นั่นแน่!! ตกใจกันเลยสิ ทำไมเกมจูเซียนถึงมีตั้ง 5 สำนัก 6 อาชีพ จากคำว่าสำนักของเกมจะหมายถึงอาชีพอยู่แล้วนะครับ ส่วนอาชีพที่ 6 คือ ชาวบ้าน ที่เราเริ่มเล่นกันตั้งแต่เลเวล 1 นั่นเอง ในเริ่มต้นเข้าใจร่วมกันแล้ว ถึงเวลาที่เราจะไปดูถึงสูตรเด็ดในการอัพสกิลต่างๆ มาดูกันเลย
ชาวบ้าน
สายป้องกัน
เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง สำหรับการเริ่มต้นเล่นชาวบ้านสามารถสังเกตได้ว่ามีเพียง 4 สกิลให้เรากดอัพ ในแต่ละสกิลจะเป็นตัวบ่งบอกถึงสายการเล่นของตัวละคร โดยเราจะมาดูถึงจุดเด่นในแต่ละสายกันเลย
สายโจมตี
สกิลความกล้าหาญคือจุดเด่นในสายการโจมตี เมื่ออัพเต็มขั้น 6 จะสามารถเพิ่มพลังโจมตีได้ถึง 25 หน่วย เหมาะมากสำหรับผู้ที่นิยมการต่อสู้แบบกำจัดศัตรูอย่างรวดเร็ว
สายป้องกัน
สกิลความว่องไว ช่วยเพิ่มพลังป้องกันได้สูงสุดถึง 13 หน่วยเมื่ออัพเต็ม 7 พ้อยท์ แถมด้วยการเพิ่มพลังป้องกันจากสถานะต่างๆ ใครที่ชื่นชอบสายชนบอส หรือต้องการอึดทนตายยาก แนะนำสกิลนี้กันไปเลย
สายเก็บเลเวล
สกิลรักษาอาการบาดเจ็บ ฟื้นฟู HP 448 ฟื้นฟู HP 75 เป็นเวลา 19 วินาที เมื่ออัพสกิลเต็มเลเวล 6 ถือได้ว่าเป็นสกิลที่ดีมากในการใช้เก็บเลเวล เรียกได้ว่าใครที่อัพสกิลนี้แล้วนิยมการเก็บเลเวลแบบกำจัดมอนสเตอร์มากกว่าทำเควสต์ สกิลนี้จะช่วยให้ท่านสนุกสนาน และประหยัดงบในการซื้อยาเพิ่ม HP ได้อีกเยอะ
สรุปในสายชาวบ้านผมจะไม่ฟันธงว่าสายการอัพแบบใดจะเหมาะกับเพื่อนๆ เพราะแต่ละแนวทางการเล่นของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน อย่างไรก็ดีในขั้นชาวบ้านควรจะถามใจตัวเองดูว่าชอบแบบใดจึงเลือกอัพ
นั่งจนอัพ - -
เจ้าวิญญาณสายเสริมพลังสุดแกร่ง
ข้อดี
เริ่มจากคลาสแรกหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงแนะนำให้อัพแบบนี้ อย่างแรกต้องออกตัวล้อฟรีไว้ก่อนเลยว่าสายที่นำเสนอนี้เด่นมากในการเก็บเลเวล เพราะเมื่อดูจากสกิลหลักที่อัพมากที่สุดในขั้น 1 จะมีด้วยกันสองสกิลคือคาถาธรณี เพิ่ม HP สูงสุดถึง 10 % ที่เลเวล 8 กับสกิลคาถาเชือดโลหะ เพิ่มพลังโจมตีสูงสุดถึง 5 % เมื่ออัพเต็ม ล่วนแล้วแต่เป็นสกิลที่ช่วยให้เราเก็บเลเวลได้สบายมากขึ้น
