ประเภท: THIRD-PERSON SHOOTER
ผู้พัฒนา: CRYSTAL DYNAMICS
ผู้ผลิต: EIDOS
ผู้จัดจำหน่าย: -
เครื่องที่ต้องการ: P4 3GHz, 1GB, GEFORCE 6800GT/RADEON 1800XT VIDEOCARD, 8GB HD SPACE
เครื่องที่แนะนำ: CORE 2 DUO 2.2GHz, 2GB RAM, GEFORCE 9800GT/RADEON HD 4800 VIDEOCARD, XBOX 360 GAMEPAD
จำนวนผู้เล่นสูงสุด: 1
ESRB RATING: T
สำหรับคุณผมไม่แน่ใจ แต่สำหรับผมแล้วขอพูดตามตรงว่าโดน Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull ทำให้ผิดหวังถึงขั้นหัวใจสลาย... เนี่ยนะคือสิ่งที่ผมรอมา 19 ปี? ดังนั้นหากจะมีการปัดฝุ่นหมวกสักหลาดของ ดร. โจนส์ เพื่อนำมาทำเป็นเกมอีกครั้ง ก็ควรยกให้เป็นหน้าที่ของสตูดิโอ Crystal Dynamics ในแคลิฟอร์เนีย ผู้ซึ่งชุบชีวิตให้กับซีรีส์เกมผจญภัยที่กำลังจะลงหลุมตามเกมอื่นๆ ไปขึ้นมาใหม่ด้วยผลงานอย่าง Tomb Raider: Legend รวมถึงการนำภาคต้นฉบับกลับมาทำใหม่ใน Tomb Raider: Anniversary และยังทำได้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วยการนำเสนอผลงานที่สนุกและโดดเด่นที่สุดนั่นคือ Tomb Raider: Underworld
Underworld จะเริ่มต้นขึ้นด้วยการหยิบยกเอาฉากเหตุการณ์ตอนกลางเรื่องขึ้นมา เมื่อเกิดการระเบิดซึ่งปรากฏว่าเป็นฝีมือของ Lara เองที่ลงมือทำลายทรัพย์สินส่วนใหญ่ของเธอไปพร้อมกับคฤหาสน์ตระกูล Croft แถมผู้ช่วยที่เคยภักดีอย่าง Zip ยังเปิดฉากยิงใส่เธอด้วย ก่อนที่เกมจะนำคุณย้อนกลับไปยังช่วงเวลาก่อนหน้านี้หนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเป็นตอนที่ Lara กำลังดำน้ำอยู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเพื่อค้นหาร่องรอยซึ่งนำไปสู่ที่ตั้งของ Avalon ที่พำนักฟื้นตัวของกษัตริย์ Arthur ในตำนาน (หลังต่อสู้กับ Mordred ศัตรูคู่อาฆาตที่สมรภูมิ Camlann) และยังเป็นสถานที่ซึ่ง Amanda คู่ปรับตลอดกาลของ Lara อ้างว่าแม่ของ Lara อาจยังติดอยู่ที่นั่นด้วย แต่เมื่อสืบสาวราวเรื่องไป Lara จะได้พบกับปริศนาลึกลับที่ยังไม่ได้รับการแก้ที่พ่อของเธอทิ้งเอาไว้ ซึ่งนำเธอไปสู่การค้นหาศาสตราวุธของเทพเจ้า Thor ผ่านประเทศไทย, เม็กซิโกตอนใต้, ป้อมปราการในทะเลอาร์กติก และแม้แต่พื้นที่ส่วนลึกที่ยังไม่เคยถูกค้นพบในคฤหาสน์ตระกูล Croft เอง
