Fallout 3 : คืนสู่เหย้า... ดินแดนแห่งความล่มสลาย

แชร์เรื่องนี้:
Fallout 3 :  คืนสู่เหย้า... ดินแดนแห่งความล่มสลาย

ประเภท: ROLE-PLAYING GAME
ผู้พัฒนา: BETHESDA GAME STUDIOS
ผู้ผลิต: BETHESDA SOFTWORKS
เครื่องที่ต้องการ: P4 2.4GHZ, 1GB RAM, GEFORCE 6800/RADEON X850, 6GB HD SPACE
เครื่องที่แนะนำ: DUAL-CORE CPU, 2GB RAM, GEFORCE 9800GT/RADEON 4850 MAX
จำนวนผู้เล่นสูงสุด: 1
ESRB: M

     การที่ผู้พัฒนาเจ้าหนึ่งถือลิขสิทธิ์แฟรนไชส์เกมชื่อดังอยู่ในมือเพื่อสานต่อภาคถัดมา จัดเป็นเรื่องได้เปรียบและน่าหนักใจไปพร้อมกัน เมื่อครั้ง Bethesda ป่าวประกาศแผนการสร้าง Fallout 3 ถือว่าเสี่ยงต่อการถูกเยาะหยันจากสาวกของซีรีส์เป็นอย่างยิ่ง แฟนพันธุ์แท้เหล่านั้นยังคงยึดติดอยู่กับระบบสร้างตัวละครอันเข้มข้น บทต่อสู้แบบผลัดตาเดิน และโลกมุมมองเฉียงด้านบน แต่ถ้าจะกล่าวหาว่า Fallout 3 เป็นแค่ Mod ของ Oblivion ผลงานดังกระฉ่อนก่อนหน้าจาก Bethesda ก็คงจะดูถูกกันเกินไป เพราะ Fallout 3 ถูกขัดเกลาอย่างชาญฉลาดจนกลายเป็นผู้สืบทอดจิตวิญญาณทั้งบรรยากาศและเนื้อหาซีรีส์อย่างแท้จริง

     สิ่งที่ Bethesda ทำได้ดีเสมอมาคือ "การสร้างโลกเกม" ครั้งนี้ก็เช่นกัน พวกเขาสามารถนำดินแดนในตำนาน Fallout กลับมาได้อย่างสมจริงตระการตา ถึงแม้ผมชื่นชอบมุมมองเฉียงด้านบนจากสองภาคก่อนหน้า ทว่ามุมมองด้านหน้าที่คุ้นตาในเกมปัจจุบันกลับให้สเกลกว้างไกล ส่งผลกระทบต่ออารมณ์เดือดในโลกหลังยุคหายนะจากสงครามนิวเคลียร์ล้างโลกได้ถึงพริกถึงขิง ขณะที่หลายคนติติงว่า Oblivion มีภูมิประเทศเป็นป่าเขาดูคล้ายคลึงกันไปหมด สิ่งแวดล้อมใน Fallout 3 กลับหลากหลายและน่าสนใจกว่า มีทั้งฉากกรุง Washington, D.C. ในสภาพพินาศยับ รวมถึงสถานที่สำคัญอื่นๆ ที่คงเค้าลางของสังคมอุตสาหกรรมให้เห็น บรรดาตัวละคร NPC ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ตามแหล่งชุมชนห่างไกลกันแต่ละแห่งต่างมีที่อยู่เป็นเอกลักษณ์และกิจวัตรเป็นส่วนตัว (แต่ข้าวของเครื่องตบแต่งหลายชิ้นอาจจะไม่ถูกรสนิยมคุณ) พวกเขายังถูกโปรแกรมให้ฉลาดล้ำกว่า Oblivion เนื่องจากอานิสงส์ของระบบ Radiant AI ฉบับปรับปรุง

