KNOWING “รหัสวินาศโลก” ผลงานล่าสุดของ นิโคลัส เคจ

สัญชาติ : อเมริกัน
ประเภท : แอ็คชั่น / ทริลเลอร์
อำนวยการสร้าง : เจสัน บลูเมนธัล (The Pursuit of Happyness, The Taking Of Pelham 123)
กำกับ : อเล็กซ์ โปรยาส (I, Robot, Dark City)
เขียนบท : อเล็กซ์ โปรยาส, จูเลียต สโนว์เด็น (Boogeyman, The Need)
นำแสดง : นิโคลัส เคจ (Bangkok Dangerous, National Treasure series)
โรส เบิร์น (Troy, Sunshine)
แชนด์เลอร์ แคนเตอร์บิวรี่ย์ (The Curious Case of Benjamin Button, Repossession Mambo)
กำหนดฉาย : 26 มีนาคม 2009
จัดจำหน่าย : มงคลเมเจอร์

นักแสดงรางวัลออสการ์ นิโคลัส เคจ (National Treasure: Book of Secrets, Leaving Las Vegas) เข้ามารับบทนำใน Knowing ภาพยนตร์แอ็คชั่น-ทริลเลอร์ที่พูดถึงหายนะ ที่แผ่ตัวครอบคลุมไปทั้งโลก โดยเป็นเรื่องของศาสตราจารย์คนหนึ่ง ที่ได้รับรู้ถึงคำทำนายเกี่ยวกับอนาคตอันน่าสะพรึงกลัว และเขาก็ตัดสินใจที่จะออกไปเพื่อยับยั้งไม่ให้มันเกิดขึ้น

โรส เบิร์น (Damages, Troy) แชนด์เลอร์ แคนเตอร์บิวรี่ย์ (The Curious Case of Benjamin Button, Repossession Mambo) และ ลาร่า โรบินสัน (Saved) ร่วมแสดงในหนังของผู้กำกับ อเล็ค โปรยาส (I, Robot) ที่พูดถึงความพยายามของพ่อในการช่วยลูกของเขา…และโลกใบนี้

ในปี 1959 ณ.โรงเรียนประธมเปิดใหม่แห่งหนึ่ง นักเรียนทุกคนได้ถูกมอบหมายให้วาดภาพอะไรก็ได้ ที่พวกเขาคิดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งทั้งหมดก็จะถูกใส่เอาไว้ในแค๊ปซูลเวลา และฝังเอาไว้เป็นเวลา 50 ปี อย่างไรก็ตาม ก็มีเด็กหญิงปริศนาคนหนึ่งได้เขียนตัวเลขมากมายที่ไม่มีความหมายบนกระดาษ ซึ่งเธอได้ยินมาจากเสียงกระซิบจากกลุ่มคนที่ไม่มีใครมองเห็น

ครึ่งศตวรรษต่อมา นักเรียนในยุคปัจจุบันก็ต่างได้รับสิ่งของที่อยู่ในแค๊ปซูลเวลา ซึ่งกระดาษใบนั้นก็ตกไปอยู่ในมือของ คาเล็บ (แชนด์เลอร์ แคนเตอร์บิวรี่ย์) แต่ก็เป็น จอห์น (นิโคลัส เคจ) พ่อของ คาเล็บ และเป็นศาสตราจารย์ในด้านดาราศาสตร์-ฟิสิกส์ ที่ได้ค้นพบสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวเลข มันคือข้อความลับที่ได้ทำนายวันเวลาและจำนวนผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์หายนะที่เกิดขึ้นในรอบ 50 ปีอย่างแม่นยำ เมื่อเขายิ่งสืบค้นลงไปในเรื่องราวที่ลี้ลับนี้มากเท่าไร จอห์น ก็รู้ว่ามันได้ทำนายหายนะใหญ่อีกสามครั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ซึ่งเหตุการณ์สุดท้ายนั้นก็อาจหมายถึงจุดจบของโลกใบนี้เลยทีเดียว

