Wolfenstein : Willkommen zurück zu Schloss Wolfenstein, Soldat! [ขอต้อนรับกลับสู่ปราสาท Wolfenstein, ทหารหาญ!]

แชร์เรื่องนี้:
Wolfenstein : Willkommen zurück zu Schloss Wolfenstein, Soldat! [ขอต้อนรับกลับสู่ปราสาท Wolfenstein, ทหารหาญ!]

     แม้จะผันผ่านไปเจ็ดปีเต็ม แต่ความขัดแย้งแห่งมหาสงครามภาคพื้นยุโรปและพลังแห่งลัทธิเหนือธรรมชาติภายใต้ความอหังการ์แห่งนาซียังคงคุกรุ่นพร้อมปะทุเผาผลาญให้พื้นพิภพลุกเป็นไฟ มาในคราวนี้ id Software และค่ายลูกยอดฝีมืออย่าง Raven Software พร้อมแล้วที่จะนำคุณกลับเข้าสู่การผจญภัยครั้งใหม่แห่งซีรีส์ Wolfenstein!

     ว่ากันโดยสัตย์จริง ถ้าหากเราย้อนกลับมาพิจารณาประเภทของเกมในสารบบวงการที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนั้นเราจะพบว่า ท่ามกลางความหลากหลายคลาคล่ำอันมากมายประดามีที่เกิดขึ้น เกมแนว First Person Shooter หรือเกมแนว ‘เดินหน้าแล้วล่ายิง’ ดูจะเป็นแนวเกมที่มีให้เห็นกันอยู่อย่างหนาตา และเป็นประหนึ่งเสาหลักของวิวัฒนาการทางการพัฒนาเกมมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่พะบู๊สะบั้นหั่นแหลกอย่าง Crysis, Doom และ Quake Series, ผจญภัยใต้ทะเลลึกอย่าง Bioshock, โลกแห่งทฤษฏีสมคบคิดของ Deus Ex จนถึงดาบและเวทย์มนตร์ใน Might and Magic: Dark Mesiah
แต่จะมีสักกี่คน ที่จดจำ ‘ตำนานเริ่มแรก’ ของมันได้?

ต่อให้มีเงินมากขนาดไหน คุณคงหาเล่นเกมนี้ไม่ได้ง่ายๆ แน่นอน

     ลองหลับตาแล้วนึกภาพตามกันดู…ในยุคสมัยที่ความสวยงามทางกราฟิกยังคงเป็นศูนย์ ความหลากหลายในเกมการเล่นไม่มีอะไรมากไปกว่าเดินหน้ายิง เก็บกระสุนและกล่องพยาบาล และหาทางออกจากเขาวงกตที่อุดมไปด้วยพิกเซลต่ำหยาบในทุกระนาบอณู ที่ๆ ทุกย่างก้าวของคุณจะต้องเผชิญหน้ากับกองทัพนาซีนานาชนิด ตั้งแต่พลทหารต่ำชั้น สุนัขไล่ล่า พลปืนกล จนถึงสุดยอดทหารพันธุวิศวกรรมหลุดโลก ที่ๆ ความอ่อนด้อยและความตกยุคของเทคโนโลยีเกม สามารถรีดเร้นเอาความตื่นระทึก และขยี้หัวใจผู้เล่นได้อย่างง่ายดายท่ามกลางหยาดโลหิตเปื้อนหน้าจอยามวาระสุดท้ายกรายเข้ามาได้ชะงัดเสียยิ่งกว่าความโฉ่งฉ่างระเบิดภูเขาเผากระท่อมที่เป็นอยู่ในปัจจุบันหลายสิบ หลายร้อยเท่า...

     เปล่าครับ...ผมไม่ได้พูดถึงซีรีส์ Medal of Honor::Allied Assault ที่ล้อมากับกระแสหนัง Saving Private Ryan และปลุกกระแสเกมแนวสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่อย่างใด...

มันเก่ากว่า Duke Nukem 3D

ลึกลับกว่า Quake

และคลาสสิคยิ่งกว่า Doom

มันคือโคตรคุณปู่ผู้ให้กำเนิดเกมแนว FPS ทั้งปวง...

