เรื่องเล่าขานตำนานในเกม : Call of Duty สงครามเปลี่ยนโลก

แชร์เรื่องนี้:
เรื่องเล่าขานตำนานในเกม : Call of Duty สงครามเปลี่ยนโลก

     สงครามเริ่มต้นจากความขัดแย้งทางความคิด การกระทำ และความต้องการที่ต่างออกไปในแต่ละตัวบุคคล ก่อนจะลุกลามใหญ่โตจนถึงขั้นใช้กำลังและความรุนแรงเข้าห้ำหั่นเพื่อให้ได้มาซึ่งการครอบครอง ชัยชนะ หรือบทสรุปของสิ่งที่ตนต้องการ และหากจะถามใครหลายๆ คนถึงสงครามที่คนเหล่านั้นนึกถึง ก็เชื่อแน่ว่า ชื่อของสงครามโลกครั้งที่สองจะต้องเป็นชื่อหนึ่งในสงครามที่ต่างก็รู้จักกันดีเป็นแน่

     Call of Duty เกมสงครามแนวยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง ที่ภาคล่าสุดใช้ชื่อว่า World at War เป็นอีกหนึ่งเกมจากหลายๆ เกม ซึ่งใช้เรื่องราวของสงครามโลกครั้งที่สองมาเป็นเนื้อหาหลักของการดำเนินเรื่อง ที่ให้ผู้เล่นได้ใช้ความสามารถในการควบคุม พาทหารถืออาวุธฝ่าดงกระสุนดงระเบิด และหมู่ทหารญี่ปุ่นพลีชีพ กระทำภารกิจบุกฐานศัตรูให้สำเร็จลุล่วงเพื่อชัยชนะ และเพราะเกริ่นกันมาตั้งแต่ต้นถึงเรื่องสงคราม และเกมก็เป็นเกมสงคราม เพราะฉะนั้นวันนี้ คอลัมน์เรื่องเล่าขานฯ ของเรา จะพาทุกท่านย้อนไปยังช่วงปี พ.ศ. 2474 – 2488 เพื่อรำลึกถึงความสูญเสีญที่เกิดขึ้นจากสงครามหนนั้น ทั้งต่อทรัพยากรโลกและชีวิตมนุษย์จำนวนมหาศาลกันครับ (ในเรื่องของปี พ.ศ. นี้ มีข้อมูลจากหลายแหล่งให้จุดเริ่มที่ไม่เหมือนกัน ทั้งว่าเริ่มขึ้นในเอเชีย ตั้งแต่ พ.ศ. 2474 หรืออาจเป็น พ.ศ. 2480 จากความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงของจีนและญี่ปุ่น และบ้างก็ว่าเริ่มในยุโรป จากการเข้ารุกรานโปแลนด์ของเยอรมนีในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2482 โดยมีสหภาพโซเวียตเข้าร่วมกับเยอรมนี ในส่วนของบทความหนนี้ ผมขอยึดเอาตั้งแต่แรกที่เริ่มจากในเอเชีย ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าเพราะข้อมูลอันนี้ทำให้สงครามนี้ดูยาวนาน พอๆ กับความสูญเสียที่เกิดขึ้น)

      ในส่วนของเกม ทางผู้สร้างได้เลือกให้เรารับบทเป็นหนึ่งในทหารฝ่ายพันธมิตร ที่มาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ทางภาคพื้นแปซิฟิก และต้องเผชิญกับกองทัพญี่ปุ่น ที่พร้อมจะดาหน้าเข้ามาใส่เราในหลายรูปแบบ ทั้งปีนต้นไม้ ซุ่มซ่อน ขุดหลุมพรางตัว วิ่งเข้าใส่ และอีกสารพัดกลวิธีตามยุคสมัยที่อาวุธยุทโธปกรณ์ยังล้าหลังกว่ายุคนี้มาก พูดง่ายๆ ว่าหากเราเล่นเกมนี้ จะได้บรรยากาศของการสู้รบแบบกองโจรตามป่าเขาในแบบสงครามยุคนั้นเต็มๆ อีกทั้งรูปแบบของอาวุธที่มีให้ใช้ ที่หากใครเคยเล่นภาค 4 ที่อาวุธทันสมัยและใช้ง่ายมาก่อนอาจหงุดหงิดกันไปบ้าง เพราะอาวุธที่มีให้ได้เอามาส่องยิงกันในหนนี้ ยกเอาจากที่มีอยู่ในสมัยสงครามครั้งนั้นมาให้ใช้กันแบบเพียบพร้อม ซึ่งก็ตามยุคล่ะครับ ของเก่าไหนหรือจะสู้ของใหม่ อาวุธในภาคนี้จึงอาจจะใช้ยากไปบ้าง แต่ก็เหมาะสมและได้อารมณ์ของความเป็นสงครามโลกครั้งที่สองได้เป็นอย่างดีครับ (พูดถึงอาวุธแล้วก็ให้นึกถึงปืนพ่นไฟในเกม ที่ในโหมดเนื้อเรื่องหากมีมาให้ใช้ฉากไหน ผมเป็นต้องวิ่งนำหน้าไล่เผานู่นเผานี่ซะสนุกสุขใจกันไปเลยทีเดียว)