ความพยายามของ จอห์น ในการเตือนผู้มีอำนาจในการป้องการมหันตภัยถูกเพิกเฉยอย่างไม่ใยดี และเขาก็ยิ่งกลัวขึ้นเมื่อค้นพบว่า คาเล็บ อาจจะเกี่ยวข้องกับปริศนาชิ้นนี้ ด้วยความช่วยเหลือของ ไดอาน่า (โรส เบิร์น) และ แอ๊บบี้ (ลาร่า โรบินสัน) ผู้ซึ่งเป็นลูกสาวและหลานสาวของเด็กหญิงที่เขียนคำทำนายนี้ไว้ จอห์น ต้องเร่งมือแข่งกับเวลาในการ้องกันไม่ให้เกิดมหันตภัยสุดท้ายที่จะทำลายล้างโลกใบนี้

Knowing อำนวยการสร้างโดย

• ท๊อดด์ แบล็ค (The Great Debaters, The Pursuit Of Happyness, The Taking Of Pelham 123)

• เจสัน บลูเมนธัล (The Pursuit of Happyness, The Taking Of Pelham 123, Alex & Emma)

• สตีฟ ทริสต์ (The Pursuit of Happyness, The Taking Of Pelham 123)

• โทเฟอร์ โดวพ์ (I, Robot)

เขียนบทภาพยนตร์โดย

อเล็ค โปรยาส, สจ๊วต ฮาเซลไดน์ (Riverworld)

ลินน์ ดักลาส เพียร์สัน (Mercury Rising)

จูเลียส สโนว์เด็น

สไตล์ ไวท์ (The Need, Boogeyman)

กำกับภาพโดย

ไซม่อน ดั๊กแกน (Live Free or Die Hard)

ตัดต่อภาพโดย

ริชาร์ด ลีอารอยด์ (I, Robot, Fearless)

ออกแบบงานสร้างโดย

สตีเว่น โจนส์ อีแวนส์ (Ned Kelly)

 

การเดินทางของ Knowing

พ่อที่พยายามปกป้องลูกเพียงคนเดียวของเขา และรหัสลับอายุครึ่งศตวรรษที่ถูกเขียนขึ้นโดยเด็กหญิงคนหนึ่ง ซึ่งความลับนั้นก็อาจหมายถึงหายนะระดับโลก ที่กำลังจะอุบัติขึ้นในภาพยนตร์แอ็คชั่น-ทริลเลอร์เรื่อง Knowing โดยครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินถึงบทภาพยนตร์เรื่องนี้ของ ลินน์ ดักลาส เพียร์สัน (Mercury Rising) สองผู้อำนวยการสร้าง เจสัน บลูเมนธัล และ ท๊อดด์ แบล็ค ก็รู้ทันทีว่าตัวเองได้อ่านเรื่องราวที่พวกเขาไม่มีวันลืม

บลูเมนธัล เล่าว่า "พวกเราใช้เวลา 8 ปีในการพัฒนาบทที่ได้รับสิทธิมา โดยไอเดียพื้นฐานของ ลินน์ คือแค๊ปซูลเวลาที่ถูกฝังในช่วงทศวรรษที่ 50 ถูกขุดขึ้นมาในโลกปัจจุบัน ซึ่งในแค๊ปซูลนั้นก็บรรจุไปด้วยคำทำนายต่างๆที่กลายเป็นจริง พวกเรารู้เดี๋ยวนั้นเลยว่าตัวเองมีอะไรบางอย่างที่วิเศษอยู่ในมือแล้ว"

ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งคู่ได้ทำงานร่วมกับ อเล็ค โปรยาส ผู้กำกับจินตนาการล้ำที่ได้รับการกล่าวขวัญจาก I, Robot โดยเขาได้พัฒนาไอเดียที่ว่านี้ ให้กลายเป็นภาพยนตร์ที่มีอารมณ์ร่วมมากยิ่งขึ้น บลูเมนธัลได้เล่าถึงการพัฒนาบทว่า "เนื้อเรื่องถูกเปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อย แต่ธีมหลักของภาพยนตร์ยังอยู่ครบถ้วน เพราะไอเดียที่ว่าด้วยเรื่องของแค๊ปซูลเวลาและการทำนายอนาคต เป็นเรื่องที่น่าสนใจและมีเอกลักษณ์ในตัวเอง เรารู้ว่าต้องเริ่มสร้างเนื้อเรื่องมาจากพื้นฐานนั้น ซึ่งภาพยนตร์ที่สร้างเสร็จออกมา ก็ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นเหมือนกับที่เราตื่นเต้นใน 8 ปีที่แล้ว และการได้เห็นมันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่วิเศษสุดไปเลย"

โปรยาส ถูกเลือกให้กำกับ Knowing ด้วยสไตล์การกำกับอันเป็นเอกลักษณ์ที่สั่งสมมาตั้งแต่เรื่อง The Crow ในปี 1994 บลูเมนธัล เล่าถึงเหตุผลในการเลือกผู้กำกับภาพยนตร์คนนี้ว่า “พวกเรารู้ว่าเขาคือผู้กำกับที่เหมาะสมที่สุด วิสัยทัศน์ของเขาที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ก้าวล้ำกว่าทุกสิ่งที่เราเคยอ่านในหน้ากระดาษ เขาได้นำเอาหลักการทางวิทยาศาสตร์, เรื่องของความเชื่อ และไอเดียที่เกี่ยวกับปรัชญาเข้ามาหล่อหลอมอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้"

สำหรับ บลูเมนธัล แล้ว เหตุการณ์จริงในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ได้เปลี่ยนมุมมองที่เขาคิดว่าน่าสนใจที่สุดในภาพยนตร์ โดยเริ่มแรกนั้นเขารู้สึกสนใจในไอเดียที่ว่าด้วยเรื่องของแค๊ปซูลเวลา "ผมได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ในสมัยเด็ก มันฟังดูเป็นนวนิยายวิทยศาสตร์เอามากๆ ผมรู้สึกตื่นเต้นว่าจะมีอะไรบางอย่างที่ถูกเปิดออกในหลายๆปีต่อมา ผมมองหาจุดที่ต้องการที่จะพัฒนาและสิ่งที่เชื่อมต่อกับความรู้สึกของตัวผมเอง"

แต่ระหว่างการพัฒนาบทภาพยนตร์ ชีวิตของ บลูเมนธัล ก็เปลี่ยนอย่างกระทันหัน "8 ปีก่อนผมยังไม่ได้เป็นคุณพ่อ แต่ตอนนี้ผมมีลูกสองคนแล้ว ในหัวใจของภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ของครอบครัว เรื่องราวของพ่อกับลูกที่กลายเป็นสิ่งที่อยู่ใจกลางของเนื้อเรื่อง”

เขาเล่าต่อว่า “Knowing คือหนังทริลเลอร์จิตวิทยาที่จะทำให้คุณนั่งไม่ติดเก้าอี้ และสเปเชี่ยลเอฟเฟ็คที่จะทำให้คุณต้องตะลึง แต่มันก็ยังมีอะไรที่มากไปกว่านั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ตั้งคำถามให้กับคนดูว่า คุณจะพยายามแค่ไหนในการปกป้องลูกของตัวเอง? หรือว่าคุณพร้อมไหมในการเสียสละเพื่อสิ่งที่ดีกว่า? นั้นแหละคือคำถามที่คุณเองก็อาจไม่กล้าตอบ"

“มันเหมือนกับการนั่งรถไฟเหาะที่จะทำให้คุณต้องมานั่งขบคิดทุกโค้งหักศอก มันจะทำให้คนดูต้องมาถกเถียงกัน ซึ่งเกิดจากคำถามมากมายที่อยู่ในใจพวกเขาแม้ว่าจะเดินออกจากโรงภาพยนตร์แล้ว และสำหรับผมแล้วนั้นคือการเล่าเรื่องที่ประสิทธิภาพที่สุด"