 Wolfenstein

ภาพแบนๆ แบบนี้แหละถือว่าสุดยอดแล้วในยุคนั้น

ห้วงเวลาแห่งอดีตกาล...

      จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ด้วยสถานะโปรเจกต์ภาคต่อของเกมแนวเดินหน้าลุย 2D Platformer ในชื่อเดียวกันของค่ายพัฒนาเกมอินดี้ id Software กับการผจญภัยของ William Joseph “BJ” Blazkovicz สายลับแห่ง OSA ผู้เข้าต่อกรกับกองทัพนาซีวิปริต ที่หวังสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการ ไม่อาจมีใครู้ได้เลยว่า ในเวลาอีก 20 ปีให้หลัง มันจะกลายเป็นสารัตถะใหม่ที่ทั้งโลกจะต้องจดจำ และได้ร่วมเฉลิมฉลองไปแล้วในปี 2001 กับภาคต่อของ Wolfenstein 3D อย่าง Return to Castle Wolfenstein ที่กลับมาอีกครั้งด้วยเนื้อหาสุดเฉียบ กราฟิกแสนงามล้ำสมัย (กับเอฟเฟกต์เปลวไฟที่ลุกไหม้ยากจะหาเกมใดมาต่อกร) และเกมการเล่นทั้งในแบบ Single และ Multiplayer ที่ได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดี ได้ใจนักเล่นทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ไปตามๆ กัน (กับ Wolfenstein: Enemy Territory ที่พัฒนาต่อมาจนเป็น Enemy Territory: Quake Wars เมื่อปีที่ผ่านมา) แต่กระนั้น...
ยังมีสักกี่คน ที่ยังจดจำ ‘ตำนานโคตรคุณปู่’ ผู้นี้ได้?

      ท่ามกลางความหลากหลายของเกมแนว FPS ที่อิงพื้นหลังแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ชิ้นงานจำนวนมากถูกวางจำหน่ายปรากฏแก่สายตาของนักเล่นมานักต่อนัก และความล้ำยุคล้ำสมัยทางการเล่นและเทคโนโลยีแห่งยุค Next-Gen ก็ทวีความสุดยอดขึ้นไปทุกขณะ จนอาจจะเรียกได้ว่า อะไรที่เคยใหม่ในวันวาน ก็อาจจะไม่หวานล้ำเสียแล้วเมื่อมาถึงยุคสมัยนี้ แต่สุดยอดตำนาน ย่อมไม่จางหายไปกับกาลเวลาง่ายๆ...

     จากวันนั้นจนถึงวันนี้ หลังการวางจำหน่าย RTCW ในปี 2001 เจ็ดปีเต็ม หลังจากกระแสข่าวลือมาอย่างหนาหู ในที่สุด จากงาน Quakecon 2008 ครั้งล่าสุด หลังจากการเปิดตัว Rage และ Doom4 ที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา (ด้วยเอนจิ้น id Tech 5) ทั้ง id Software, Raven Software และ Activision ก็ได้เบิกม่านการผจญภัยครั้งใหม่ของตำนานแห่งเกม FPS ที่พร้อมจะยกเครื่องทั้งในส่วนของเกมการเล่น กราฟิก ระบบ เพื่อให้เดินหน้าไปสู่ ‘ยุคสมัยใหม่’ ได้อย่างเต็มภาคภูมิ…

เมื่อวังวนแผนร้ายค่อยๆ แผ่ปีกสยาย…

เมื่อกลิ่นคาวเลือด และความตาย… ย่างกรายเข้ามา

เมื่อศาสตร์คุณไสยลึกลับ กับอหังการ์แห่งนาซี รวมกันเป็นหนึ่ง...ก่อหายนะทุกหย่อมหญ้า

เมื่อนั้น มันคงเป็นสัญญาณที่ดี ที่เราจะต้องตบเท้ากลับเข้าไปสู่สมรภูมิสะท้านพิภพอีกครั้ง ขอต้อนรับทุกท่านสู่...Wolfenstein

