ประเภท: RPG
ผู้พัฒนา: OBOSIDIAN
ผู้ผลิต: ATARI
ผู้จัดจำหน่าย: -
เครื่องที่ต้องการ: 2.4 GHZ CPU, 1GB RAM, 128 MB DIRECTX 9.0c GPU, 8 GB HD SPACE
เครื่องที่แนะนำ: 2.6 GHZ CPU, 2 GB RAM: 8 MB, 512 MB DIRECTX 9.0c GPU
จำนวนผู้เล่นสูงสุด: 6
ESRB RATING: T
หากต้องการประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเล่น Neverwinter Nights ละก็ คุณมาถูกที่แล้ว
Storm of Zehir เป็นภาคเสริมตัวล่าสุดของ Neverwinter Nights 2 ต่อจากภาคเสริมตัวก่อนหน้าคือ Mask of the Betrayer แต่ว่าเนื้อเรื่องของ Storm of Zehir นั้นไม่เกี่ยวข้องกับภาคหลักแม้แต่น้อย แทนที่คุณจะเป็นวีรบุรุษแห่งชะตากรรมที่เกิดมาเพื่อปกป้องโลกจากจอมมารผู้ชั่วร้ายเหมือนภาคก่อนๆ แต่ในภาคนี้คุณจะได้เล่นเป็นนักสำรวจธรรมดาๆ ที่เกิดประสบชะตากรรมเรือแตกแล้วมาติดอยู่บนดินแดนป่าดงดิบอันลึกลับที่ชื่อว่า Samarach ซึ่งกำลังประสบปัญหาต่างๆ นานา ทั้งเรื่องสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ของมนุษย์กับพวกมนุษย์งูที่เรียกตัวเองว่า Yaun-ti และเหล่าสัตว์ร้ายในป่าดงดิบที่ก่อกวนทำลายเส้นทางการค้าในดินแดนนี้ ซึ่งทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่เราจะเข้ามาช่วยแก้ไข แม้จะเป็นเนื้อหาที่ดูพื้นๆ ไปหน่อย แต่ข้อดีคือมันเหมาะมากสำหรับการจะเพิ่มเติมลูกเล่นใหม่ๆ เข้าไปในเกมอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกลัวว่าจะกระทบกับสิ่งดีๆ ที่ภาคหลักเคยมีอยู่แล้ว และทาง Obsidian ก็ไม่รีรอที่จะใส่ไอเดียใหม่ๆ ทุกอย่างที่เขาคิดได้ลงไปในภาคเสริมตัวนี้
รู้สึกว่าเกมยากเกินไป? ลองเลือกดวาฟเทพเลเวล 18 สักตัวมาเข้าปาร์ตี้สิ แล้วชีวิตจะง่ายขึ้นอีกเยอะ
ไอเดียที่ต้องการให้ Storm of Zehir เป็น RPG ที่เปิดกว้างมากขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่เราสามารถเห็นได้ตั้งแต่เริ่มเกม โดยทันทีที่เริ่มเกมหลังจากสร้างตัวละครหลักเสร็จ เราก็สามารถสร้างตัวละครใหม่เพื่อนำมาเข้าร่วมปาร์ตี้กับเราได้อีกสามคน หรือจะเลือกตัวละครสำเร็จรูปที่มีอยู่แล้วก็ได้ เท่ากับว่าในภาคนี้จะเริ่มเกมโดยมีปาร์ตี้ที่เราออกแบบเองตั้งแต่เริ่ม นอกจากนี้ยังมีการเลือกความยากง่ายของเกมได้แบบอ้อมๆ จากการเลือกคนเข้าปาร์ตี้ในส่วนนี้ โดยเราสามารถเลือกตัวละครสำเร็จรูปที่เลเวลสูงๆ มาเข้าร่วมปาร์ตี้เลยก็ได้ (มีให้เลือกสูงสุดคือเลเวล 18) เผื่อในกรณีที่ต้องการลดความยากของเกมลงนั่นเอง