บลูเมนธัล พูดถึงผู้กำกับต่อว่า “สำหรับ โปยาส แล้วภาพยนตร์ทุกเรื่องคือภาพยนตร์มหากาพย์ I, Robot เป็นหนังที่มีความซับซ้อนในด้านเทคนิคการสร้าง แต่จริงๆแล้วทุกเรื่องก็มีความซับซ้อนในแบบฉบับของตัวเอง สิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับ Knowing คือมันพูดถึงพื้นฐานของอารมณ์และการสื่อสารกันของมนุษย์ ความสมจริงคือสิ่งที่เรื่องนี้พยายามยึดมั่น พวกเราไม่ต้องการให้คุณรู้สึกไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้า เราอยากให้คนดูรู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นสามารถเกิดขึ้นได้จริง"

นิโคลัส เคจ ที่รับบทเป็น จอห์น ได้เปรียบเทียบบทภาพยนตร์เรื่องนี้ กับซีรี่ย์สุดคลาสสิคของอเมริกา "บทภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึง Twilight Zone ของ ร็อด สเตอร์ลิ่ง และความรู้สึกลี้ลับที่มาจากซีรี่ย์ชุดนั้น มันคือภาพยนตร์แนวพิศวง-นวนิยายวิทยาศาสตร์-ทริลเลอร์ ซึ่งก็ยังมีช่วงเวลาที่จริงจังในแบบดราม่าอีกด้วย"

โรส เบิร์น นักแสดงสาวที่รับบทเป็น ไดอาน่า ดูจะเห็นด้วยกับการไม่จัดประเภทให้ Knowing อยู่ในหนังประเภทใดประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอคิดว่าเป็นจุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ "เส้นเรื่องถูกคลี่คลายออกอย่างฉานฉลาด และเรื่องของแค๊ปซูลเวลาก็ดูน่าสนใจ นี้มันไม่ใช่แค่หนังทริลเลอร์ธรรมดา หรือว่าเป็นหนังสยองขวัญสั่นประสาททั่วไป หรือจะเป็นหนังไซ-ไฟที่เห็นกันอยู่ในตลาด เพราะว่ามันคือลูกผสมของประเภทหนังที่ว่าทั้งหมด"

เคจ เล่าความประทับใจของเขาว่า "มันคือภาพยนตร์ที่มีความสามารถในการเปลี่ยนความคิดของคน ผมจำได้ตอนเด็กตัวเองเคยดู The China Syndrome ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกถึงความอันตรายของพลังงานนิวเคลียร์ ที่มีอานุภาพร้ายแรงและควรหย่ำเกรงแค่ไหน มันสามารถเรียกร้องความสนใจของคนดู และส่งผลกระทบถึงชีวิตเราได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง โดยไอเดียของเรื่องการอวสานโลกนั้น คงจะมีอยู่ในหัวสมองของทุกคนแน่นอน และพวกเราก็มีศักยภาพพอที่จะทำให้มันเกิดขึ้นได้จริง แต่คำถามก็คือ คุณจะทำอย่างไรกับอำนาจที่มีอยู่ในมือ"

โรส เบิร์น ได้เล่าถึงความสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “ภาพยนตร์ที่เล่าถึงความหายนะนั้น ดูจะสอดคล้องกับชีวิตของเราในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมของโลกที่พวกเรากำลังเผชิญหน้าอยู่ มันพูดถึงความปรารถนาของมนุษย์ที่ไม่วันจบสิ้น และความพยายามที่จะเข้าใจให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในเรื่องของอายุขัยของโลกใบนี้ ผู้คนพยายามที่จะหาคำตอบให้กับมันมาโดยตลอดทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นชนเผ่ามายัน, ชาวมุสลิม หรือชาวฮินดู ทุกเผ่าพันธ์ล้วนมีสมมุติฐานสำหรับเหตุการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคต"