การใช้ปืนไฟในเกม

      ในส่วนรายละเอียดยิบย่อยของส่วนประกอบในสงครามครั้งนั้น ทางผู้พัฒนาก็ดูจะทำการบ้านมาเป็นอย่างดีพอสมควร เราจึงจะได้เห็นการวิ่งเข้าใส่แบบพลีชีพ พร้อมร้องตะโกนบันไซเสียงดังของ AI ทหารญี่ปุ่น เหมือนในเรื่องเล่าจากหลายๆ สื่อที่เคยได้ยินได้ฟังมา (ในส่วนของความหมาย คำคำนี้หากแปลตรงตัวทีละตัวจะได้คำว่าหมื่นกับคำว่าปี ซึ่งพ้องกับข้อมูลที่กล่าวถึงที่มาของคำ ที่ว่ามาจากรากศัพท์ของจีนคำหนึ่ง ซึ่งหากใครได้ดูหนังจีนก็คงเคยได้ยินการถวายพระพรให้อายุยืนหมื่นปี และก็เช่นเดียวกันครับกับฝั่งญี่ปุ่น ที่ยุคนั้นบูชาและเทิดทูนองค์สมเด็จพระจักรพรรดิยิ่งเหนือสิ่งอื่นใด ถือการได้ตายเพื่อองค์สมเด็จพระจักรพรรดิเป็นเกียรติสูงสุด การร้องตะโกนคำนี้จึงเหมือนประมาณเดียวกัน นั่นคือการถวายพระพรนั่นเอง) เครื่องบินทิ้งระเบิดที่มีมาอยู่เนืองๆ ทั้งจากการเรียกมาของผู้เล่นและมาเองตามเรื้อเรื่อง ก็เป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์การรบ ที่ส่งผลถึงชัยชนะของสงครามยุคนั้น อีกทั้งธงที่ปรากฏอยู่ตามฉากต่างๆ หลายจุดก็มีธงรบที่ใช้จริงในยุคนั้นปรากฏให้เห็นกันจนชินตา ซึ่งหากใครไม่ทราบข้อมูลมาก่อนก็อาจสับสนเล็กน้อยในเรื่องของธงชาติอันจริง (ที่เป็นวงกลมสีแดงบนพื้นขาว) กับเจ้าธงที่ว่าในเกม เหมือนกับผมที่ได้เห็นตอนแรกแล้วพาลคิดไปว่ามันเป็นธงแบบเก่าของญี่ปุ่น (ก่อนจะไปเห็นชัดๆ ว่ามันมีทั้งสองแบบขึ้นเสารวมกันในฉากของโหมดมัลติเพลเยอร์) แต่จากข้อมูลที่ค้นมา เจ้าธงที่เป็นรูปอาทิตย์ค่อนมาทางต้นธง เปล่งรัศมีออกมาโดยรอบ 16 แฉกนั้น เป็นธงที่ชื่อว่าธงจักรพรรดินาวีญี่ปุ่น หรือกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลในปัจจุบันนั่นเองครับ หาได้เป็นธงชาติยุคเก่าเหมือนที่ผมเข้าใจผิดไปเองตั้งแต่ต้น

      ในส่วนของข้อมูลการเกิดสงครามโลกครั้งที่สองนั้น มีความซับซ้อนและที่มาจากหลายๆ ด้านมากพอดูครับ อีกทั้งยังมีบางเรื่องราวที่เกี่ยวพันกันมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (ประมาณ ค.ศ. 1914 – 1919 หรือเทียบกับ พ.ศ. ก็ 2457 – 2462) ที่บ้างก็ว่ามันเป็นสงครามที่ต่อเนื่องกันเพราะน่าจะมาจากข้อพิพาทเดียวกัน เพียงแต่ถูกคั่นกลางด้วยการหยุดยิง แต่บ้างก็ว่าต้นเหตุของสงครามไม่ได้เกี่ยวเนื่องกัน แต่มาจากปัญหาด้านอื่นๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นเอาเข้าจริง ต้นเหตุของการเกิดสงครามครั้งใหญ่หนนี้ก็ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงกันถึงสาเหตุที่น่าจะเป็นต้นเรื่องจริงๆ อยู่ครับ เพราะเหตุและปัจจัยที่ล้วนน่าจะเป็นจุดเริ่มเรื่องมีอยู่มากมายหลายข้อสันนิษฐานพอดู