Operation Black Sun:: ยุทธการณ์ ‘อาทิตย์ทมิฬ’

     คศ.1943 ไฟสงครามแห่งภูมิภาคยุโรป ที่รู้จักกันในนาม World War 2 ยังเดือดระอุ แม้ผลการสู้รบของกองทัพแห่งอาณาจักรไรช์ที่ 3 หรือที่รู้จักกันในนาม ‘นาซี’ จะส่อเค้าลางแห่งความปราชัย และกองทัพสัมพันธมิตรเริ่มรุกคืบและได้ชัยชนะจากสมรภูมิต่างๆ มากขึ้นเป็นเงาตามตัว

     ในขณะเดียวกัน William Joseph ‘BJ’ Blazkowicz พลทหารพรานสังกัด Office of Secret Action (OSA) ผู้ผ่านงานสืบราชการลับมาเป็นระยะเวลายาวนาน หลังจากทำลายล้างแผนการณ์ปลุกชีพผีดิบ Heinrich I กษัตริย์จอมทัพแห่งอาณาจักร Saxon ของกองทัพนาซีจนสิ้นซาก (เหตุการณ์ในภาค Return to Castle Wolfenstein) เขาได้รับคำสั่งจากหน่วยเหนือให้เดินทางไปยัง Isenstadt เมืองชายขอบของประเทศเยอรมนี เพื่อหาทางติดต่อกับ Kreisau Circle กองกำลังปลดปล่อยท้องถิ่น เพื่อประสานกำลัง และหาทางปิดฉากมหาสงครามอันยาวนานราวกับฝันร้าย และปิดฉากความทะเยอทะยานของกองทัพนาซีให้หมดสิ้นไปตลอดกาล

นายทหารนาซีคนนี้ มัวแต่พะวงกับเป้าที่อยู่ตรงหน้า (แต่เปิดด้านขวาไว้โล่งเชียว) 

     แต่ความพยายามของ ‘ท่านผู้นำ’ แห่งพรรคนาซีอย่าง Adolf Hitler ยังคงไม่จบสิ้นลงง่ายๆ เมื่อกองกำลังนาซี ได้ค้นพบไสยศาสตร์โบราณที่จะรุกล้ำเข้าในแหล่งพลังงานลึกลับที่เรียกขานกันว่า ‘อาทิตย์ทมิฬ (Black Sun)’ ที่อุดมไปด้วยพลังงานและทรัพยากรมากเพียงพอที่จะให้นาซีสามารถพลิกสถานการณ์การรบให้แต้มต่อกลับมาอยู่ที่ฝ่ายตนได้ไม่ยาก

     ทั้งหมด ราวกับการขีดชี้นำของโชคชะตา ด้านหนึ่งคือ BJ Blazkowicz สายลับมือฉมังผู้ต่อกรกับเรื่องราวเหนือธรรมชาติในสมรภูมิมานักต่อนัก อีกด้านหนึ่งคือกองทัพนาซี ที่ยังไม่เคยละความพยายามในการยุ่งเกี่ยวกับศาสตร์ลึกลับเพื่อสนองกับความทะยานอยากแห่งชัยชนะของตนต่อกองทัพสัมพันธมิตร และโลกทั้งใบ

สมรภูมิแห่งเมือง Isenstadt ที่ปะทุเป็นไฟจากการยาตราทัพของนาซี

     และนาฏกรรมแห่งความขัดแย้งเหล่านี้ กำลังจะเกิดขึ้น ในเมือง Isenstadt ที่ไม่ใช่เรื่องราวเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป แต่หมายถึงทุกคน จะต้องมาเกี่ยวข้องกับความหายนะที่กำลังจะก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ใต้ฟากฟ้าอาทิตย์ทมิฬ

     แล้วคุณล่ะ? พร้อมหรือยัง กับการผจญภัยเหนือธรรมชาติครั้งใหม่นี้?