ระบบใหม่สุดเจ๋งอันแรกที่คุณจะได้พบใน Storm of Zehir นั่นก็คือระบบ Party Talk ซึ่งระบบนี้จะอนุญาตให้เราใช้ใครในปาร์ตี้มาคุยบทสนทนาก็ได้ แทนที่จะใช้ตัวเอกคุยได้เพียงคนเดียว ซึ่งนี่นับเป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยม เพราะหนึ่งในเสน่ห์ซึ่งเป็นจุดเด่นของ Neverwinter Nights ก็คือบทสนทนาอันเปิดกว้างและหลากหลาย แต่กลับถูกจำกัดแนวทางลงด้วยความที่ตัวละครหลักของเรามักจะมีสกิลในการพูดไปในเพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น ซึ่งระบบ Party Talk นี้ได้มาลบจุดด้อยนี้ได้อย่างสมบูรณ์
ระบบ Party Talk จะทำให้คุณเข้าถึงตัวเลือกบทสนทนาได้ทุกรูปแบบ
ความเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดใน Storm of Zehir นั่นก็คือระบบแผนที่แบบสามมิติ ซึ่งใช้แทนแผนที่สองมิติแบบเก่าที่แค่คลิกเลือกสถานที่แล้วเดินทางเท่านั้น แต่ในแผนที่สามมิตินี้จะมีรูปแบบการเล่นเป็นอีกแบบหนึ่ง คือเราจะได้เดินบนแผนที่โดยตรงแทนที่จะวาร์ปไปยังจุดหมายได้ทันทีเหมือนภาคก่อนๆ สถานที่ส่วนใหญ่บนแผนที่นั้นจะยังไม่ถูกค้นพบ มีแค่เพียงบางสถานที่ซึ่งเราได้รับเควสต์มาเท่านั้นที่จะมีการมาร์คตำแหน่งเอาไว้เพื่อให้เรารู้เส้นทางว่าต้องเดินไปทำเควสต์ที่ไหน ซึ่งบนแผนที่นี้ยังมีกลุ่มมอนสเตอร์เกิดใหม่เรื่อยๆ ด้วย นี่เป็นส่วนที่เพิ่มความกว้างให้กับเกมอย่างมาก เราสามารถออกสำรวจแผนที่ได้อย่างอิสระให้สมกับเป็นเกม RPG อย่างแท้จริง มีพื้นที่มากมายให้สำรวจ ทั้งเมืองและดันเจี้ยนต่างๆ รวมไปถึงสถานที่ลับที่เก็บซ่อนไอเทมหายากอีกมากมายให้คุณได้ค้นหา สิ่งที่ช่วยในการเล่นบนแผนที่สามมิตินี้ก็คือสกิลของคนที่เราเลือกเป็นหัวหน้าปาร์ตี้นั่นเอง ซึ่งมีสกิลจำนวนมากที่โดยปกติแล้วจะเป็นสกิลที่ด้อยค่าในการเล่นภาคก่อนๆ แต่ว่าบนแผนที่สามมิตินี้สกิลเหล่านั้นกลับกลายเป็นสกิลที่มีค่าและช่วยเหลือในการเล่นได้อย่างมาก เช่น สกิล Survival ที่ทำให้เดินทางบนแผนที่ได้เร็วขึ้น สกิล Hide ที่ช่วยให้มอนสเตอร์บนแผนที่มองไม่เห็นเราขณะเดินทางผ่านมันไป หรือสกิล Spot ที่ช่วยให้เห็นมอนสเตอร์ได้จากระยะไกล และยังทำให้ค้นพบสถานที่ลับที่ซ่อนอยู่ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย นับเป็นการรีไซเคิลสกิลกลุ่มที่ถูกมองว่าไร้ประโยชน์ในการเล่นกลับมาใช้ได้อย่างงดงาม
ในที่สุดก็มีแผนที่ให้เก็บเลเวลแล้ว!!
