรื่องนี้:
Warhammer 40,000: Dawn of War 2 เฮ้ย! นี่มันไม่ใช่เกม RTS แต่เป็น ACTION/RPG/RTS นี่หว่า?

     Dawn of War นั้นเป็นซีรีส์ที่สร้างมาตรฐานใหม่ๆ ให้กับเกมแนวที่เราเรียกกันว่า RTS มากมาย ในภาคแรกฟีเจอร์ที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นการละทิ้งกลไกที่ว่าด้วยการเก็บทรัพยากรทิ้งไป รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนยูนิตในเกมให้มีความสำคัญมากไปกว่าการเป็นยูนิตแนว “ปั๊มออกมาแล้วส่งไปตาย” มันทำให้เกิดเกม RTS ที่แปลกใหม่อันเป็นที่ชื่นชอบของเกมเมอร์ส่วนใหญ่ และในครานี้ Dawn of War ได้กลับมาเขย่าวงการอีกครั้งกับการพลิกโฉมวงการอีกครั้งด้วย Warhammer 40,000: Dawn of War II ซึ่งมันเป็นฉีกกรอบแนว RTS ที่พวกเขาเคยฉีกไว้ให้กว้างขึ้นไปอีก

     ก่อนจะเข้าถึง DoW II ผมคงต้องย้อนกลับไปพูดถึงเกมแนว Table Top ที่เรียกว่า Warhammer เล็กน้อย หากเรามองว่า Dungeons & Dragons คือหนึ่งในจุดกำเนิดของเกมแนว RPG (อ่านรายละเอียดได้ในบทความ Outside the Box หน้า 55) Warhammer ก็คือหนึ่งในจุดกำเนิดของเกมแนว Strategy (จาก Turn-Based Strategy ค่อยๆ พัฒนามาเป็น Real-Time Strategy ที่เราคุ้นเคยกันในทุกวันนี้) โดย Warhammer เป็นเกมวางแผนที่เน้นการปรับแต่งกองทัพก่อนนำเข้าสมรภูมิ โดยเมื่องสงครามเริ่มต้นแล้ว “กำลังเสริม” หรือการ “สร้าง” ยูนิตมาเพิ่มนั้นแทบจะไม่มี Warhammer จึงเป็นเกมที่เน้นทักษะของผู้เล่นในการดึงความสามารถของยูนิตออกมาให้ได้มากที่สุดภายใต้สภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสมรภูมิ...

     ที่ผมร่ายมายาวขนาดนี้ก็เพราะผมพยายามจะสื่อว่า... การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับ DoW II น่าจะเกิดขึ้นเพราะผู้พัฒนาต้องการใส่คำว่า Warhammer กลับเข้าไปใน Dawn of War ผลจะดีหรือไม่ดีนั้นมันขึ้นอยู่กับว่าใจของคุณเปิดแค่ไหนมากกว่า


     คราวที่แล้ว DoW ทิ่งกลไกการเก็บทรัพยากรไปเพื่อให้ผู้เล่นหันมาเน้นการบริหารยูนิตของตนมากขึ้น ถึงคราว DoW II ทางผู้พัฒนาก็ทิ้งกลไกการสร้างฐานไปอีกหนึ่งอย่าง! สิ่งที่เข้ามาแทนที่การสร้างฐานคือ… กลไกความเป็น Action/RPG ภายใต้รูปแบบของการปรับแต่งความสามารถของยูนิตตามค่าประสบการณ์และไอเทมที่พวกเขาได้รับจากสมรภูมิ โดยกลไกเกมแนว Turn-Based Strategy ครอบอยู่เพื่อให้คุณสามารถเลือกภารกิจที่คุณต้องการจะทำได้

Tyranid คือฝ่ายใหม่จากจักรวาลของ Warhammer 40k ที่คุณจะได้ต่อกรด้วย

     การเลือกภารกิจจะเกิดขึ้นบนยานรบที่อยู่ในวงโคจร (แนวความคิดนี่ค่อนข้างคล้าย StarCraft II นะ… แต่กลับทำเกมออกมาได้ก่อน ใครก๊อบใครก็ไม่รู้) ซึ่งเนื้อเรื่องจะเป็นเรื่องราวของ Blood Raven ซึ่งเป็นหนึ่งใน Chapter ของ Space Marine หน่วยรบชั้นยอดของ Emperium of Man หนึ่งในหลากหลายฝ่ายในจักรวาลของ Warhammer 40,000 (สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ใน Lore Master หน้า 44) คุณจะต้องปกป้องดาว Aurelia จากการโจมตีของฝ่าย Ork, Eldar และ Tyranid แม้เนื้อเรื่องจะไม่ใช่อะไรแปลกใหม่ แต่มันก็เป็นข้ออ้างที่ดีเพียงพอต่อการไล่ยิงไล่ฟันเหล่าเอเลี่ยนที่คิดจะมาแหยมกับดวงดาวของคุณ