เปิดกว้าง มากมาย ในทางเลือก

     เป็นที่แน่นอนแล้วในงาน Quakecon 2008 ที่ผ่านมา ที่ Wolfenstein ตำนานแห่งเกมเดินหน้ายิง FPS จะกลับมาอีกครั้งในรูปโฉมใหม่ แน่นอน นี่เป็นข่าวที่ไม่น่าจะประหลาดใจเท่าใดนัก เพราะกลุ่มแฟนๆ ที่เหนียวแน่นกับซีรีส์ดังกล่าวมาเป็นเวลาอย่างยาวนานก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก และมีการเรียกร้องให้สร้างภาคต่อมาโดยตลอด (นับตั้งแต่การกลับมาในภาค Return to Castle Wolfenstein) ซึ่งมาในคราวนี้ ทาง id Software ได้ฝากฝังชิ้นงานไว้กับทีม Raven Software ที่เคยผ่านงาน FPS ชิ้นเยี่ยมอย่าง Soldier of Fortune ทั้งสองภาค, Star Trek: Elite Force ทั้งสองภาค, Jedi Knight 2: Jedi Outcast, Jedi Academy จนถึง Quake 4 และขับเคลื่อนด้วยเอนจิ้น id Tech 4.5 ที่ได้รับการยกเครื่องรีดประสิทธิภาพจนถึงขีดสุด (เพราะ id Tech 5 ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาเพื่อใช้กับ RAGE และ Doom 4) ผลที่ได้ คือคุณภาพกราฟิก และเอฟเฟกต์ภายในเกมที่สวยงาม ลึกลับ ไม่ต่างอะไรกับความประทับใจที่ได้จากเอฟเฟกต์ประกายไฟในภาค RTCW เลยแม้แต่นิด

ดูเผินๆ แล้วไม่น่าเชื่อว่าเอนจิ้น id Tech 4.5 ที่เคยขับเคลื่อน Quake4 มาก่อน
จะสามารถรีดเร้นประสิทธิภาพของกราฟิกและแสงเงาได้สวยงามสมจริงดังที่เห็น

     แต่กระนั้น เมื่อพิจารณาจากรูปแบบเกมการเล่นหลักๆ ที่เคยมีมาก็จะพบว่า การเดินไปตามทางเขาวงกตปิดตาย และเดินหน้ายิงทุกอย่างที่ขวางหน้าแบบไม่คิดชีวิตนั้น ค่อนข้างจะเก่าเก็บและไม่อาจเทียบได้กับสิ่งใหม่ๆ ที่ชิ้นงานแห่งยุคสมัย Next-Gen ได้มอบเอาไว้ อย่างนั้นแล้ว จะทำอย่างไร?
ใส่ทางเลือกเข้าไปสิ…

     “เนื่องด้วยที่ว่า เขา (BJ) ได้เข้าร่วมกับกองกำลัง Kreisau Circle เพื่อต่อกรกับกองทัพนาซี ดังนั้น เขาจึงมีทางเลือกที่มากขึ้น ว่าจะไปที่ไหน จะซื้ออาวุธชนิดใด จะรับภารกิจจากใคร ที่มีอยู่มากมายในเกมนี้ครับ” นี่คือคำกล่าวของ Kevin Cloud หัวหน้าฝ่ายศิลป์ของ Raven Software ที่อธิบายให้เห็นภาพที่ชัดเจนของระบบการเล่นใน Wolfenstein ภาคใหม่นี้ ซึ่งจะเปิดกว้างกว่าการเดินไล่ลุยไปตามฉากแบบโดดๆ เพราะ BJ ตัวเอกของเกม สามารถเลือกได้ว่าจะไปที่ไหน อย่างไร หรือจะเข้าตีต่อกรกับกองทัพนาซีในสถานการณ์หนึ่งๆ ด้วยวิธีการใดได้โดยอิสระ ไม่ตายตัวอย่างที่เคยเป็นมา (ที่น่าจะคล้ายๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับในเกม Medal of Honor: Airborne) และอาจจะเป็นครั้งแรก ที่ BJ ตัวเอกของเกม จะได้มีตัวตน มีเสียงพากย์ และเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหา มากกว่าจะเป็นวีรบุรุษล่องหนอย่างในภาคก่อนหน้านั้น และอาจจะเป็นไปได้ว่าเราจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับเหล่าสหายศึกแห่ง Kreisau Circle ได้หลากหลายคน และหลากหลายกลุ่มแยกย่อย มากกว่าตัวละคร NPC ดาดๆ ทั่วไป ช่วยให้ผู้เล่นสัมผัสกับความเข้มข้นของเรื่องราวได้มากขึ้นเป็นเท่าตัว