ช่วงต้นเกมนั้นเป็นช่วงที่ทุลักทุเลอยู่บ้าง (หากใช้ตัวละครสร้างใหม่ทั้งหมด) แต่การที่มีศัตรูเกิดใหม่ให้เก็บเลเวลและเงินได้ตลอด จึงทำให้เราสามารถสร้างปาร์ตี้ที่ต้องการได้ภายในเวลาไม่นานนัก และพร้อมที่จะออกสำรวจโลกอันกว้างใหญ่ของ Samarach อาจดำเนินเนื้อเรื่องตามเนื้อเรื่องหลักไปเรื่อยๆ หรือจะเก็บเควสย่อย และออกสำรวจแผนที่อย่างอิสระก็ได้ นับว่าเป็นรูปแบบการเล่นที่เติมความเป็น RPG ให้มากขึ้นกว่าเดิม (เก็บเลเวล, หาของ, สำรวจ) แม้จะดูฉีกจากแนวทางปกติของ Neverwinter Nights ที่เน้นการดำเนินเรื่องมากกว่าจะให้ผู้เล่นใช้เวลาไปกับการสร้างตัวละคร แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ก็ทำให้ Storm of Zehir มีรูปแบบสมเป็นเกม RPG มากขึ้น
ระวังศัตรูแปลกๆ บนแผนที่ด้วย เพราะคุณอาจยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน
นอกจากนี้ยังมีระบบ Trade ซึ่งเปิดโอกาสให้เราสามารถเล่นในแบบพ่อค้าได้อีกด้วย เพียงขนสินค้าไปขายตามเมืองต่างๆ ก็จะได้แต้มการค้ามา ซึ่งสามารถแลกเป็นเงินได้ทันทีที่ผู้ดูแลกลุ่มการค้า หรือเก็บไว้แลกไอเทมหรือทำเควสต์อื่นๆ ก็ได้ ยิ่งช่วงกลางเกมที่เราสามารถสร้าง Trade Rout ให้มีการค้าขายระหว่างเมืองได้แล้วก็ยิ่งปั่นแต้มการค้าได้ง่ายขึ้น ทำให้ยิ่งเล่นไปนานเท่าไหร่ก็ยิ่งสบายขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าความท้าทายในช่วงท้ายเกมจะหมดไป เพราะได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบอีกสองอย่างซึ่งส่งผลต่อรูปแบบการเล่นอย่างมาก นั่นก็คือการตาย และระบบ Rest แบบใหม่นั่นเอง ซึ่งในภาคนี้ตัวละครที่ถูกโจมตีจนตายจะไม่ฟื้นเองหลังเสร็จการต่อสู้แล้ว แต่จะต้องใช้เวทย์ Raise Dead หรือไอเทมที่ชื่อ Coin of Life ในการชุบชีวิตขึ้นมาแทน อีกทั้งระบบ Rest แบบใหม่ที่ไม่อนุญาตให้ Rest ในพื้นที่ปิดเกือบทุกแห่ง (แม้แต่ในเมืองก็ไม่สามารถ Rest ได้ ต้องเข้าไปนอนในโรงแรมเอา) เราสามารถ Rest ได้บนแผนที่เท่านั้นแต่ก็ยังมีโอกาสที่อาจถูกมอนสเตอร์เข้ามาโจมตีในระหว่าง Rest ทำให้ถูกบีบให้ต้องต่อสู้ทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อมอีกด้วย นับเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มความท้าทายให้กับเกมขึ้นมาก จึงต้องควบคุมการต่อสู้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น และต้องวางแผนการเล่นให้รัดกุมขึ้นด้วย
การชุบชีวิตต้องใช้เวทย์ Raise Deas หรือ Coin of Life เท่านั้น