สกิลเด่นในขั้นที่ 2 หลักๆ จะมีด้วยกัน 2 สกิล คือคาถาเมฆาทึบ เพิ่มพลังป้องกันสูงสุดถึง 35 เมื่ออัพเต็ม และสกิล เชือดผลาญจิตของเลเวล 60 ที่มีพลังโจมตีสูงถึง 455 หน่วยแลกกับ HP 230 หน่วย แต่มีคูลดาวน์เพียง 2 วินาทีจึงทำให้สกิลนี้ถือได้ว่าเป็นสกิลหากินในการสังหารผู้เล่นได้เป็นอย่างดี
สรุปข้อดีของการอัพสกิลสายนี้จะทำให้เห็นว่าในขั้น 1 ขั้น 2 จุดเด่นจะอยู่ที่การอัพสกิลเสริมพลังเพื่อให้เก็บเลเวลได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อเลื่อนระดับขึ้นที่สูงขึ้นไปจึงอัพสกิลที่มีอานุภาพในการต่อสู้ที่ดียิ่งขึ้นไปกว่านี้ในการทำสงครามต่างๆ
ข้อเสีย
ข้อจำกัดของพ้อยท์ในการอัพสกิลขั้น 3 ทำให้เกิดปัญหาในการอัพสกิลพ้อยท์ให้ครบ 24 เพื่อที่จะเรียนรู้สกิลถึง ขั้น 3 ได้จึงทำให้การอัพสกิลในครั้งแรก เมื่อดูแล้วไม่ค่อยสร้างจุดเด่นได้เท่าไหร่ แต่ก็จำเป็นต้องอัพเพื่อที่จะเรียนสกิลขั้นสูงต่อๆ ไป แต่เมื่อวันใดที่มีไอเทมในเกมสำหรับรีค่าสกิลในขั้นก่อนหน้าได้เมื่อไหร่แล้วละก็ สกิลที่เราถูกบังคับให้อัพครบ 24 จะถูกรีหายไปอย่างแน่นอน
จุดด้อยอย่างร้ายแรงอีกอย่างที่เห็นได้ชัดคือ สกิลใช้ในการสร้างความเสียหายจะน้อยมากที่สำคัญไม่มีสกิลหมู่เลยแม้แต่น้อยรวมไปถึงสกิลป่วนทำให้ติดสถานะเราก็ไม่อัพ เพราะหากต้องการเล่นสายเสริมสถานะล้วนๆ ทำใจไว้อย่างนึงเลยว่าคุณจำเป็นต้องเสียสละสกิลทีเด็ดอย่าง ดาบเปลวเพลิง ที่มีพลังโจมตีสูงถึง 73 หน่วย และสถานะมึนอีก 66 หน่วยนานถึง 4.4 วินาที เมื่ออัพเต็มที่เลเวล 9
สรุปข้อเสียของสายเสริมพลังคือไม่มีสกิลที่ใช้ในการ “Last Shot” ในเพียงสกิลเดียว หรือสองสกิล จึงต้องทำใจไว้เลยว่าหากยังไม่เลื่อนขั้นสูงกว่านี้อาชีพนี้ยังไม่เหมาะในการทำสงคราม หรือท้าดวลใดๆ
เท่ไว้ก่อน
เมฆเขียวสายกวน ป่วนด้วยสถานะ
ข้อดี
สำนักเมฆเขียวขั้นที่ 1 หากมองผ่านๆ ในครั้งแรกจะดูแล้วค่อนข้างโกงในระดับหนึ่ง แต่เมื่อเรามาดูถึงประโยชน์ในการใช้ในด้านต่างๆ แล้วจะเห็นว่ามีเพียง 2 สกิลเท่านั้นที่เราจะได้ใช้บ่อยๆ คือคาถาผลึกน้ำแข็ง โจมตี 61 หน่วยทำให้ศัตรูเดินช้าลง 28% และสกิลพลังกระบี่สนามวิญญาณ ที่มีพลังโจมตีสูงมาก แต่สาเหตุที่เราไม่กดอัพเยอะๆ เพราะว่าถ้าเรากดอัพเพียง 1 พ้อยท์ เราจะครบตามเงื่อนไง 24 พ้อยท์ สำหรับอัพคลาส 2 พอดี