คราวนี้ไม่ได้มีแค่คุณคนเดียว แต่ยังมีเหล่าพวกพ้องจาก Kreisau Circle
มาเป็นกองหนุนร่วมฝ่าวิกฤติแห่งสงครามนี้ไปด้วยกัน

      ตัวอย่างหนึ่งที่เปิดฉายในงาน Quakecon 2008 ที่ผ่านมานั้นคือ กองกำลัง Kreisau Circle กับ BJ ติดอยู่ในที่กำบังไม่สามารถขยับได้เพราะปืนกลหนักของนาซีอยู่ที่อีกฝาก ถ้าเป็นในเกม FPS อื่นๆ เราคงจะต้องลุยกันไปตรงๆ หรือหาให้ได้ว่าผู้สร้างวางเส้นทางจัดการกับอุปสรรคนี้อย่างไร แต่ใน Wolfenstein นี้ จะมีการวางเส้นทางและรูปแบบการเข้าถึงเพื่อให้ภารกิจสำเร็จได้หลากหลายทาง คุณอาจจะใช้การไล่ไปตามสิ่งก่อสร้างขึ้นไปถึงชั้นบน แล้วกราดยิงจากที่สูง จะลงท่อระบายน้ำวกอ้อมด้านล่างมาตีจากด้านหลัง หรือจะลุยถึกเมาเลือดแบบตรงๆ ไล่เก็บศัตรูไปทีละคนๆ ก็ได้ตามแต่ถนัด

     และถ้าใครที่เคยเล่น Wolfenstein มาตั้งแต่ภาคแรกๆ จะพบว่าอีกเสน่ห์หนึ่งของเกมนี้ คือการไล่เก็บ ‘สมบัติ’ ที่มีกระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ มาในภาคล่าสุด สมบัติบ้าทั้งหลายจะไม่ได้มีไว้เพื่อความสนุกสนานแต่เพียงอย่างเดียว แต่จะใช้สำหรับซื้อขายอัพเกรดอาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหลายที่มีอยู่ในเกมอีกด้วย เพราะเริ่มต้น BJ จะมีแค่เพียงอาวุธง่ายๆ อย่างมีดพับ ปืนพก และปืนกลมาตรฐาน แต่เมื่อดำเนินเกมไปได้ไกลมากขึ้น อาวุธที่มีให้เลือกใช้ก็จะทรงประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งต้องแลกมาด้วยเงินทองและสมบัติเพื่อให้ได้มันมา

     อย่างไรก็ดี ที่กล่าวไปก็ยังไม่ใช่ที่สุดของทั้งหมด เพราะทาง Raven Software เองก็หมายมั่นปั้นมือที่จะเปิดเผยมิติใหม่ให้กับซีรีส์นี้ เพื่อขยายประสบการณ์การเล่นให้กว้างขวาง และเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาได้มากยิ่งขึ้น อีกระดับหนึ่ง...