มีองค์ประกอบต่างๆ มากมายในเกมที่ช่วยส่งเสริมคุณสมบัติด้านต่างๆ ทำให้ Underworld ดูตื่นตาและน่าหลงใหลทั้งในเชิงรูปธรรมและความรู้สึกที่เหนือกว่า Tomb Raider ทุกภาคที่เคยมีมาก่อนหน้าอย่างมาก ตัวอย่างเช่น ลีลาการเคลื่อนไหวของ Lara ที่เคยลื่นไหลงดงามอยู่แล้วใน Legend ในตอนนี้ยิ่งดูราวกับการเต้นบัลเลต์ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เธอโหนตัวอยู่อย่างน่าหวาดเสียวบนยอดเสา หรือระหว่างพยายามรักษาการทรงตัวเมื่อเดินบนทางแคบ (เป็นความสามารถใหม่ในภาคนี้) เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่จะค่อยๆ เปรอะเปื้อนฝุ่นดินโคลน เมื่อเธอปีนป่ายขึ้นตามรูปปั้นหรือมุดเข้าตามซอกหลืบต่างๆ และในสภาพอากาศที่ร้อนชื้นคุณก็จะได้เห็นประกายจากเหงื่อบนผิวหนังและจะค่อยๆ ซึมผ่านทำให้เสื้อผ้าเปียกแฉะ (จึงไม่น่าแปลกที่เธอจะสวมกางเกงแสนสั้นกับเสื้อตัวจิ๋ว)
ส่วนการควบคุมด้วยคีย์บอร์ดและเมาส์ก็ทำงานได้อย่างดียิ่ง ซึ่งยินยอมให้คุณตั้งค่าปุ่มที่ต้องการได้ แต่ก็ยังไม่อาจเทียบได้กับความรู้สึกของการควบคุมแบบอนาล็อกที่ได้จากเกมแพดซึ่งพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องการให้ Lara กระโดดถอยหลังจากขอบผนังไปยืนบนพื้นที่แสนแคบที่อยู่ด้านหลังเธอในทิศ 4 นาฬิกา
แต่ปริศนาในเกมต่างหากที่ยกระดับ Underworld สู่มาตรฐานใหม่ ซึ่งมันทั้งยิ่งใหญ่, ชาญฉลาด และท้าทาย จนคุณต้องถอยออกมามองมันด้วยความชื่นชมก่อนที่จะลงมือพิจารณาและแก้ปริศนาในแต่ละส่วนของมันอย่างจริงจัง ตัวอย่างเช่น ปริศนาที่คุณต้องเผชิญหน้ากับหนวดของ Kraken ที่ปัดป่ายไปรอบเสาหินต่างๆ ในถ้ำใต้ดิน หรือปริศนาที่เกี่ยวกับเงาที่เกิดขึ้นจากเตาหลอม
Underworld ยังมีรูปแบบการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นกับเหล่าสัตว์ร้ายและอสูรที่ชาญฉลาด (รวมถึงพวกโครงกระดูกที่ต้องทำให้มันแตกละเอียดก่อนที่มันจะคืนชีพขึ้นมาใหม่) ที่มีพฤติกรรมออกล่าเป็นฝูง แต่การรับมือกับสัตว์สองเท้าหรือพวกศัตรูที่เป็นมนุษย์ยังคงไม่น่าประทับใจเช่นเดิม Crystal Dynamics เองดูเหมือนจะยอมรับถึงจุดอ่อนของฉากหนึ่งที่เกือบทำให้ผู้เล่นรู้สึกดูถูกตัวเองด้วยการให้ Lara ใช้อาวุธทรงอานุภาพไล่บดขยี้พวกศัตรูราวกับเป็นมดปลวก อย่างไรก็ตามมีการต่อสู้กับศัตรูที่เป็นมนุษย์น้อยมากในเกมนี้เมื่อเทียบกับภาคอื่นๆ ก่อนหน้า และระหว่างการยิงปะทะกันอย่างหนัก Lara สามารถใช้ท่ากระโดดข้ามกลุ่มศัตรูแบบสโลว์โมชั่น ซึ่งทำให้มีโอกาสยิงหัวสังหารแต่ละเป้าหมายในนัดเดียวได้