     ขณะที่ Fallout สองภาคก่อนหน้าสอดแทรกด้วยเรื่องตลกโปกฮาไม่ขาดตอน Fallout 3 กลับมีมุกจืดๆ อยู่ไม่กี่แบบ อย่างเช่น ใช้อาวุธเรียกว่า Rock-it Launcher ซึ่งเป็นอาวุธที่ใช้ขยะกระป๋องหรือตุ๊กตายิงใส่ศัตรู เนื้อหาส่วนใหญ่ที่เหลือเป็นการเดินเรื่องอย่างทื่อๆ ไร้อารมณ์ขัน ทว่ามันถูกทดแทนด้วยความพิถีพิถันแทบทุกรายละเอียดความเป็นไปได้ในโลกอเมริกันชนที่ถูกถล่มจนเหลือแค่ซาก ตั้งแต่เทคโนโลยีซึ่งดูเหมือนจะหยุดนิ่งตั้งแต่ยุค 1950 อาหารที่พวกเขารับประทาน ของเล่นที่พวกเขาใช้เพื่อความบันเทิง ศิลปะที่พวกเขาสรรค์สร้าง จนไปถึงเรื่องราวที่ค่อยๆ เปิดเผยทีละน้อยในช่วงสงครามนิวเคลียร์กับจีนผ่านทางสื่อโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง บรรยากาศล่มสลายแห่งอารยธรรมโลกใน Fallout 3 ปลุกเร้าจนผู้เล่นรู้ซึ้งถึงมหันตภัยที่คุกคามมวลมนุษยชาติได้ถึงขีดสุด

โลกแห่งความเจ็บปวด

     Fallout 3 มาพร้อมกับระบบต่อสู้เรียกว่า VATS ทำหน้าที่จำลองและประมวลผลการต่อสู้แบบผลัดตาเดินซึ่งเคยมีมาในซีรีส์ก่อนหน้าให้กลายเป็นรีลไทม์ด้วยภาพเคลื่อนไหวราวภาพยนตร์ บรรดาอาวุธมีตั้งแต่ Assault Gun และปรมาณูแบบพกพา (ซึ่งหาได้ยากมาก) คุณสามารถเลือกเน้นฝึกทักษะต่อสู้แต่ละสาขาได้ตั้งแต่เริ่มเกม รวมถึงอาวุธระยะประชิด (ซึ่งไม่น่าสนใจเท่าไหร่) ทั้งชุดเกราะและอาวุธมีการเสื่อมประสิทธิภาพ จำเป็นต้องซ่อมบำรุงเป็นระยะๆ จัดเป็นความคิดที่ดีช่วยสร้างสมดุลป้องกันไม่ให้ผู้เล่นได้ใช้ไอเทมชั้นดีอย่างสะดวกสบายตั้งแต่เนิ่นๆ ส่วนฟีเจอร์ไม่เข้าท่าใน Oblivion "ความเก่งกาจของศัตรูแปรผันตามเลเวลผู้เล่น" (มอนสเตอร์ประเภทเดียวกันกระจอกงอกง่อยในช่วงต้น พอถึงกลางเกมกลับแข็งขึ้นจนน่าตลก) ถูกปรับแต่งจนสมจริงกว่าเดิมมาก ถ้าไม่เชื่อลองแวะเยือน Washington, D.C. ในช่วงเริ่มต้นเกมดูสิ คุณไม่แปรสภาพเป็น "เนื้อย่าง" ก็เหลือเชื่อแล้ว

      เกมการเล่นให้ความยืดหยุ่นทั้งการสร้างปฏิสัมพันธ์กับตัวละครและทำเควสต์ คุณสามารถสังหารใครก็ได้เกือบทุกคนในเกม, Bethesda ลงทุนละทิ้งระบบพัฒนาตัวละครใน Elder Scrolls หันมาใช้ระบบ SPECIAL ของ Fallout ภาคต้นตำรับ (มีการปรับแต่งบ้างเล็กน้อย อย่างเช่น Trait หลายประเภทถูกนำมากระจายใส่ลงใน Perk ให้คุณเลือกฝึกเมื่อก้าวสู่เลเวลที่สูงขึ้น) ช้อยส์สนทนาพิเศษจะปรากฏเป็นออพชั่นก็ต่อเมื่อคุณมีค่าสถิติ ทักษะ หรือคุณสมบัติบางอย่างสูงพอ ซึ่งนำไปสู่การหลีกเลี่ยงการใช้กำลังหรือข้ามขั้นตอนงานที่ต้องทำ แทบทุกเควสต์มีหนทางแก้ไขปัญหามากกว่าสองวิธี คุณอาจจะใช้ทักษะสะเดาะกุญแจเข้าสู่เส้นทางลัด หรือแฮ็กคอมพิวเตอร์หากทักษะด้านวิทยาศาสตร์สูงพอ (ทั้งสองแบบนำสู่มินิเกมซึ่งเล่นสนุกกว่า Oblivion แต่จะได้รับโอกาสทดลองหรือไม่นั้น อยู่ที่ขั้นทักษะของคุณ) นอกจากนั้นแต่ละเควสต์ยังถูกออกแบบมาอย่างดีหลากหลายแนว เช่น คุ้มครองความปลอดภัยกองคาราวาน ช่วยเด็กจากแคมป์ที่มีการคุ้มกันหนาแน่น จูงใจชายผู้ตั้งใจบวชตลอดชีวิตให้แต่งงานกับสาวนางหนึ่ง ฯลฯ

