Warhammer 40,000: Dawn of War II ครั้งแรกกับรายละเอียดมหากาพย์ภารกิจของเหล่า Space Marine และโหมดมัลติเพลเยอร์

แชร์เรื่องนี้:
Warhammer 40,000: Dawn of War II ครั้งแรกกับรายละเอียดมหากาพย์ภารกิจของเหล่า Space Marine และโหมดมัลติเพลเยอร์

ประเภท: REAL-TIME STRATEGY
ผู้พัฒนา: RELIC
ผู้ผลิต: THQ
ผู้จัดจำหน่าย: -
เว็บไซต์: WWW.DAWNOFWAR2.COM
กำหนดวางตลาด: กุมภาพันธ์ 2552

     เก็บทรัพยากรๆ สร้างฐานๆ ไต่เทคโนโลยีๆ เก็บทรัพยากรเข้าไปๆ อีก สร้างกองทัพทหารที่อัพเกรดพร้อมสรรพแล้วจึงยกกองทัพอันไร้ผู้ต้านเข้าถล่ม AI ให้ราบเป็นหน้ากลอง เสร็จแล้วก็โละกองทัพนั้นไปแล้วก็วนกระบวนการเดิมนี้ซ้ำๆ คุณก็จะได้โหมดแคมเปญเล่นเดี่ยวสำหรับเกมเกมหนึ่ง นี่เป็นระบบที่เกม Dune II สมัยเมื่อปี 2535 ใช้ ระบบที่ StarCraft นำเสนอเมื่อปี 2541 และเป็นระบบที่เกม Warhammer 40,000: Dawn of War ภาคแรกเคยใช้เมื่อครั้งปี 2547

     สูตรนี้ดูเหมือนจะใช้งานได้ค่อนข้างราบรื่นจวบจนปัจจุบัน แต่ว่า Relic Entertainment นั้นไม่ได้สนใจจะอนุรักษ์วัฒนธรรมนี้อีกต่อไปใน Warhammer 40,000: Dawn of War II ตัวเกมได้แทนที่ความน่าเบื่อหน่ายของเกม RTS นี้ด้วยดาบใบเลื่อยอันนองเลือด และพุ่งเป้าไปยังสิ่งที่ผู้เล่นรักในเกมนี้ชนิดแม่นยำแบบปืน Splinter Rifle ของ Eldar เลยทีเดียว

     สิ่งที่คุณจะไม่ได้เห็นอีกต่อไปประกอบด้วย การเก็บทรัพยากรอันอืดอาด การสร้างฐาน และกองทัพมหึมาของยูนิตทหารเลวผู้ไร้ความกลัว และถูกแทนที่ด้วยภารกิจที่สั้นลง ระบบที่กำบังแบบสมจริงและความสามารถเฉพาะของตัวละคร และควบคุมเฉพาะหน่วยทหารชั้นสูงซึ่งคุณจะรู้ได้จากตำแหน่งนำหน้าชื่อของพวกเขา

     คุณจะเริ่มต้นด้วยกองหทารหนึ่งหน่วยของกองกำลัง Blood Raven ของฝ่าย Space Marine ซึ่งท่องอวกาศไปกับยาน Strike Cruiser Armageddon (ซึ่งเป็นทั้งยานจู่โจมและฐานบัญชาการเพื่อจัดการกองทัพและรับภารกิจไปด้วย)

     ภารกิจแรกนั้นส่งพวกเรามายังดาว Calderis เพื่อสนับสนุนกองทัพของกัปตัน Davian Thule เพื่อรับมือกับการรุกรานของเหล่า Ork บนผืนดาวนั้น กองทัพของเราถูกรุกรานอย่างหนักจากกองทัพตัวเขียว ผมจึงซัดปุ่มฮอตคีย์เพื่อใช้ความสามารถ “To Victory” เพื่อให้ Force Commander ใช้เกราะ Power Armor ตะลุยเข้าใส่ฝูง Space Ork ให้ความรู้สึกเดียวกับตัวละครอาชีพ Barbarian หรือยูนิต Tank ในเกม MMORPG โดยเฉพาะเมื่อฆ่าศัตรูคุณจะได้รับค่าประสบการณ์ด้วยเช่นกัน

     แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิด เพราะ DoW II ไม่ใช่เกมที่ใช้ค่าทักษะหรือความสามารถพิเศษเข้าถล่มกัน ขณะที่ผมรับภารกิจต่อไป กองทัพของผมจะได้กองทหารเพิ่มขึ้นอีกหลายหน่วย ที่สำคัญกว่านั้นก็คือระบบที่กำบังแบบใหม่ซึ่งให้ความรู้สึกถึงแอ็กชั่นในชั่วขณะนั้นจริงๆ รวมกับการวางแผนที่ละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น กองทัพของคุณจะไม่ได้เคลื่อนพลผ่านแผนที่เปล่าๆ อีกต่อไป แต่คุณจะต้องใช้ทุกสิ่งรอบตัวให้เกิดประโยชน์ในการต่อสู้มากที่สุด เช่นเดียวกับใน Company of Heroes