บลูเมนธัล ได้สรุปเอาไว้ว่า Knowing จะเป็นภาพยนตร์ที่สามารถจุดประเด็นการสนทนา ที่จะเริ่มขึ้นทันทีหลังจากที่คนดูออกจากโรงภาพยนตร์ "ผู้ชมจะเข้าไปในโรงภาพยนตร์โดยหวังที่จะได้เห็นอะไรที่ดูอลังการ ได้เห็นอะไรที่สนุก ได้เห็นอะไรที่พิเศษแบบที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน และพวกเราก็คิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีทุกอย่างครบถ้วน"

“ผมเชื่อว่าผู้ชมต้องการบทสรุปที่เกิดขึ้นจากความคิดของตัวเอง แม้หนังเรื่องนี้จะมีบทสรุปที่ลงตัวอยู่แล้ว แต่มันจะเปิดโอกาสให้คนดูได้โต้เถียงกัน มันไม่ใช่ภาพยนตร์ที่จบแล้วจบเลยเมื่อเครดิตหนังม้วนขึ้น แต่มันคือภาพยนตร์ที่จะทำให้คุณนั่งพูดคุยกันในรถระหว่างกลับบ้าน ผมอยากให้คนพูดถึงหนังเรื่องนี้เยอะๆ และคอยถามตัวเองว่า ‘ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำเช่นนั้นไหม?’ ผมเชื่อว่าผู้คนจะพูดถึงเรื่องนี้ไปอีกนาน"

การคัดเลือกนักแสดง

เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้มีผู้กำกับเป็นเสาหลัก, บทภาพยนตร์ที่สมบูรณ์แบบอยู่ในมือ และยังมีสตูดิโอที่พร้อมจะให้ทุนสร้างแล้ว ทีมงานสร้างจึงได้ออกตามหาทีมงานนักแสดง บลูเมนธัล ผู้อำนวยการสร้าง ได้เล่าถึงการคัดเลือกนักแสดงนำ “ในตอนนั้น ส่วนที่สำคัญที่สุดคือการหาตัวฮีโร่ของพวกเรา ซึ่งมันจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้เลยนอกจาก นิโคลัส เคจ"

นิโคลัส เคจ คือนักแสดงที่ได้รับตุ๊กตาทอง และเป็นซุเปอร์สตาร์ที่รู้จักไปทั่วโลก โดยเขาได้นำเอาความกระตือรือล้นเข้ามาในทุกโปรเจ็คที่มีส่วนร่วม และความทุ่มเทเต็มร้อย เคจ นี้เอง ทำให้เขากลายเป็นนักแสดงที่มีงานชุกที่สุดคนหนึ่งในโลก “พวกเรารู้มาโดยตลอดว่า นิค เคจ เป็นนักแสดงที่เหมาะสมที่สุดในการมารับบทนี้ โดย นิค ได้นำเอาความจริงจังและความเข้าใจในตัวละครที่เขาเล่นอย่างถ่องแท้ และที่สำคัญที่สุด ผมคิดว่า นิค ยังมีความคิดเห็นที่ตรงกับพวกเราในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้”

บลูเมนธัล ผู้อำนวยการสร้างเรื่อง The Weather Man ที่นำแสดงโดย เคจ ได้พูดถึงนักแสดงคนนี้ว่า “เขาเป็นคนที่น่าทึ่งมาก เขาเป็นนักแสดงที่สามารถนำเอาความเป็นมนุษย์ปุถุชนเข้ามาในทุกบทบาทที่เขาเล่น และมันยังลงล็อคพอดีอีกด้วย เพราะ นิค เป็นแฟนตัวยงของ อเล็ค และ อเล็ค ก็เป็นแฟนตัวยงของ นิค เช่นกัน บางครั้งที่โชคชะตาก็สามารถนำพาให้ทุกอย่างดูลงตัว ซึ่งก็ทำให้โปรเจ็คนี้สามารถเกิดขึ้น"