The Veil มิติคู่ขนาน

     เนื่องด้วยเนื้อหาของ Wolfenstein ภาคใหม่ ที่กองทัพนาซีได้เปิดมิติคู่ขนานเพื่อไปรับพลังจาก Black Sun มาใช้ในการสงครามนั้น ทำให้ขอบเขตของการเล่นขยายออกไป เพราะในคราวนี้ นอกจากพื้นที่ในเมือง Isenstadt แล้ว ยังมี The Veil มิติคู่ขนานที่ถูกรุกล้ำโดยกองทัพนาซี ที่จะกลายเป็นสนามรบของ BJ ด้วยอีกแห่งหนึ่ง

     แล้ว The Veil ที่ว่านี้มันเป็นอย่างไร? สำหรับใครที่เคยเล่นเกมอย่างซีรีส์ Soul Reaver มาก่อนคงจะพอนึกภาพ มันเป็นมิติที่หลายสิ่งหลายอย่างจะเหมือนกับโลกทาง Physical แต่จะมีลักษณะที่ผกผันบิดเบี้ยว และเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตชนิดพิเศษที่ไม่สามารถหาได้ที่ไหน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ Geists เจ้าผึ้งงานตัวใหญ่ยักษ์ ที่จะคอยเก็บเกี่ยวเอาแหล่งพลังงานที่มีอยู่มากมายในสถานที่นั้นๆ มาไว้กับตัวเพื่อ ‘ขนถ่าย’ ไปยังบางสถานที่ (ที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผย) ที่นอกจากจะใช้เป็นแหล่งพลังงานแล้ว ตัวของมันที่สะสมแร่ธาตุจนเต็มเปี่ยม สามารถแปรสภาพเป็นถังระเบิดขนาดยักษ์ไว้จัดการกับศัตรูได้อีกต่อหนึ่งด้วยเช่นกัน

The Veil มิติคู่ขนาน ที่ตั้งแห่ง Black Sun และฐานทัพลับแห่งนาซี (กับผึ้งงาน Geist )

     อย่างไรก็ดี แม้ว่า The Veil จะเป็นสถานที่ที่มีอยู่แต่เดิม เป็นดั่งมิติคู่ขนาน แต่จากการรุกรานของนาซีที่มาก่อนหน้านั้น อาจจะทำให้เราไม่ได้พบเจออะไรที่แปลกประหลาดอย่างที่คาดเอาไว้ แต่ก็จะแทนที่ด้วยกองทัพทหารนาซีแบบต่างๆ ทั้งทหารดัดแปลงพันธุวิศวกรรม หรือหน่วยรบพิเศษที่ติดอาวุธสุดอันตรายอย่างปืนอนุภาค ที่ใช้พลังจาก Black Sun เป็นตัวขับเคลื่อน ในตัวอย่างเหตุการณ์หนึ่งที่หัวหน้ากองร้อยของ Kreisau Circle ถูกปืนที่ว่านี้ยิงเข้าใส่จนป่นสลายไม่เหลือแม้แต่ซาก ซ้ำเจ้าทหารตัวแสบยังติดเกราะหนักหนาแน่นไปทั้งตัว การต่อกรกับมันในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น ว่ากันตามตรง ช่างทำได้ยากเย็นและดูจะไร้หนทางเสียจริงๆ (“นี่เป็นเพียงแค่ของเรียกน้ำย่อยเท่านั้น” Eric Biessmann โปรดิวเซอร์หลักของตัวเกม กล่าวถึงโลกภายใน The Veil ภายใต้การครอบครองของนาซี “ไม่ได้มีแค่ปืนอนุภาคเท่านั้นหรอกครับ ที่พวกมันพัฒนาขึ้นมา…”)

Super Soldier ทหารลับแห่งนาซี กับปืน Particle Gun
ที่สามารถป่นทั้งร่างให้กลายเป็นผงได้ในพริบตา