     การมีที่กำบังให้พึ่งพิงนั้นช่วยทำให้เรามีเวลาในการตรึกตรองสถานการณ์และเลือกตัดสินใจเช่นเดียวกับในเกมตั้งโต๊ะแบบผลัดกันเล่น เช่นเดียวกับในเกมเมื่อเราค่อยๆ คลืบคลานไปตามพงหญ้า ตรึงกำลังไว้เพื่อวางแผนจู่โจม Tyranid Warrior และเหล่า Gaunt ที่อยู่รอบๆ ซึ่งพวกมันยังไม่เห็นพวกเราซึ่งยังคงหลบอยู่ตามพงหญ้าสูงชันซึ่งแยกพวกเราออกจากพวกเอเลี่ยน จากนั้นจึงสั่งทหารนายหนึ่งให้โยนระเบิดข้ามผ่านพงหญ้าไป และเมื่อถึงเวลา ทั้งกระดอง ทั้งขา ทั้งเดือย และอื่นๆ ของเจ้าหัวหน้า Tyranid นั้นระเบิดกระจายไปคนละทิศทาง พวก Gaunt ที่เหลืออยู่ต่างช็อกไป (เนื่องมาจากขาดการติดต่อตัวหัวหน้า) ทำให้พวกมันง่ายดายต่อการกำจัดด้วยปืน Bolter ของพวกเรา หากคุณเล่นเป็นฝ่ายเอเลี่ยน Tyranid จงระวังระบบความสัมพันธ์ของยูนิตอันนี้ไว้ให้ดีเพราะผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามจะพุ่งเป้ามาที่เอฟเฟ็กต์นี้เป็นอันดับต้นๆ แน่นอน

     เช่นเดียวกับหมากรุกที่ตัวหมากแต่ละตัวนั้นมีจุดแข็งและจุดอ่อน การจัดการและพัฒนาทักษะของเหล่าทหารนั้นดูจะเป็นจุดสำคัญสำหรับโหมดแคมเปญ กองทหารของ Tarkus นั้นเด่นที่การต้านทานความเสียหาย เหมาะสำหรับอยู่แนวหน้าเพื่อจู่โจมศัตรูด้วยปืน Bolter Cyrus และหน่วย Scout ของเขาสามารถทำลายที่กำบังได้ด้วยระเบิด หรือซุ่มยิงยูนิตสำคัญจากระยะไกลได้ด้วย High Powered Shot ส่วนทหาร Assault Marines ของ Thaddeus สามารถใช้ Jetpack กระโดดข้ามสิ่งกีดขวางและกระแทกศัตรูที่อยู่เบื้องล่างได้

     อาจดูเหมือนว่ามีบางเวลาที่ DoW II นั้นป่าวประกาศตัวเองว่า “เราคือเกม RPG” เช่นเวลาที่ตาของคุณถูกชักนำไปยังตัวหนังสือสีเขียวซึ่งอธิบายรายละเอียดของสิ่งของที่สวมใส่ได้ตามรายทางตลอดเกม แต่เมื่อกองทัพ Space Marine ของผมถูกบุกถล่มด้วยกองทัพของ Tyranid แล้วนั้น นิ้วของผมต่างกดปุ่มตัวเลขเพื่อกำหนด Control Group เป็นระวิง เมื่อสงครามจบลง ผมได้รับชุด Power Armor ใหม่เพื่ออัพเกรดให้กับ Force Commander รวมไปถึงค่า Stat เพื่อนำไปเพิ่มค่าในการฟื้นพลังสำหรับกองทหารของ Avitus’s Devestator จากนั้นสัญญาณแห่งความทุกข์ระทมขอความช่วยเหลือก็เป็นสิ่งกระตุ้นให้ผมเข้าสู่สงครามกับเหล่า Ork ต่อไป

มัลติเพลเยอร์

     Relic ไม่ต้องการตัดจุดเด่นของเกมออกไปจากระบบมัลติเพลเยอร์ซะทีเดียว การจัดการฐานทัพยังคงอยู่ในระดับน้อยที่สุด และแทนที่จะอัพเกรดหรือพัฒนากองทัพผ่านทางสิ่งก่อสร้าง คุณจะสามารถซื้อการพัฒนาต่างๆ ได้โดยตรงผ่านทางยูนิตแต่ละตัว การยึดธงและครอบครองไว้จะช่วยให้คุณได้ทรัพยากรในการอัพเกรดตรงนี้มาใช้ ทั้งหมดนี้เพื่อนที่คุณจะได้จับตาควบคุมกองทหารของคุณได้ตลอดเวลา แผนที่จะเล็กลงเพื่อร่นเวลาในแต่ละเกมให้สั้นลงเพื่อความเร้าใจ คุณจะสามารถเลือกเผ่าเล่นได้ก่อนเริ่มเกม (ในเวลามีแค่ Space Marine, Orks, Eldar และ Tyranids เท่านั้นที่เราเห็น) จากนั้นคุณจะต้องเลือกยูนิตฮีโร่หนึ่งในสามแบบ ฮีโร่ที่เน้นการโจมตีอย่าง Force Commander จะเก่งทางด้านสร้างความเสียหาย ฮีโร่สนับสนุนอย่าง Apothecary จะช่วยเพิ่มค่าพลังให้กับกองทหาร หรือฮีโร่ที่เน้นการป้องกันอย่าง Techmarine สามารถวางป้อมปืนเพื่อช่วยคุณตรึงกำลังได้

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