หลังจากที่เล่นเกม Prince of Persia ภาคใหม่ล่าสุด (ปี 2551) จบลง ด้วยความรู้สึกที่ยังไม่จบ (ทั้งในเรื่องของเกมเพลย์และเนื้อเรื่อง) ทำให้ผมต้องไปหาข้อมูลภาคต่อหรือเนื้อเรื่องที่ซ่อนอยู่ในเว็บไซต์ต่างๆ แต่ทันใดนั้นเองสายตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับเกมชื่อเดียวกันแต่มีวันเวลาวางจำหน่ายต่างกันถึง 2 ทศวรรษ ด้วยอายุและขนาดของมัน (ตัวเกมทั้งหมดมีขนาด 503KB) ผมจึงคิดที่จะกลับไปขุดมันมาเล่นเพื่อ “ฆ่าเวลา” ก่อนที่ละครทีวีเรื่องโปรดของผมจะเริ่มขึ้นใน 10 นาทีข้างหน้าดีกว่า…
ประเภท: ACTION ผู้พัฒนา: BRØDERBUND ผู้จัดจำหน่าย: DOMAK ปีที่ออกจำหน่าย: 2532
Prince of Persia เป็นเกมที่วางขายในปี ค.ศ. 1989 (พ.ศ. 2532 เมื่อ 20 ปีที่แล้ว) และจำหน่ายลงแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า Amiga (หนึ่งในเครื่องที่ยุคต้นกำเนิดพีซี) และยังเป็นเกมแรกๆ ที่ได้ถูกแปลงไปยังหลากหลายแพลตฟอร์ม (Amiga, NES, SNES, Game Boy, Sega Genesis, Mega Drive, Game Gear พร้อมรีเมคอีกหลายรอบ) นอกจากนั้นมันยังถูกยกย่องว่าเป็นเกมแอ็กชั่นที่ “ทรงคุณค่าที่สุด” จากนักวิจารณ์และเกมเมอร์หลายๆ คน (พร้อมกับยอดขายในตำนานกว่า 2 ล้านก๊อบปี้)
Prince of Persia: The Sand of Time เวอร์ชั่นฮอลลีวู้ดที่จะเข้าฉายในปี 2553 (Jake Gillahan คือดาราคนแรกที่จะได้รับบทเป็นเจ้าชาย) เขียนบทโดย Jordan Mechner ผู้สร้าง Prince of Persia ภาคปี 2532
เนื้อเรื่องของ Prince of Persia ภาคออริจินอลนั้น ผู้เล่นจะต้องรับบทเป็นชายหนุ่มต่างแดนไร้นาม ผู้ซึ่งมีรักแรกพบกับเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรเปอร์เซีย แต่บทพิสูจน์รักแท้ก็มาถึงเมื่ออัครมหาเสนาบดีผู้ชั่วร้ายนามจาฟาร์ (Jaffar) ที่หวังจะใช้องค์หญิงเป็นเครื่องมือในการฮุบอาณาจักร โดยการส่งพระเอกของเราเข้าคุกมืดและบังคับเจ้าหญิงให้แต่งงานด้วย แต่ด้วยพลังแห่งความรัก (หรืออาจจะอยากตกถังข้าวสาร) พระเอกของเราจึงทำการแหกคุกเพื่อผ่าดงกับดักแหลมคมและฟาดฟันกับบรรดาเหล่าร้ายเพื่อนำตัวคนรักของเขาออกมา โดยที่เขามีเวลาจำกัดเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น (หากผู้เล่นใช้เวลาเกินกว่านั้นเกมจะตัดเข้าสู่ฉากจบที่ไม่สวยงามสักเท่าไรสำหรับเจ้าชายจอมโจร)
Motion Capture
ฟีเจอร์ที่เด่นที่สุดและลำสมัยที่สุดในยุคนั้นของ PoP ก็คือการนำเทคโนโลยี Motion Capture มาใช้เพื่อให้ได้ภาพการเคลื่อนไหวที่สมจริงที่สุด เหยื่อ... เอ๊ย! ผู้โชคดีที่ Jordan Mechner นำมาเป็นต้นแบบก็คือน้องชายของเขาเอง เทคนิคที่ใช้ก็ไม่มีเครื่องมือไฮเทค เพียงแต่เป็นการถ่ายภาพมาแล้วนำมันมาเป็นต้นแบบการสร้างภาพเคลื่อนไหวในเกมทีละภาพๆ... ว่ากันตามตรงแล้วน้องชายของ Mechner คือเจ้าชายคนแรกอย่างแท้จริง
สิ่งที่ทำให้ Prince of Persia ฉบับดั้งเดิมกลายเป็นเกมตำนานก็คือระดับ ”ความยากที่มีเสน่ห์” ของมัน ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวของผู้เล่นก็เพียงพอที่จะทำให้ “ว่าที่เจ้าชาย” ลงไปนอนจมกองเลือดพร้อมๆ กับที่ผู้เล่นจะได้พบกับ“ตายแล้วเริ่มใหม่” ที่สุดแสนจะท้าทาย (ซึ่งหาพบไม่ได้แล้วในเกมสมัยนี้ที่เกือบทุกเกมมีระบบ Save โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Prince of Persia 2008 ที่ทำยังไงเจ้าชายก็ไม่ตายซะที)
การผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียวในยุคนั้นหมายถึงความตาย และการกลับไปเริ่มต้นใหม่
....ผมไม่รู้ผมกดรีโมทเพื่อปิดทีวีไปตอนไหน และเมื่อผมหันไปดูเวลา ผมพบว่า 4 ชั่วโมงที่ผ่านไปนั้น ผมทำได้เพียงพา “ว่าที่เจ้าชาย” ไปถึงแค่ชั้นที่ 3 ของดันเจี้ยน แต่เอาน่า... ผมยังมีเวลาทั้งคืนเหลืออยู่...
อะไรๆ อาจจะง่ายกว่านี้ ถ้าว่าที่เจ้าชายของเราพกดาบเข้ามาสักเล่ม