สำหรับ เคจ แล้ว ส่วนผสมระหว่างความมีเอกลักษณ์ในบทภาพยนตร์ และการที่ได้ โปรยาส มานั่งในเก้าอี้ผู้กำกับ ทำให้ Knowing กลายเป็นโอกาสที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ “มันเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับการเล่าเนื้อหาที่ดูสดใหม่ และ อเล็ค ก็เป็นผู้กำกับที่มีความเป็นต้นฉบับสูง เขาเป็นศิลปินที่มีมุมมมองแตกต่างออกไปจากผู้กำกับคนอื่น"

นักแสดงรางวัลออสการ์ได้พบมุมมองที่น่าสนใจในตัว จอห์น โดยเฉพาะเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกที่เขามีต่อลูก "เขาเป็นพ่อที่อุทิศชีวิตให้กับลูก และมันก็มีความกดดันสูงในการเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียว พวกเราอาจไม่เคยเห็นความกังวลของพ่อที่มีต่อลูกมากเท่ากับเรื่องนี้ และนั้นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมอยากแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้"

เคจ เล่าต่อว่า "จุดมุ่งหมายแรกของ จอห์น คือการทำให้แน่ใจว่าลูกของเขาต้องปลอดภัย มันเป็นช่วงเวลาที่เปี่ยมไปด้วยความหดหู่ เมื่อ คาเล็บ ถามพ่อเขาว่า ‘ผมจะตายหรือเปล่า?’ และตัวละครของผมตอบว่า ‘จะไม่มีวันเกิดขึ้น พ่อสัญญาว่าลูกจะไม่ได้รับอันตราย’ ซึ่งในตอนนั้นเองที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้กลายเป็นเรื่องของ จอห์น ในความพยายามที่จะรักษาคำพูดของตัวเองไว้ให้ได้"

ผลงานของนักแสดงชาวออสซี่ โรส เบิร์น ที่ผ่านมาได้รวมไปถึงบล็อคบัสเตอร์เช่น Troy รวมถึงหนังอินดี้เช่น I Capture the Castle โดยเธอยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำจากเรื่อง Damages ซีรี่ย์สุดฮิตทางช่อง AXN ที่เธอแสดงคู่กับ เกลน โคลส

โปรยาส พูดถึงนักแสดงสาวคนนี้ว่า "โรส และผมต่างต้องการร่วมงานกันมานานแล้ว เธอสามารถดึงเอาความลึกออกมาจากทุกตัวละครที่เธอแสดง และนั้นก็เป็นส่วนสำคัญที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะโดยปกติแล้วสิ่งที่ผู้คนคิดหรือรู้สึกถึง จะไม่ถูกแสดงออกมาด้วยคำพูดหรอก"

ด้วยความที่เธอชื่นชมผลงานของผู้กำกับคนนี้มานานแล้ว เบิร์น ได้เล่าถึงโอกาสในการร่วมงานกับ โปรยาส คือโอกาสที่สำคัญที่สุดในชีวิต "ฉันรู้สึกสนุกในการได้ร่วมงานกับ อเล็ค เขารู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และเขายังเข้าใจในความรู้สึกของกลุ่มนักแสดงที่ร่วมงานด้วย"

เธอเล่าต่อว่า "เรื่องของความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง ระหว่างตัวละคร 4 ตัวในสถานการณ์ที่สำคัญกว่าตัวพวกเขา เป็นสิ่งที่ดึงดูดฉันให้เข้ามาร่วมงานในภาพยนตร์เรื่องนี้ ตัวละครของฉันที่ชื่อ ไดอาน่า ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก เธอมีภูมิหลังที่อยากลืมเลือน แต่แล้วทุกอย่างมันก็พังทลายลงมาในที่สุด เธอพยายามที่จะวิ่งหนีจากอดีตมาตลอดชีวิต แต่มันก็ลงเอยด้วยการที่อดีตนั้นปรากฎอยู่ต่อหน้าเธอ นี้เป็นบทที่ค่อนข้างท้าทาย ในฐานะที่ฉันเป็นนักแสดง นี้คือความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ ในการพยายามทำมันให้ออกมาสมจริง และทรงพลังมากที่สุดเท่าที่จะทำได้"