เรื่องราวเป็นไปตามแบบฉบับคลาสสิกของ Tomb Raider ซึ่งเป็นการผสมผสานกันระหว่างตำนานซึ่งเป็นที่คุ้นเคยกับพวกเหล่าร้ายตามแบบฉบับ ซึ่งโครงเรื่องได้รับการวางให้เข้ากับเรื่องราวของตระกูล Croft อย่างดี นอกจากนั้นยังมีสิ่งที่เหนือความคาดหมายแทรกอยู่ มีเหตุการณ์ที่เขย่าขวัญอย่างแท้จริง รวมถึงศัตรูตัวฉกาจของ Lara ในอดีตอีกสองสามคนเพื่อทำให้ดูมีความเชื่อมโยง เพราะสาวน้อยของเราเป็นบุคคลที่มีภูมิหลังโชกโชนไม่น้อย ที่สำคัญกว่านั้นคือการดำเนินเรื่องที่หนักแน่นและสมเหตุสมผลเพียงพอที่จะทำให้ความอดทนและความทุ่มเทที่ใช้ไปในการสำรวจนั้นได้รับผลตอบแทนอันคุ้มค่าครั้งแล้วครั้งเล่าจากเหตุการณ์ที่ไม่อาจลืมได้ลง ไม่ว่าจะเป็นมุมกล้องที่ติดตาม Lara ผ่านใต้ท้องน้ำ การผลักเฟืองขนาดครึ่งตันให้เข้าที่ใต้ผืนน้ำ หรือโหนตัวข้างเสาหินที่สูงหลายร้อยฟุตจากเบื้องล่างที่มีแต่ความมืด โดยที่มีเสียงประกอบอันยอดเยี่ยมช่วยเร้าความรู้สึกของผู้เล่นให้ตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีก
แต่ก็มีสิ่งที่น่าขัดใจและมุมกล้องที่ติดขัดบ้างเป็นครั้งคราว อย่างเช่น ลำดับของปริศนาใน Xibalba ที่ดูไม่ค่อยถูกกาลเทศะและไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับเรื่องราวของวงล้อมแห่งความน่าสะพรึงที่มีอยู่ในบันทึก Popol Vuh (บันทึกการประชุมของพวกชนเผ่ามายัน) จนเกือบทำให้ Underworld สูญเสียตำแหน่ง Editors’ Choice ของเราไป แต่เมื่อผมไปจนถึงฉากจบอันสุดยอด ผมได้รับประสบการณ์น่าประทับใจอย่างที่ผมเคยคาดหวังว่าจะได้รับจาก Crystal Skull ถึงกว่า 14 ชั่วโมง
แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับคุณว่าชอบที่จะนั่งชมฉากบิดฮาเลย์ผ่านมหาวิทยาลัย Yale (อ้างอิงจากภาพยนตร์เรื่อง Indiana Jones) อยู่บนโซฟานุ่มๆ หรือเลือกที่จะซิ่งมอเตอร์ไซค์ฝ่าวิหารมายันพร้อมๆ กับเหวี่ยงค้อนของเทพเจ้า Thor อัดไอ้หน้าไหนก็ตามที่มันพยายามจะฆ่าคุณ?
ท่วงท่าแห่งการสังหารด้วย ADRENALINE HEADSHOT
- เมื่อไอคอน Lara ด้านซ้ายบนเป็นสีเหลือง หมายถึงระดับอะดรีนาลินขึ้นถึงระดับสูงสุด
- ซึ่งทำให้เธอสามารถกระโดดขึ้นเหนือหัวศัตรูได้โดยมีการแสดงภาพแบบสโลว์โมชั่นได้
- ระหว่างลอยตัวนั้นจะสามารถบังคับเป้าเล็งเพื่อยิงหัวสังหารศัตรูได้