      แต่โชคดี ที่ BJ ได้รับความสามารถในการเดินทางเข้าออก The Veil ได้โดยอิสระ พร้อมทั้งพลังลึกลับที่จะช่วยให้เขาต่อกรกับศัตรูสุดอันตรายได้อย่างเหลือเชื่อมาตั้งแต่ต้นเกม เพราะในสถานที่แห่งนี้ ศัตรูของ BJ จะมีลักษณะของออร่าที่เปล่งประกายออกมาช่วยบ่งบอกตำแหน่ง รวมถึงจุดอ่อนของศัตรูชนิดนั้นๆ เพื่อให้การต่อกรง่ายขึ้น (ในตัวอย่างทหาร Super Soldier ถือปืน Particle นั้น จุดอ่อนของมันจะอยู่ที่ถังบรรจุพลังงาน Black Sun ที่พร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ) รวมถึงความสามารถที่จะได้มาในช่วงหลังๆ อย่างเช่น Mire ที่ได้รับการเปิดเผยจากทาง Raven Software มาแล้ว อันเป็นความสามารถที่จะช่วยให้เขาเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว มองวิถีกระสุน และหลบเลี่ยงความเสียหายได้อย่างทันท่วงที (แบบเดียวกับ Bullet-Time ของ Max Payne และ Slo-Mo ของ F.E.A.R) และแม้ว่าในงาน Quakecon 2008 ทาง Raven Software ก็ได้เปิดตัวสาธิตความสามารถเพียงแค่ชนิดเดียว แต่จากช่องสล็อตใส่ความสามารถที่มีเหลืออยู่อีกสี่ช่อง แต่ทาง Raven Software ได้กระซิบฝากมาด้วยว่า การได้รับความสามารถดังกล่าว อาจจะมาได้จากการซื้อขาย (ผ่านสมบัติที่เก็บ ผ่านเงินที่ได้จากภารกิจ) และจากบรรดา Sub-Boss ตามเรื่องราวต่างๆ ระหว่างเกม และรับประกันว่าจะมีอะไรให้ผู้เล่นได้สนุกสนานและประหลาดใจมากกว่าที่เห็นนี้แน่ๆ

     นอกจากนั้น เนื่องด้วยสถานที่ใน The Veil มีความเกี่ยวข้องกับสถานที่ในโลกแห่งความเป็นจริงของเมือง Isenstadt ดังนั้น การย้ายมิติไปมา ก็มีส่วนในการแก้ปริศนาบางจุดด้วย เช่น กำแพงหรือทางตันที่เราไม่สามารถไปต่อได้ มันอาจจะกลายเป็นอุโมงค์ หรือทางลัดในโลกมิติคู่ขนาน หรือไอเทมกับความลับบางอย่าง ก็อาจจะจำเป็นต้องใช้การเดินทางระหว่างสองโลกนี้ช่วยด้วยเช่นกัน

ใช่ว่าจะมีแต่เหล่าทหารสุดล้ำยุค หรือตัววิปริตอย่างเดียว เหล่า Jerry ในชุดนาซีที่คุ้นตา
ก็ยังมีครบถ้วนไม่หายไปไหน

      สุดท้ายนี้ มันยังคงเหลือระยะเวลาอีกมาก กว่าที่ Wolfenstein ภาคล่าสุดนี้จะวางจำหน่าย ทาง Raven Software และ id Software ยังเหลืองานอีกมากที่จะต้องปรับแต่งแก้ไขจุดต่างๆ ให้เข้าทาง แต่ด้วยเกมการเล่นที่ใส่ระบบใหม่ๆ เข้าไปเพื่อความน่าสนใจ บวกกับความเข้มข้นทางเนื้อหา และเทคโนโลยีทางกราฟิกอันเป็นจุดแข็งหลักของทั้งสองทีมหลัก ก็น่าเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า การปลุกชีพ ‘โคตรคุณปู่แห่ง FPS’ ที่จะก้าวไปสู่ยุคสมัยหน้าครั้งนี้ได้อย่างสมศักดิ์ศรีและเต็มภาคภูมิ

     ก็อาจจะเป็นอย่างที่ได้เรียนไปให้ทราบในตอนต้น... ตำนานที่ทรงคุณค่า ก็อาจจะจำเป็นต้องใช้เวลา เป็นเครื่องพิสูจน์สำคัญ แต่กับเวลาที่ยาวนานถึง14 ปีเต็ม จาก Wolfenstein 3D มาถึง Return to Castle Wolfenstein และภาคล่าสุดนี้ คงไม่อาจจะสรรหาคำใดมากล่าวต่อ มันได้ยืนยันในศักยภาพของตนเองอย่างเต็มเปี่ยม… เป็นที่เรียบร้อย... และเป็นหลักฐานที่ดี ว่าเหล่านักเล่นเกม ต่างพึงใจที่จะเดินทางกลับเข้าสู่โลกแห่งความลึกลับสุดมันส์ ที่คลาคล่ำไปด้วยทหารนาซี และลัทธิเหนือธรรมชาตินี้ มากมาย...สักเพียงใด...