     แต่หากสรุปสั้นๆ ถึงสาเหตุการเริ่มต้นสงครามแบบไม่ลงลึกไปในรายละเอียด ก็คงต้องบอกว่าจุดกำเนิดในเอเชียเรานั้น เริ่มมาจากประเทศญี่ปุ่นหาเรื่องรุกรานประเทศอื่น โดยใช้นโยบายชาตินิยม มีคำขวัญที่ใช้ประกอบการรุกรานในครั้งนี้ว่า เอเชียเพื่อชาวเอเชีย (Asia for Asiatics) เพราะความที่เป็นชาตินิยม และคิดว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกันด้อยกว่าตน ทำให้ญี่ปุ่นคิดการใหญ่ในการจะรวมชาติในเอเชียให้เป็นหนึ่ง โดยการเข้าร่วมทำสนธิสัญญาสามฝ่ายกับเยอรมันและอิตาลี ในนามของกลุ่มอักษะ โดยเริ่มต้นได้มีการแถลงถึงนโยบายหลัก นั่นคือการต่อต้านขบวนการคอมมิวนิสต์สากล และได้ดำเนินการตามแผนเข้ายึดครองประเทศจีน และประเทศอื่นๆ ที่ตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร

      โดนบุกเข้าอย่างนี้แล้วจีนจะอยู่ทำไมล่ะครับ ในเมื่อสู้ไม่ได้ก็ต้องใช้วิธีร้องขอความช่วยเหลือ ซึ่งประเทศที่จีนเลือกขอให้มาช่วยหนนี้คือสหรัฐอเมริกา ซึ่งตอนนั้นยังไม่เข้าร่วมรบกับพันธมิตร (ที่หลังจากจบสงครามโลกครั้งที่สองไปแล้วก็กลายเป็นประเทศมหาอำนาจ มีกำลังวังชาพอตัว เลยไปก่อสงครามกับโซเวียตซึ่งก็ยิ่งใหญ่พอฟัดพอเหวี่ยงกัน ผลก็คือสงครามเย็นเกิดขึ้นเกือบจะทันทีที่จบสงครามโลกครั้งที่สอง และดำเนินต่อมาอีก 45 ปีนั่นล่ะครับ) อเมริกาในยุคนั้นมีอิทธิพลกับการสงครามของประเทศญี่ปุ่นพอตัว ด้วยเพราะน้ำมัน เหล็ก เหล็กกล้า และชิ้นส่วนเครื่องจักรที่ญี่ปุ่นนำมาใช้ในสงครามนั้น ล้วนถูกส่งมาจากสหรัฐฯ เกือบทั้งหมด แถมสหรัฐฯ ยังหันไปขายอาวุธและยานพาหนะจำนวนมากให้ฝ่ายพันธมิตรต่อสู้กับฝ่ายอักษะ (ฝ่ายพันธมิตร แรกเริ่มเดิมทีมีอังกฤษ ฝรั่งเศษ และสหภาพโซเวียต ก่อนจะเพิ่มเติมจีนกับอเมริกาเข้ามาภายหลัง ซึ่งมีเกร็ดเพิ่มเติมให้ได้รับทราบกันสักนิดว่า แรกเริ่มเดิมทีสหภาพโซเวียตสนใจในสนธิสัญญาของฝ่ายอักษะ และเกือบจะเข้าร่วมอยู่รอมร่อแต่ก็มีเหตุให้พลาดไป มาตอนหลังจากเสร็จสงครามโลกเลยหันไปตีกับพวกพันธมิตรร่วมมือมาด้วยกันอย่างอเมริกามันซะเลย เหมือนที่กล่าวถึงไว้แล้วนั่นล่ะครับ) ผลของการงดส่งของเข้าญี่ปุ่นตามมาตรการช่วยเหลือจีนที่สหรัฐฯ ทำลงไปนั้น สร้างความแค้นเคืองให้กับญี่ปุ่นมาก หากจะต้องถอนทหารออกจากจีนอย่างที่สหรัฐฯ ยื่นข้อเสนอแล้วไซร้ อย่ากระนั้นเลย ซัดกับสหรัฐฯ ด้วยซะเลยดีกว่า (ฮ่าๆ) ผลก็คือการพุ่งเข้าจู่โจมที่ตั้งของฐานทัพเรือหลักสหรัฐอเมริกา ที่อ่าวเพิร์ลฮาเบอร์อันโด่งดังนั่นเอง และเพราะการโจมตีหนที่ว่า การสงครามตรงนี้จึงถือเป็นจุดหลักในการตบตีกันอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะหลังการโจมตีเพิร์ลฮาเบอร์ ญี่ปุ่นก็รุกคืบเข้าใส่ประเทศทางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างรุนแรง (รวมถึงประเทศไทยของเราด้วย) สหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรทั้งหลายเลยประกาศสงครามกับทางด้านนี้อย่างเต็มรูปแบบมันซะเลย ผลก็คือการรบพุ่งที่เสียทั้งทรัพยากรโลกและชีวิตมนุษย์ไปโดยประมาณกว่า 60 ล้านคนเลยทีเดียว (นี่ยังไม่นับผลพลอยได้ จำพวกพิการ และสูญเสียในด้านต่างๆ นะเนี่ย)