ตัวเนื้อเรื่องหลักของ Storm of Zehir นั้นค่อนข้างสั้น ใช้เวลาแค่ราวๆ 20 กว่าชั่วโมงก็สามารถเล่นจบได้แล้ว แต่ว่าเควสต์รองและพื้นที่อื่นๆ ของ Samarach นั้นยังมีให้สำรวจอีกมากมาย และคุ้มค่าต่อการค้นหาอีกด้วย นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่คุณสามารถสำรวจโลกของ Neverwinter Nights ได้อย่างอิสระในรูปแบบของเกม RPG จริงๆ และใน Storm of Zehir ก็มีสิ่งให้ค้นหาเยอะมาก ทำให้เผ่าใหม่สองเผ่า (Gray Orc กับ Yuan-Ti Pureblood) บวกกับคลาสใหม่อีกสามคลาส (Doomguide, Hellfire Warlock และ Swashbuckler) นั้น กลายเป็นส่วนประกอบยิบย่อยไปเลย เมื่อเทียบกับโลกเปิดกว้างที่ให้สำรวจได้อย่างอิสระนี้
ระบบ Trade เปิดโอกาสให้เราเล่นเป็นพ่อค้าได้
แต่ใช่ว่า Storm of Zehir จะเป็นความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ข้อตำหนิ แม้ว่าตัวไอเดียของระบบแผนที่สามมิติจะยอดเยี่ยมมากและสมบูรณ์แบบในตัวเอง แต่ก็กลับกลายเป็นจุดอ่อนในเวลาเดียวกัน อย่างที่รู้ๆ กันว่า Neverwinter Nights 2 เป็นเกมที่โหลดบ่อยและนานมากๆ เมื่อมาประกอบกับการต่อสู้จำนวนมากที่คุณจะได้พบบนแผนที่สามมิติแบบใหม่นี้ซึ่งทุกครั้งที่เกิดการต่อสู้ เกมจะตัดเข้าไปยังพื้นที่สำหรับการต่อสู้โดยเฉพาะ นั่นทำให้เราต้องพบกับการโหลด โหลด และโหลด บ่อยในแบบที่ไม่เคยพบมาก่อนในภาคไหนๆ (อีกแล้ว) ยิ่งศัตรูบนแผนที่สามมิตินั้นค่อนข้างชุกชุม ซึ่งคุณอาจต้องเจอศัตรู สามถึงสี่กลุ่มในระหว่างการเดินทางแค่ในระยะใกล้ๆ ทำให้ความตื่นตาตื่นใจในการได้สำรวจแผนที่ ถูกขัดจังหวะด้วยการรอโหลดแมพจำนวนมาก ส่งผลให้อารมณ์ในการเล่นตกลงอย่างง่ายๆ อีกเรื่องคือ AI ของตัวละครที่ค่อนข้างทึ่ม คือถ้าเราตั้งคำสั่งโจมตีเอง มันก็จะวิ่งโจมตีศัตรูทั่วฉากแบบไม่คิดชีวิต แต่ถ้าสั่งให้แค่ติดตาม มันก็จะตามเราอย่างเดียวจริงๆ ไม่โจมตีตอบโต้เลยแม้จะโดนศัตรูโจมตี เข้าใจว่าเป็นความต้องการให้ผู้เล่นเลือกเอาให้เด็ดขาด ว่าจะควบคุมอย่างใกล้ชิด หรือเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ไปเลย ทำให้ดูเหมือน AI ของผู้ติดตามนั้นทื่อลงกว่าภาคก่อนๆ มาก
นี่มันยุคไหนกันแน่หว่า?
Storm of Zehir จัดเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดของซีรีส์ Neverwinter Nights ซึ่งเป็นความพยายามที่จะผสานรูปแบบของเกม RPG ที่เปิดกว้างในการเล่น เข้ากับเกม RPG ที่เล่นด้วยกฎของ D&D ซึ่งนับเป็นสิ่งที่ยาก แต่ทาง Obsidian ก็กล้าที่จะชนกับความท้าทายนี้เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดเก่าๆ และเปิดเส้นทางสู่รูปแบบใหม่ๆ ของเกมเท่าที่จะเป็นไปได้ หลายๆ คนอาจชอบหรือไม่ชอบกับความเปลี่ยนแปลงที่ดูเหมือนจะบิดเบือนต้นฉบับของตัวเกมเช่นนี้ แต่ผมอยากให้มองในแง่ว่ามันเป็นเจตนาที่ดีที่ต้องการจะพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ให้แก่วงการมากกว่า แม้จะพูดไม่ได้ว่านี่เป็นผลงานชิ้นเยี่ยมไร้ที่ติ แต่ Storm of Zehir ก็ยังคงเป็นเกม RPG ชั้นยอดที่สามารถใช้ชื่อของซีรีส์ Neverwinter Nights ได้อย่างเต็มภาคภูมิครับ