เหตุย่อมทำให้เกิดผล

     แม้หนทางเลือกเล่นในบางเควสต์จะส่งผลกระทบต่อโลกเกมอย่างใหญ่หลวง อย่างเช่น ระเบิดเมืองทั้งเมืองทิ้ง หรือรับช่วยงานตัวละคร NPC คนสำคัญในแบบผิดๆ ทว่าผลของการกระทำส่วนมากแล้วกลับไม่ปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรม (เว้นแต่รับแต้มความดี-ชั่ว Karma และปฏิกิริยาจาก NPC ทั่วไป) หากคุณปล่อยให้มอนสเตอร์สุดโหดรอดชีวิตไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเพราะรักตัวกลัวตายหรือไม่ใส่ใจกับมัน สิ่งที่ตามมาภายหลังกลับดูเหมือนว่าไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น ช่างเป็นเรื่องน่าผิดหวังสุดๆ แต่สาเหตุหนึ่งอาจจะเป็นเพราะระบบสุ่มสร้างการเผชิญเรื่องราวในเกมทำออกมาได้อย่างแนบเนียนกลมกลืนจนทำให้เราไม่รู้สึกว่าการตัดสินใจที่เราได้ทำไปก่อนหน้านั้นได้สร้างผลกระทบให้เห็นแล้วในภายหลัง กระนั้นจุดเด่นของเกมยังคงอยู่ที่ช้อยส์ทางเลือกเล่น (แม้จะไม่ส่งผลกระทบภายหลังดังที่กล่าวไป) ซึ่งมีให้ลองหลายวิธี ทำให้ Fallout 3 เป็นเกมสวมบทซึ่งลุ่มลึกคุ้มค่าต่อการเล่นซ้ำหลายรอบ สำหรับโลกเกมหลังหายนะแห่งนี้ การผจญภัยสำคัญกว่าจุดหมายปลายทาง

     "ปลายทางที่ว่า" ออกจะน่าผิดหวัง เพราะองค์ประกอบที่บกพร่องที่สุดของ Fallout 3 อยู่ตรงเนื้อเรื่องหลัก มันวางเป้าหมายสูงสุดในตอนแรกคือความสมดุลในเนื้อหา แต่สิ่งที่เรารู้สึกได้คือระหว่างทางสู่เป้าหมาย ทางทีมงานกลับต้องมีการยอมเสียสละบางสิ่งบางอย่างไป อาทิ บางจังหวะ (แม้จะน้อยครั้ง... แต่ก็มี) เกมไม่อนุญาตให้คุณเดินสำรวจตามสถานที่ซึ่งรู้สึกเหมือนว่ายังมีอะไรแอบซ่อนอยู่ หรือถ้าคุณไม่สวมบทบาทตัวละครที่มีจิตใจโหดเหี้ยม คุณอาจจะไม่เคยสังเกตเลยว่าเด็กๆ ในเกมเป็นอมตะ นอกจากนั้นก็ยังมี NPC อีกหลายตัวฆ่าไม่ตาย เช่น สมาชิกของ Brotherhood of Steel ซึ่งจริงๆ แล้วเราน่าจะสามารถกำจัดพวกเขาได้ สิ่งที่น่าขัดเคืองใจที่สุดคือตัวละครคนสำคัญซึ่งโผล่มาตอนท้ายเรื่อง ผู้มี "พลังพิเศษ" ส่งผลต่อฉากจบของเกม กลับกลายเป็นว่าเขาปฏิเสธจะใช้พลังที่ว่าซะงั้น อาจจะเป็น "มุกตลกร้าย" ที่ทำให้ผู้เล่นเสียเวลาและอารมณ์ไปพร้อมกัน