มาต่อกันที่ขั้น 2 อีกเช่นเคย ที่ข้อจำกัดด้านเลเวล ทำให้เราจำเป็นต้องอัพทุกสกิลที่อัพได้ เพื่อให้พ้อยครบ 24 แต่สำหรับเมฆเขียวนั้นไม่เรียกว่าเสียเปล่า เพราะถือว่าเป็นสกิลจำเป็นที่ต้องกดอัพอยู่แล้วเช่น พลังกระบี่เย็นเยือก เมื่ออัพระดับ 8 จะทำให้ศัตรูเดินช้าลงถึง 50% เป็นเวลา 6.5วินาที และสกิลพลังกระบี่สุริยันต์ ที่มีพลังโจมตีสูงถึง 564 หน่วย ติดหยุดเดินอีก 92 หน่วย เมื่ออัพที่ระดับ 3 เรียกได้ว่าเป็น 2 สกิลสุดยอดสถานะประจำอาชีพนี้เลยก็ว่าได้
สรุปจุดเด่นที่เห็นได้ชัดที่สุดเลยคือเป็นอาชีพที่สามารถช่วยในการทำสงครามได้ตั้งแต่เลเวลตัวละครน้อยๆ เพราะสามารถช่วยให้ทีมได้เปรียบในการสร้างสถานะจากระยะไกล แถมสร้างความเสียหายที่รุนแรงจากระยะไกลอีกด้วย
ข้อเสีย
เมื่อเราอัพสกิลต่างๆ เน้นไปที่สายโจมตีติดสถานะ ทำให้เราไม่ได้อัพสกิลที่เพิ่มติดตัวต่างๆ ซึ่งจุดนี้ทำให้เราอ่อนแอมากหากโดนประชิดตัวได้สำเร็จ หรือถูกสกิลของอาชีพเดียวกันอัดมาจากระยะไกล จะทำให้ตัวละครของเรานั้นนอนตายอย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างสกิลสำคัญที่เราไม่สามารถอัพได้เยอะเท่าที่ควรของสายนี้ จะมีด้วยกันอยู่ 2 สกิลคือ
1. สกิลพลังปราณคุ้มกาย หากสามารถอัพได้เต็มจะทำให้ดูดซับความเสียหายได้ถึง 55% และดาเมจที่ได้รับลดลงถึง 6,804 หน่วย ในเวลา 20 วินาที เรียกได้ว่า หากอัพเต็มได้เมื่อไหร่ จะกลายเป็นนักเวทย์สายถึกขึ้นมาอย่างทันตาเห็นเลยทีเดียว
2. คัมภีร์หนานหวา เพิ่มค่า HP สูงสุดได้ถึง 1,800 หน่วย ไม่ต้องพูดถึงกับสกิลนี้ ถึงแม้จะเล่นสายสกิลป่วนแต่ถ้ามีโอกาส หรือมีสกิลพ้อยท์เหลือเมื่อเลเวลตัวละครสูงๆ ผมแนะนำว่านึกถึงสกิลนี้เป็นสกิลแรกที่คุณควรจะย้อนกลับมาอัพ
สรุปเมฆเขียวสายโจมตีติดสถานะ คำเดียวฟันธง !! ตายง่ายตายเร็ว ... แต่ “เมพ ขิงขิง”
ใครมาใกล้มีนอน
สราญรมย์สายนักฆ่าไม่มีวันตาย
ข้อดี
