ในที่สุดหลังจากที่รอคอยกันมานาน ทีมงาน Ice Frog ก็ได้ฤกษ์ ปล่อย DotA เวอร์ชั่น 6.60 ออกมาซะที ซึ่งในเวอร์ชั่นนี้ ได้ปรับเปลี่ยนหลายๆ อย่างเยอะมาก เชื่อว่าใครได้ดูแล้วคงตาลายกันแน่นอน ดังนั้นในฉบับนี้ผมจึงขอเอาข้อมูลในส่วนของสกิลสำคัญๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ มาให้ได้ชมกันก่อนนะครับ
Mystic Snake
ยิงงูออกไปเป็นลูกพลังงาน ซึ่งจะกระโดดจากเป้าหมายหนึ่งไปอีกเป้าหมายหนึ่ง พร้อมทั้งสร้างความเสียหาย และขโมยมานาของศัตรู เมื่อถึงเป้าหมายสุดท้ายลูกพลังงานจะกระโดดกลับมายังตัวเราเพื่อเอามานามาให้ โดยความแรง และจำนวนมานาที่ได้จะขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่กระโดดของสกิล
จำนวนครั้งที่กระโดดต่อเลเวล : 3/4/5/6
Damage: 60/100/140/180 + 20% ของความแรงในแต่ละครั้งที่กระโดดสำเร็จ
Mana: 20/30/40/50 + 20% ในแต่ละครั้งที่โดด ดูดมานาสำเร็จ
Stone Gaze
เป้าหมายที่อยู่ในระยะ เมื่อโดนผลของสกิลนี้จะทำให้เคลื่อนที่ และโจมตีช้าลง สุดท้ายจะกลายเป็นหิน รวมทั้งผลของบัฟจะถูกลบทั้งหมด
ระยะเวลาที่กลายเป็นหิน : 5 วินาที
AOE: 800
ระยะเวลาที่ความเร็วลดลง : 2/3/5 วินาที
Damage to summoned units: 600/800/1000
Plasma Field
ปล่อยคลื่นพลังงานพลาสม่าออกมารอบๆ แล้วกลับคืนมาที่ตัวเราอีกครั้ง ซึ่งทำความเสียหายเก่าเป้าหมายได้ 2 ครั้ง ซึ่งคลื่นที่ออกมาตอนแรกจะคิดเป็นค่า Minimum Damage แต่หากเป้าหมายโดนคลื่นที่คืนกลับเข้าตัวเราอีกครั้งความแรงจะกลายเป็น Maximum Damage ทันที และจะยิ่งแรงขึ้นตามเลเวล
Minimum Charge Damage: 40/60/80/100
Max Charge Damage:70/105/140/175
ความเร็ว : 800
AOE: 600
Static Link
ส่งคลื่นพลังใส่ฮีโร่ศัตรู ในขณะที่กระแสพลังงานยังเชื่อมกับเป้าหมาย ตัวเราจะขโมยพลังโจมตีของเป้าหมายมาเป็นของตัวเอง ตราบที่กระแสพลังงานยังเชื่อกับเป้าหมายอยู่
ความแรงที่ขโมยต่อวินาที : 5/10/15/20
เวลาที่เชื่อมได้นานสูงสุด : 10 วินาที
ระยะเวลาที่ผลของขโมยคงอยู่ : 13 วินาที หลังจากที่เป้าหมายหลุดจากสกิล
Unstable Current
เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ และจะสะท้อนผลของ Static ใส่เป้าหมายที่ทำการโจมตีใส่ตัวเรา ซึ่งจะทำโดนผลของ Purge ชั่วขณะ
ประเภท : สกิลติดตัว
โบนัสความเร็วในการเคลื่อนที่ : 3/6/9/12%
Damage : 40/60/80/100
ระยะเวลา Purge : 0.3/0.6/0.9/1.2
หมายเหตุ : ไม่มีผลกับการโจมตีประเภท orb อย่าง Poison Attack หรือ Frost Arrows
Eye of the Storm
เรียกเฆมพายุออกมา ซึ่งจะยิงสายฟ้าใส้เป้าหมายที่อยุ่ใกล้ตัวเรา และจะค้นหาเป้าหมายที่เหลือพลังชีวิตน้อยที่สุด เพื่อจะโจมตี และทำลายเกราะของเป้าหมาย
Damage: 37.5/50/62.5
ความถี่ของสกิล : 0.85/0.75/0.6
AOE: 500
ลดเกราะเป้าหมายต่อ 1 hit : 1 (ซ้อนทับกันได้)
ระยะเวลา : 20/25/30
สกิลอื่นๆ ที่เปลี่ยนไป
Netherdrake : เปลี่ยนสกิล Frenzy เป็น Nethertoxin โดยผลของสกิลจะเพิ่มพลังโจมตี โดยคิดจากค่าจำนวนพลังชีวิตเป้าหมายที่โจมตีอยู่ ยิ่งน้อย Damage ที่เพิ่มก็ยิ่งเยอะ