      เช่นเดียวกับ Fallout ภาคก่อนหน้า Fallout 3 มาพร้อมกับปัญหาทางเทคนิค เกมล่มแฮงค์กับเครื่องพีซีสามรุ่นสามระบบที่ผมเล่น (พบไม่บ่อยนัก แต่ Bethesda คงต้องรีบเร่งแก้ไขในเรื่องไดรเวอร์โดยด่วน), บางครั้งสคิปต์สนทนาปรากฏให้เห็นก่อนเหตุการณ์ในเกมจะเกิด, บรรดาตัวละคร NPC เลือกใช้เส้นทางเดินไม่ฉลาด... ถึงกระนั้น Fallout 3 ยังคงจัดเป็นผู้สืบสานตำนานเกมชั้นครูได้อย่างถึงแก่นในหลายแง่มุม เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ดำดิ่งสู่ความลึกซึ้งแห่งเกมสวมบทบาท ผนวกเข้ากับความชำนาญในการสร้างโลกเกมที่สมจริงของ Bethesda และระบบการต่อสู้ VATS อันเลื่องชื่อฉบับปรับปรุง ทั้งหมดทำให้ Fallout 3 คือทริปการผจญภัยซึ่งไม่ธรรมดา คุ้มค่าแก่การติดตาม

ต้องการทำร้ายส่วนไหนของศัตรู?

     VATS (Vault-Tech Assisted Target System) คือระบบ "หยุดเกม" ขณะต่อสู้ในแบบรีลไทม์เพื่อให้คุณเล็งเป้าด้วยปืนไปยังจุดต่างๆ ตามร่างกายฝ่ายตรงข้าม (น่าผิดหวังที่ระบบนี้ใช้งานไม่ได้กับอาวุธระยะประชิดหรือระเบิด) โดยมีปัจจัยกำหนดเรียกว่า Action Point (ขึ้นกับค่าสถิติและความสามารถพิเศษบางอย่าง ทิ้งช่วงเวลาไม่นานนักค่า AP จะฟื้นกลับเต็มอัตโนมัติ) ถ้าทำสำเร็จเกมจะตัดเข้าสู่ภาพสโลโมชั่นในมุมกล้องที่ถูกสุ่มเลือก หากยิงถูกเข้าอย่างจังคู่ต่อสู้จะเลือดทะลักอวัยวะฉีกกระจาย, โดนแขนจะส่งผลให้การออกอาวุธขาดความแม่นยำ หรืออาวุธหลุดมือ, โดนขาทำให้ศัตรูเคลื่อนไหวไม่สะดวก ถ้าเจาะเข้ากะโหลกจะทำให้มึนงงชะงักงันหรือถึงตาย แม้ผลที่ออกมาไม่ได้มีหลากหลายลีลา และไม่สะใจรุนแรงเพียงพอสำหรับอาวุธด้อยประสิทธิภาพอย่างเช่น Pistol, BB Gun หรือหมัดดุ้นๆ แต่โดยรวมแล้วระบบ VATS ยังคงสร้างความพึงพอใจแก่ผู้เล่นได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของศัตรูไม่ได้ถูกควบคุมด้วยระบบ VATS อย่างเช่น การใช้ปืนช็อตกัน ซึ่งให้ผลวงกว้างจะถูกคำนวณในแบบรีลไทม์ แต่พวกมันได้รับประโยชน์บางอย่างจากระบบ VATS ซึ่งเกมจะคิดผลให้ในแง่ของ Critical Hit (โอกาสที่จะทำร้ายผู้เล่นได้แบบจังๆ) และทำให้คุณเชื่องช้าลง ดังนั้นหากไม่จำเป็น อย่าแลกกับศัตรู
จำนวนครั้งการยิงในระบบ VATS ขึ้นกับขีดสีเขียวบนแถบบาร์ Action Point (ซึ่งผูกติดกับค่าสถิติ Agility) ส่วน CND แสดงถึงการเสื่อมสภาพของอาวุธในมือคุณ ควรซ่อมบำรุงอาวุธสม่ำเสมอเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