เบิร์น ถูกรับเลือกเข้ามารับบทนี้ หลังจากทีมงานได้เปิดการคัดเลือกนักแสดงจากทั่วทุกมุมโลก บลูเมนธัล เล่าถึงการตัดสินใจเลือก เบิร์น ว่า "มันมีบางสิ่งที่พิเศษในตัวเธอ จากวันแรกที่เราได้เห็นเธอมาเทสหน้ากล้อง อเล็ค ก็แน่ใจทันทีว่าเธอคือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด เขาบอกพวกเราว่าเธอมีความเป็นมนุษย์ปุถุชนอยู่ในตัว คุณสามารถรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด และอารมณ์หวั่นไหวภายในจิตใจที่เธอกำลังรับมืออยู่ เพราะเธอได้ค้นพบว่าคำทำนายที่แม่ของเธอได้เขียนเอาไว้ ทำให้เรื่องราวดำเนินไปแบบที่ไม่มีหนทางแก้ไข"

ในการร่วมงานกับ เคจ นักแสดงสาวก็ได้เอ่ยปากชมว่า เขาได้นำเอาการวิธีการแสดงใหม่ๆเข้ามาใช้ ซึ่งเธอเองก็รู้สึกคาดไม่ถึง "นิค ยอดเยี่ยมมาก เขาทุ่มเทในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำตลอดเวลา คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าตัวเองต้องคาดหวังกับอะไร เขาได้ทำให้ฉันแปลกใจได้ในฉากแรกที่เราร่วมจอกัน เมื่อพวกเราได้ทำการซ้อมไว้อีกแบบหนึ่ง แต่กลายเป็นว่าเมื่อถ่ายทำจริง เขาก็ทำในทิศทางตรงกันข้ามเลย ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและยังเป็นการทดสอบไหวพริบของคุณ มันเปลี่ยนจากฉากที่ต้องนิ่งๆ กลายเป็นบางสิ่งที่ทำให้เรารู้ถึงสภาพจิตใจของเขาที่เริ่มหลุดแล้ว ฉันว่ามันเป็นเรื่องน่าสนใจที่ได้แสดงร่วมกับ นิค เพราะว่าในสมองของเขามักจะก้าวล้ำคุณไปเสมอ"

สำหรับ เคจ แล้ว เขาก็รู้สึกประทับใจกับการแสดงของนักแสดงสาวร่วมจอ "โรส เป็นนักแสดงที่แสดงได้สมจริงมาก เธอมีอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้สถานการณ์ในเรื่องมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะทำให้ผู้ชมต้องรู้สึกอินตามไปกับมัน โรส มีความสามารถในการดึงดูดคนดู และทำให้พวกเขารู้สึกว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้จริงในโลก"

แชนด์เลอร์ แคนเตอร์บิวรี่ย์ และ ลาร่า โรบินสัน ต่างก็เป็นนักแสดงดาวรุ่ง ที่ถือว่าเป็นส่วนเติมเต็ม ให้กับภาพยนตร์เรื่อง Knowing

ผู้สร้างได้ออกตามล่าหานักแสดงเด็กมากพรสวรรค์ เพื่อเข้ามารับบท คาเล็บ ในที่สุด แชนด์เลอร์ แคนเตอร์บิวรี่ย์ นักแสดงเด็กวัย 9 ปี ก็ได้ถูกรับเลือกเข้ามา โดยเขาเองก็เคยได้รับรางวัล Young Artist Award จากผลงานทางซีรี่ย์เรื่อง Criminal Minds และยังได้ทำงานร่วมกับ แบร็ด พิทท์ ในภาพยนตร์เรื่อง The Curious Case of Benjamin Button และ จู๊ด ลอว์ ในเรื่อง Repossession Mambo