      วกเข้ามาเรื่องเกม เพราะการโจมตีและห้ำหั่นไม่ได้มีอยู่เฉพาะบนพื้นดิน แต่ยังลามไปถึงบนท้องฟ้าและเหนือผืนน้ำ ฉากหนึ่งของเกมนี้ เราจึงได้รับบนพลปืนของเครื่องบินต่อสู้ วิ่งไปวิ่งมาตามจุดติดตั้งปืนของตัวเครื่องเพื่อยิงโจมตี ซึ่งศัตรูที่ดาหน้าเข้ามาก็มีทั้งที่เป็นเรือรบลำเล็กกะทัดรัด เรื่อยเลยไปถึงลำใหญ่ที่สามารถขนย้ายทหารได้จำนวนมาก อีกทั้งยังมีเครื่องบินญี่ปุ่นที่ยกโขยงกันมาแบบไม่ขาดสายอีกด้วย เรียกได้ว่าเกมสงครามเกมนี้มีจุดเปลี่ยนแก้อาการเบื่อและซ้ำซากอยู่เนืองๆ นั่นเองล่ะครับ

      ในส่วนของการรบภาคพื้นดินก็มันไม่ทิ้งกันครับ เพราะการสู้รบของเรานั้นไม่ได้มีอยู่เพียงการจับปืนออกวิ่งแล้วยิงอีกฝ่ายทิ้งเท่านั้น แต่ในเกมจะมีจุดที่เราต้องสลับทำตามที่กำหนด ทั้งแบกปืนยิงจรวดไปโจมตีรถถัง เรียกเครื่องบินทิ้งระเบิดให้เข้าเป้า ขึ้นนั่งบนฐานปืนกลยิงกลุ่มทหารฝ่ายตรงข้าม เอาปืนไฟไล่เผา อีกทั้งบางหนยังต้องไปแอบๆ ซ่อนๆ อยู่หลังลังไม้หรือหลังกำแพงเพื่อจะหยิบเอาระเบิดมาเขวี้ยงไปตกกลางดงข้าศึก แล้วยังอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ถูกกำหนดให้ต้องทำกันในเกมนี้ ก็ล้วนแล้วแต่มาจากเหตุสงครามจริงที่เกิดขึ้นในยุคนั้น เพิ่มอารมณ์ร่วมและความมันส์ให้เหล่าผู้เล่นได้สนุกกับสถานการณ์ภายในเกมได้เป็นอย่างดี (พูดถึงแล้วก็นึกได้ว่าระหว่างเปลี่ยนจุดหรือเปลี่ยนฉาก จะมีวิดีโอภาพเหตุการณ์จริงแทรกขึ้นมาให้ดู ซึ่งบางอันก็สร้างความเวทนาและหดหู่ใจได้มากพอดูเลยล่ะครับ )

 

     สงครามหนนี้สิ้นสุดลงได้เพราะญี่ปุ่นยอมแพ้สงคราม หลังถูกทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ลงไปเต็มๆ ถึงสองลูกด้วยกัน และเพราะการต่อสู้ฆ่าฟันกันของสงครามครั้งนี้ก็ส่งผลให้เกิดความสูญเสียในวงกว้าง จึงอยากฝากทิ้งท้ายถึงกรณีวิวาททั้งหลาย ไม่จำเป็นต้องถึงระดับสงครามหรอกครับ เอาแค่ที่เผชิญอยู่ทุกๆ วันนี้ก็พอ ว่าหากเกิดเหตุขึ้นแล้ว ต่างฝ่ายต่างรังแต่จะเอาชนะและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นใหญ่ ไม่คิดถึงผลเสียที่ตามมา เรื่องเล็กน้อยก็สร้างความเสียหายได้เหมือนกัน แถมไม่แน่ว่าอาจลุกลามใหญ่โต จากเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ จึงควรตัดสินใจและแก้ปัญหาด้วยเหตุผลและครองสติให้ดีครับ อย่าใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง

โดย December_snow
 

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