DoW II เน้น Action ที่ดุเดือดเพื่อเพิ่มรสชาติให้กับเกม RTS


     หน่วยรบที่อยู่ภายใต้การควบคุมของคุณมีอยู่ 6 แบบก็คือ Scout, Force Commander, Tactical Marine, Assault Marine, Devastator และ Dreadnaught แต่ในแต่ละภารกิจคุณจะสามารถเลือกหน่วยรบออกไปรบกับคุณได้เพียง 4 หน่วยเท่านั้น (ยูนิตของคุณจะไม่มีวันตาย เพียงแต่จะหมดสภาพไปจนกว่าจะมีใครมาฟื้นพลังให้พวกเขา... แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วทหารของคุณจะอึดระดับคูโบต้าอยู่แล้ว) ตัวเลือกแบบนี้ทำให้ผู้เล่นเสียเปรียบเล็กน้อยตรงที่ต้องคอยพยายามเฉลี่ยการนำยูนิตเข้าสมรภูมิเพื่อให้ทุกยูนิตพัฒนาไปพร้อมๆ กัน...

นอกเหนือจาก Space Marine แล้วคุณยังสามารถเล่นฝ่าย Eldar, Ork และ Tyranid ได้

     คำว่า “พัฒนา” คือกลไกความเป็น RPG ใน DoW II โดยยูนิตจะได้รับค่าประสบการณ์จากสมรภูมิ หลังรบเสร็จคุณสามารถทำเอาค่าประสบการณ์เหล่านั้นมาเพิ่มความสามารถใหม่ๆ ให้กับหน่วยรบต่างๆ ของคุณ ซึ่งหน่วยรบแต่ละหน่วยจะมีความสามารถให้อัพเกรดแตกต่างกัน ความสามารถที่มีให้เลือกอัพเกรดนั้นก็ค่อนข้างหลากหลายพอสมควร แต่นอกเหนือจากการอัพเกรดด้วยค่าประสบการณ์แล้ว DoW II ยังมีระบบการอัพเกรดด้วยไอเทมเสริมเข้ามาอีก โดยระหว่างการต่อสู้ศัตรูจะสุ่มดรอปไอเทม (ซึ่งเรียกว่า Wargear) มาให้เราเก็บ ระบบทั้งสอง (Wargear และการอัพเกรดด้วยประสบการณ์) ช่วยเพิ่มคุณค่าในการเล่นซ้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกลับไปเล่นใหม่เพื่อหา Waregear แบบ Rear เพราะทันทีที่คุณนำ Waregear มาใช้ มันก็จะปรากฏให้คุณเห็นบนหน้าจอว่าอาวุธที่หัวหน้าหน่วยของคุณถืออยู่นั้นมันเจ๋งขนาดไหน



การอัพเกรดความสามารถ และการเลือกใช้ในจังหวะที่ถูกต้องคือหัวใจสำคัญของ DoW II

     อ๋อ! แล้วอีกประเด็นหนึ่งที่ผมยังไม่อาจฟันธงว่าจะเป็นข้อดีหรือข้อด้อยก็คือ ระบบมัลติเพลเยอร์ของ DoW II นั้นใช้ Games for Windows Live เป็นตัวกลางในการจับคู่ ถึงแม้รายงานที่ได้รับจะค่อนข้างดี ค่อนข้างลื่น ได้ในประเทศไทยกลับไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร... ซึ่งปัญหาอาจจะอยู่ที่การเชื่อมต่อของทางผู้ทดสอบอย่างผม)