แชนด์เลอร์ ได้เล่าถึงที่มาที่ไป ในการได้เข้ามาแสดงว่า “ผมได้ทำเทสหน้ากล้องบนวีดีโอเทป และแม่ของผมก็ส่งไปทางอินเตอร์เน็ตเหมือนกับนักแสดงเด็กคนอื่นๆ หลังจากนั้นพวกเขาก็ให้ผมอ่านบทภาพยนตร์ทั้งหมด เพื่อให้ผมเข้าใจในบทที่ต้องแสดง คาเล็บ เป็นเด็กที่มีความเศร้าเพราะการจากไปของแม่ เขาไม่สามารถสบตากับพ่อของตัวเองได้ แต่เขาก็รักพ่อมาก และเขายังรักสัตว์อีกด้วย"

บลูเมนธัล เล่าถึงความท้าทายในการคัดเลือกนักแสดงเด็กอย่าง แชนด์เลอร์ ที่ต้องมีบทบาทในเรื่องเหมือนกับผู้ใหญ่นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย "มันก็มีอะไรที่พิเศษบางอย่างในตัวของ แชนด์เลอร์ บางสิ่งที่พวกเราไม่ค่อยเห็นในตัวนักแสดงเด็กคนอื่นๆ มันไม่ใช่ความฉลาดแบบโตเกินวัย ที่คุณเห็นได้ทั่วไปในตัวนักแสดงเด็กที่ทำงานอยู่เป็นประจำ เพราะ แชนด์เลอร์ อาศัยอยู่ในเท็กซัส ซึ่งก็เป็นเรื่องดีที่เขาไม่ได้เติบโตขึ้นมาในฮอลลิวู้ด เพราะมันทำให้เขาคงความเป็นเด็กอยู่”

ลาร่า โรบินสัน วัย 10 ปี มีเรื่องท้าทายสำหรับการแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Knowing โดยเธอต้องรับบทเป็นสองตัวละครด้วยกัน นั้นก็คือ ลูซินด้า เด็กหญิงที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด และ แอ๊บบี้ หลานสาวของ ลูซินด้า ซึ่งอาจเป็นกุญแจที่ไขปริศนาทั้งหมด เธอเล่าถึงการได้แสดงตัวละครทั้งสองว่า "หนูชอบเล่นเป็นสองตัวละครในเรื่องนี้ พวกเธอทั้งคู่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การเล่นเป็น ลูซินด้า นั้นสนุกมาก เพราะเธอทั้งน่ากลัวและทำตัวประหลาด ในขณะที่การเล่นเป็น แอ๊บบี้ ก็สนุกเช่นกัน เพราะเธอคือเด็กหญิงที่ดูปกติทุกอย่าง"

ลาร่า พูดถึงเพื่อนนักแสดงเด็กว่า "หนูคงพูดได้ว่า แชนด์เลอร์ เป็นนักแสดงที่ดี แต่เขาก็ยังเป็นเด็กผู้ชายอยู่วันยังค่ำ เขาชอบถามหนูแปลกๆ เช่น หนูจะโกนหัวเพื่อเล่นหนังไหม, หนูจะโกนขนคิ้วเพื่อเล่นหนังไหม หรือว่าหนูจะโกนขนตาเพื่อเล่นหนังไหม ซึ่งแน่นอนที่หนูจะตอบว่า “ไม่” ในทุกคำถามของเขา"

บลูเมนธัล พูดถึงนักแสดงเด็กทั้งสองว่า "ลาร่า และ แชนด์เลอร์ ยอดเยี่ยมมาก พวกเขาเข้าใจในสาระสำคัญสำหรับการสร้างภาพยนตร์ ที่สำคัญคือพวกเขาคือเด็กจริงๆ เพราะวินาทีที่เราสั่งคัท พวกเขาก็จะกลับเป็นเด็กธรรมดา พวกเขาซุกซนและดูสนุกสนานร่าเริงตลอดเวลา และมันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี ในการได้นั่งมองเด็กทั้งคู่มีความสุขในสิ่งที่ตัวเองทำ"

26 มีนาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้