SCOOTER: Resistance 2 ภาคต่อของเกมยิงแนวไซไฟจากค่าย Insomniac ได้เอาเกม World of WarCraft กับ Team Fortress 2 มารวมเข้ากันได้อย่างชาญฉลาดในการเล่นตามเนื้อเรื่องร่วมกัน มีการแบ่งผู้เล่นออกเป็นสามกลุ่ม (หน่วยรบ หน่วยพยาบาล และหน่วยระเบิด หรือที่เรียกกันตามประสาชาว Resistance ว่าพวกลุยดะ พวกช่วยฟื้นพลัง และพวกขนอาวุธ) แล้วปล่อยให้วิ่งไปทั่วแผนที่เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จและเก็บพวกมนุษย์ต่างดาวให้เกลี้ยงเป็นอะไรที่สุดยอดมากสำหรับการเล่นร่วมกันหลายคน Resistence 2 นำความตกตะลึงมาสู่เกมประเภทนี้ (ในทางกลับกัน ก็ทำให้ TF2 กลายเป็นเกมที่มีการต่อสู้น่าทึ่งขึ้นระดับตำนานไปเลย)
แต่น่าเสียดายที่แม้ว่าโหมดเล่นคนเดียวจะดีขึ้นกว่าภาคแรก (โดยเฉพาะในส่วนของสีสันที่หลากหลายและการพบเจอหัวหน้าด่านต่างๆ) แต่ไม่ค่อยได้อรรถรสเท่าโหมดเล่นร่วมกัน ถึงแม้ในฉากต่อสู้ (เช่น ยิงกันหูดับในป่าไม้แดงในแคลิฟอร์เนีย และมนุษย์ต่าวดาวบุกอย่างดุเดือดที่ชิคาโก) จะพัฒนาขึ้นจากภาคก่อน และผมชอบที่มีการปรับปรุง Auger และมีอาวุธใหม่ๆ อย่าง Marksman Assault Rifle (อาวุธของ Chimeran ที่ยิงกระสุนออกไปครั้งละสามนัด) และระเบิด Spider เหนียวหนึบ
อย่างไรก็ตามบรรดาบอสร่างยักษ์และปืนใหม่ๆ เหล่านี้ไม่สามารถกลบข้อด้อยบางข้อได้ เช่น ศัตรูในเกมที่จ้องแต่จะเล่นงานคุณ (ผมรู้ว่ามันเป็นเกมยิงบุคคลที่หนึ่ง แต่อดโมโหไม่ได้ที่ศัตรูไม่สนใจคนอื่นๆ ที่สาดกระสุนใส่เลย จ้องแต่จะมาจัดการเราคนเดียว ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรพวกมันเลยสักนิด) หรือกราฟิกที่ยังไม่สวยนัก โดยรวมแล้วรู้สึกว่าต้องปรับปรุงการเล่นคนเดียวมากอีกหน่อย เพราะไม่ค่อยสมศักดิ์ศรีของค่ายทำเกมตระกูล Ratchet & Clank อย่าง Insomniac เลย
แม้ว่าโหมดเล่นคนเดียวจะน่าผิดหวังไปนิด แต่การเล่นแข่งกันหลายคน (ใช่แล้ว ภาคนี้รับรองผู้เล่นได้มากกว่าเดิม ซึ่งมันจะดีหรือไม่ดีนั้นขึ้นอยู่กับความรู้สึกของคุณที่มีต่อระบบเดียวกันนี้ของภาคที่แล้ว) ไหนจะโหมดที่ให้เล่นร่วมกัน ทำให้เกมนี้เป็นเกมยิงที่น่าเล่นมาก
GIANCARLO: ในฐานะที่เป็นคนชอบเล่นเกมแนวนี้คนเดียวแล้ว ผมผิดหวังกับ Resistance 2 นิดหน่อย แม้ว่าแคมเปญแบบเล่นคนเดียวจะหลากหลายขึ้นกว่าภาคที่แล้ว แต่ยังต้องเจอกับข้อเสียเดิมๆ ของเกมแนว FPS ไล่ตั้งแต่ศัตรูโง่ๆ ในเกม ฉากที่สามารถทำให้ตายได้ทันที ไปจนถึงพวกสัตว์ประหลาด Chimera มากหน้าหลายตาที่ต้องฆ่าไปเรื่อยๆ ถึงจะไปต่อได้ และมักจะเจอพวกมันตามลานจอดรถหรือโกดังเก็บของ
แต่ที่ผิดกับเกมยิงที่เน้นการเล่นคนเดียวอื่นๆ Resistance 2 เย้ายวนให้ผมอยากลองเล่นออนไลน์ดูบ้าง การเล่นร่วมกันแปดคนเป็นอะไรที่สุดยอดมาก เพราะยากที่จะได้เห็นว่าความร่วมมือร่วมใจกันนั้นสำคัญกว่าการไล่ยิงไอ้นู่นที ไอ้นี่ทีร่วมกับผู้เล่นคนอื่นๆ (และไม่มีปัญหาของ A.I. ที่เจอในการเล่นคนเดียวด้วย) ถึงแม้จะออนไลน์เล่นแข่งกันเองก็ยังสนุกกว่าโหมดเล่นคนเดียวของ Resistance 2 อยู่ดีครับ
JOE: พวกคุณพูดถูกในเรื่องการเล่นหลายคน และปัญหาทางเทคนิคเวลาต้องเล่นคนเดียว พวกศัตรูที่คอยจ้องแต่จะเล่นงานคุณก็ดูเอาเป็นเอาตายเกินไป และวิธีลองผิดลองถูกกับปัญหาบางอย่างก็ดูล้าสมัยไปนิด แต่ผมคิดว่าพวกคุณลืมนึกถึงความจริงที่ว่า Resistance 2 ทำผลงานในเรื่ององค์รวมของการเล่นคนเดียวออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนกับภาคแรก บางฉากก็ออกแบบมาได้เฉียบขาด และผมชอบวิธีที่เกมกลับไปกลับมาระหว่างความโกลาหลอลม่านกับสภาพบรรยากาศเงียบงันชวนเครียด (ซึ่งก็ไม่ได้น่าสยองสักเท่าไร แต่ก็ทำให้ผมสะดุ้งได้หลายครั้งเหมือนกัน) และถึงแม้บางฉากจะดูทึมๆ ไปบ้าง แต่วิวสวยๆ อย่างภาพแรกที่เห็นซานฟรานซิสโกก็ทำให้ลืมรายละเอียดยิบย่อยที่ไม่งามตาไปเลย
จุดด้อยของเกมอยู่ที่การเล่นคนเดียว และความเยี่ยมยอดของการเล่นหลายคนก็ชวนให้น่าเล่นกว่าจริงๆ
■ ผู้จัดจำหน่าย: Sony CEA ■ ผู้พัฒนา: Insomniac ■ จำนวนผู้เล่น: 1-60 คน ■ ESRB: 17 ปีขึ้นไป
SCOOTER B+ ดี
GIANCARLO B+ ดี
JOE A ยอดเยี่ยม
ข้อดี: ช่วยกันเล่นมันส์หยด
ข้อเสีย: ลุยคนเดียวไม่มันส์เท่าไร
ทิวทัศน์: สะพานซานฟรานซิสโก สวยจริงๆ