ตบเท้า เข้าสู่สนามรบ
::
โหมด Multiplayer ของ Wolfenstein ภาคใหม่?

     เป็นเรื่องที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธได้เลยว่า ระบบผู้เล่นหลายคนหรือ Multiplayer กับเกมในยุคสมัยใหม่นี้ เป็นของที่อยู่คู่และไม่สามารถขาดกันได้เลยแม้สักนิด กับซีรีส์ของ Wolfenstein ในภาค Return to Castle Wolfenstein เองก็เคยสร้างที่ทางของตนกับ Wolfenstein: Enemy Territory จนประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ด้วยเกมการเล่นที่เร้าใจ เข้าถึงได้ง่าย และสนุกติดพัน (จนสามารถแยกแฟรนไชส์ของตัวเองมาเป็น Enemy Territory: Quake Wars ได้ในอีกห้าปีถัดมา) อย่างนั้นแล้ว สำหรับภาคล่าสุดเอง ก็คงไม่พ้นที่จะต้องมีโหมดนี้ด้วยเช่นกันอย่างนั้นสินะ?
ถูกครึ่ง ผิดครึ่ง...

     เป็นความจริงที่ว่า Wolfenstein ภาคใหม่นี้ จะมีโหมดผุ้เล่นหลายคนเป็นที่แน่นอน แต่ทาง Raven Software เองก็ยังอุบไต๋เงียบถึงรายละเอียดดังกล่าว เผยออกมาแค่ว่า โหมดผู้เล่นหลายคนนี้ จะยกระดับการเล่นของซีรีส์ ET เดิม และจะใช้องค์ประกอบของ The Veil เพื่อสร้างความสนุกสนานในการเล่นให้มากยิ่งขึ้น และได้มอบหมายให้ทาง Endrant ทีมพัฒนาจากอังกฤษรับหน้าที่จัดการและประสานรูปแบบการเล่นในส่วนนี้อย่างเต็มตัว

     “สำหรับใครที่ได้เคยสัมผัส และติดใจกับโหมดผู้เล่นหลายคนของซีรีส์ Wolfenstein ในภาค RTCW นั้น ผมกล้ารับประกันว่าพวกเขาจะต้องชื่นชอบกับสิ่งที่เราจะทำกับภาคใหม่นี้ครับ” Kevin Cloud หัวหน้าฝ่ายศิลป์ของโปรเจกต์กล่าวด้วยความมั่นใจ “ก็ จำพวกคลาสตัวละครและลูกเล่นยุทโธปกรณ์ทั้งหลายที่ทุกคนชื่นชอบ แต่คราวนี้ เราสามารถใส่ในส่วนของพลังพิเศษและ The Veil เข้าไปได้ และผมต้องการให้แน่ใจว่า ทุกสิ่งที่มีอยู่ในจักรวาลของโหมดผู้เล่นหลายคน จะดำเนินและปฏิสัมพันธ์กันกับสิ่งที่เกิดขึ้นในโหมดผู้เล่นเดี่ยวให้มากที่สุดครับ”

     สุดท้าย แม้เราจะยังไม่อาจทราบในรายละเอียดของโหมดดังกล่าว แต่กับสิ่งที่ทาง Raven Software ได้เคยสรรค์สร้างไว้ในซีรีส์ ET นั้น ก็น่าจะพอเป็นหลักประกันเพื่อนความสบายใจได้ในระดับหนึ่ง ว่าผลงานสุดท้ายที่ออกมา น่าจะมีคุณค่าความสนุกสมกับราคาและความคาดหวังที่พวกเราเฝ้ารออยู่ไม่ใช่น้อยๆ เลยทีเดียว

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