Rogue Knight : เปลี่ยนสกิล Toughness Aura เป็น Warcry เพิ่มความในการเคลื่อนที่ และเกราะให้แก่ตัวเรา และยูนิตฝั่งเดียวกันที่อยู่ใกล้ๆ
Rogue Knight : แก้ไขการใช้งานสกิล Stormbolt ทำให้สามารถโจมตีเป้าหมายแบบกลุ่ม และติด Stun ไปพร้อมๆ กัน
Slayer : เปลี่ยนสกิล Ultimate เป็น Fiery Soul หลังจากใช้สกิลแล้ว จะเพิ่มความเร็วในการโจมตี และเคลื่อนที่ (ซ้อนทับกันได้)
Twin Head Dragon : เปลี่ยนสกิล Autofire เป็น Liquid Fire ซึ่งจะทำความเสียหายทุกๆ 5 วินาที แบบกลุ่ม และสามารถใช้กับสิ่งก่อสร้างได้ด้วย
Troll Warlord : เปลี่ยนสกิล Rampage เป็น Battle Trance ซึ่งจะเพิ่มความเร็วในการโจมตีให้ทั้งตัวเรา และฮีโร่ฝั่งเดียวกันในแผนที่
Troll Warlord : เปลี่ยนสกิล Fervor Aura เป็น Fervor ซึ่งหากโจมตีเป้าหมายเดิม จะทำให้ความเร็วในการโจมตีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเพิ่มได้สูงสุด 100%
Morphling : แก้ไขการใช้งานสกิล Adaptive Strike โดยถ้าหากค่า Agi มีมากกว่าค่า Str 50% จะเป็นการเพิ่มพลังโจมตีสูงสุดให้สูงขึ้น แต่เวลาในการติด Stun น้อยลง ในทางกลับกันหากค่า Str มีมากกว่าค่า Agi 50% จะเป็นการเพิ่มระยะเวลาติด Stun ให้นานขึ้น แต่ความแรงจะลดลง
Crystal Maiden : เปลี่ยนสกิล Frost Nova เป็น Crystal Nova ทำให้สามารถโจมตีเป้าหมายแบบกลุ่มได้แล้ว
Phantom Assassin : เปลี่ยนสกิล Blink Strike เป็น Phantom Strike ซึ่งจะเพิ่มความเร็วในการโจมตี 100% กับเป้าหมายที่วาร์ปไปหา ในระยะเวลา และเงื่อนไขที่สกิลกำหนดไว้
Ogre Magi : แก้ไขการใช้งานสกิล Multicast ซึ่งยิ่งการแสดงผลแบบทวีคูณยิ่งมากเท่าไร โอกาสที่ได้จะติดผลของสกิลยิ่งมีน้อย จากเดิมที่เปอร์เซ็นต์การติดผลทวีคูณนะจะตายตัวคือ 20%
Sniper : เปลี่ยนสกิล Scattershot เป็น Shrapnel ซึ่งจะคงความสามารถเดิมไว้ แต่ละลดความเร็วในการเคลื่อนที่เป้าหมายลง
Beastmaster : เปลี่ยนสกิล Beast Rage เป็น Inner Beast : ซึ่งออร่าเพิ่มความเร็วในการโจมตี โดยยูนิตที่อยู่ในระยะของสกิลจะได้รับผลไปด้วย
Anti-Mage : แก้ไขการใช้งานสกิล Mana Void โดยจะสร้างความเสียหายแก่ยูนิตที่อยู่รอบๆ เป้าหมายที่เราโจมตีด้วย
Silencer : สกิล Last Word ถูกปรับให้เป็นแบบเดิม คือกลายเป็นสกิลติดตัว เมื่อศัตรูที่อยู่ในระยะ หลังจากใช้สกิลจะติดสถานะ Silence ทันทีทำให้ไม่สามารถใช้สกิลต่อได้
Treant Protector: แก้ไขการใช้งานสกิล Eyes in the Forest ให้สร้างต้นไม้สอดแนมขึ้นมาแทน ทำให้ศัตรูสังเกตได้ยาก เพราะดูกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม
ก็ต้องขออภัยผู้อ่านทุกคนด้วย เนื่องจากหน้ากระดาษไม่พอจริง ผมเลยคัดเฉพาะสกิลที่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ มาให้ดูกันไปก่อนซึ่งบางสกิลก็ลงได้แค่คร่าวๆ เท่านั้น ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย สำหรับรายละเอียดปลีกย่อยที่ถูกปรับเปลี่ยนไปอื่นๆ และฮีโร่ใหม่นั้น เอาเป็นว่าหากมีโอกาสผมจะเอามาให้ดูกันในภายหลังนะครับ