เหล่าฮีโร่คือผู้นำกองทัพ พวกเขามีความสามารถเหนือทหารทั่วไปหลายเท่า

     ท้ายสุดผมก็คงต้องเขียนถึงกราฟิกเพราะมันคือสิ่งที่เตะตาผมมาตั้งแต่ก่อนจะได้เล่น DoW II การที่ผมเป็นแฟน Warhammer ตัวยงอาจจะทำให้ผมให้ความสำคัญกับจุดนี้มากเป็นพิเศษ หัวใจผมเต้นตุ้บๆ เมื่อได้เห็นเหล่า Space Marine ที่สวยงามราวกับโมเดลเคลื่อนไหวได้จริงๆ มันช่างน่าประทับใจเอามากๆ (การที่ภาคเสริมล่าสุดของ Dawn of War อย่าง Burning Crusade ยังใช้เอนจิ้นตัวเก่าอยู่ทำให้มันดูตกยุคมากเกินไป... แต่ก็กลับทำให้ DoW II ยิ่งดูเหมือนก้าวกระโดดด้านกราฟิกครั้งใหญ่ของซีรีส์) การเคลื่อนไหว สีสัน รายละเอียด ฉากทำออกมาได้อย่างแทบไม่มีที่ติ เสียงพากย์อาจจะฟังซ้ำซาก แต่หากคุณเล่นเกมใดมานาน 10 กว่าชั่วโมงมันก็ต้องมีเสียงที่ฟังดูซ้ำซากบ้างเป็นธรรมดา
Down of War II นับว่าเป็นเกมที่ให้คะแนนให้เหมาะสมค่อนข้างยาก แนะนำว่าก่อนเล่นคุณต้องทิ้งภาพลักษณ์และความคาดหวังเก่าๆ ของคุณไปก่อนที่จะตัดสินใจให้คะแนนมัน นอกจากนั้นก็ไม่แนะนำให้ตัดสินมันด้วยแคมเปญเพียงอย่างเดียว เพราะจุดเด่นจริงๆ ของเกมนี้อยู่ที่การที่ได้ใช้ทักษะของคุณต่อกรกับผู้เล่นคนอื่นๆ ในโหมดมัลติเพลเยอร์ ซึ่งถ้าคุณมองมาถึงจุดนี้ละก็ความพยายามครั้งนี้ของ Relic ก็นับว่าทำออกมาได้สนุกไม่น้อยเลยทีเดียว 



เกมจะมีส่วนของ Turn-Based คล้ายภาคก่อนอยู่เล็กน้อย นั่นคือการเลือกภารกิจ

ข้อดี: กราฟิกที่สวยงาม, รูปแบบการเล่นแปลกใหม่ดุเดือดกว่า RTS ทั่วไป, โหมดมัลติเพลเยอร์และ Skirmish ที่ดี

ข้อด้อย: ภารกิจที่ค่อนข้างซ้ำซาก, ไม่มีการสอนวิธีเล่นฝ่าย Ork, Eldar และ Tyranid, Games for Windows Live (หากเน็ตดีนี่อาจไม่ใช่ข้อด้อย)

โดยรวม: หากคุณคาดหวังกลไกเดิมๆ ของ DoW คุณจะผิดหวัง แต่ถ้าคุณต้องการเกมที่เล่นสนุกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโหลดมัลติเพลเยอร์ละก็ DoW II มีดีพอที่จะตอบสนองความต้องการของคุณ

ระบบใช้ที่กำบัง

     ระบบใหม่อีกระบบหนึ่งที่ทางผู้พัฒนาภูมิใจนำเสนอใน Dawn of War II ก็คือระบบที่กำบังหรือ Cover โดยยูนิตของคุณสามารถหลบอยู่หลังสภาพแวดล้อมที่สามารถใช้บังวิถีกระสุนได้ ซึ่งก็จะช่วยทำให้โอกาสที่จะโดนยิงนั้นน้อยลง (หากคุณยังนึกภาพไม่ออกก็อยากให้ลองนึกถึงเกมที่บุกเบิกระบบนี้อย่าง Company of Heroes ดู) CoH ได้รับคำชมมากมายจากระบบการใช้ที่กำบัง เพียงแต่ในกรณีของ DoW II นั้นระบบนี้กลับไม่ค่อยมีผลกับรูปแบบการเล่นเท่าที่ควร เพราะยูนิตในเกมมีความสามารถในการเข้าต่อสู้ระยะประชิดอยู่แล้ว นอกจากนั้นยังมีความสามารถพิเศษที่แก้ทางการใช้ที่กำบังได้

     Dawn of War นับว่าเป็นเกมระดับคลาสสิกเกมหนึ่ง แต่ในภาคต่ออย่าง Dawn of War II ค่ายที่เคยปฏิวัติวงการอย่าง Relic กลับทำให้เกมที่ “คลาสสิก” กลายเป็นเกม “ดีๆ” ธรรมดาๆ เกมหนึ่งเท่านั้น ความพยายามในการปฏิวัติเกม RTS ครั้งนี้ของพวกเขาล้มเหลวแบบสิ้นเชิง การที่พวกเขาทิ้งระบบการสร้างฐาน, เก็บทรัพยากร แล้วหันมาเน้นเทคติกเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพียงแต่ว่า Relic กลับไม่ได้ให้ตัวเลือกในส่วนของยูนิตและอาวุธมาเพียงพอ ภารกิจในแคมเปญก็จำเจไป

 

หากเบื่อการลุยฝ่าภารกิจคนเดียวก็มีโหมด Co-Op ให้คุณชวนเพื่อนมาช่วยลุย

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