คำบัญญัติความข้อเดียวที่มีให้กับอาชีพนี้คือ “โกงสุดๆ” เพียงสราญรมย์ขั้นแรกก็มีสกิลโกงที่ทำให้เป็นอมตะอย่างสกิล ฝนโปรยปราย ในเวลา 20 วินาทีพลังป้องกันเพิ่มขึ้น 229 หน่วย ในระดับ 3 และอีก 2 สกิลโกง ที่ช่วยเพิ่มค่า HP สูงสุดได้อย่างไม่น่าเชื่อ อย่างแรกคือสกิล วายุล่อง เพิ่ม HP สูงสุดได้ถึง 285% เมื่ออัพเต็ม 3 และสกิลเลือดร้อน เพิ่ม HP สูงสุดได้ถึง 160%, MP 40% เรียกได้ว่าหากใช้สกิลเพิ่มเลือดทั้ง 2 อย่างนี้แล้ว นินจาสายนี้เลือดไม่มีหมดเลยทีเดียว
ในทางตรงกันข้าม เมื่อเปลี่ยนมาสู้เพียงสราญรมย์ขั้น 2 นั้น สกิลที่โดดเด่นจะมีเพียงสกิลเดียว และที่สำคัญเป็นเพียงสกิลทางผ่านที่ทุกคนต่างมองข้าม แต่สำหรับสายการอัพที่ผมแนะนำได้ว่าเป็นสกิลหากิน ที่ใช้ในการกำจัดศัตรูเลยก็ว่าได้ นั่นคือสกิลซ่อนกลิ่น โจมตี 150 จุดและอัตราคริติคอล 6.5% ในเลเวลสกิลที่ 8
ทีเด็ดอย่างสุดท้ายของสกิลขั้น 2 คือ สกิลคะนึงหา เพิ่ม HP ทันทีไม่มีดีเลย์ 2,220 จุด แต่มีโอกาส 25% เสียเลือด 1,503 ในเวลา 26 วินาที หากใช้ได้อย่างถูกจังหวะ รับรองสกิลนี้จะกลายมาเป็นสกิลตัดสินชัยชนะในการท้าดวลได้เลย
สรุปแนวทางการอัพของอาชีพนี้ตามที่เราได้นำเสนอไปนั้น เป็นสายการอัพที่ทำให้ตัวละครที่เราเล่นอยู่ตายยาก จากเลือดที่มีเยอะ ที่สำคัญนอกเหนือจากตายยากแล้วยังมีสกิลที่ไม่มีดีเลย์แต่รุนแรงอย่างสกิลซ่อนกลิ่น ทำให้การอัพแบบนี้เหมาะกับทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเลเวลอย่างรวดเร็ว การทำสงครามรวมไปถึงท้าดวล!! ฟันธงเลยว่า ตายยากมั่กมากกกก
ข้อเสีย
จากแนวทางการอัพที่เรานำเสนอไปนั้น ทำให้เพื่อนๆ ไม่เหลือสกิลพ้อยท์ในการไปอัพสกิลที่โจมตีอีกหลายๆ สกิล สาเหตุที่บอกว่าเป็นข้อเสียเพราะว่า ดูเผินๆ ท่านอาจจะมี HP ที่สูงก็จริง แต่สกิลในการโจมตีมีน้อยมาก เมื่อเทียบกับสกิลทั้งหมดที่มี ก็ล้วนแล้วแต่น่าอัพ ความรุนแรงของสกิลโจมตีนอกเหนือจากที่แนะนำก็คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ จึงทำให้มีความรุนแรงมากเมื่อตัวละครเลเวลสูงมากขึ้นไปแล้ว ดังนั้นผมแนะนำว่า หากมีเลเวลตัวละครที่สูงขึ้น อาจจะหาไอเทมรีสกิลเพื่อกลับมาอัพสกิลสายโจมตีให้มากขึ้นก็จะเป็นผลดี
สรุปข้อเสียของแนวทางการอัพรูปแบบนี้คือสกิลโจมตีที่น้อย จะทำให้เมื่อตัวละครเลเวลสูงขึ้นไปเกิดการเสียเปรียบในการทำสงครามหรือเก็บเลเวลได้ในบางโอกาส
นินจาสาวระเบิดพลัง
อารามผดุงฟ้าสายบ้าดีเดือด
ข้อดี
ในมุมมองของเพื่อนหลายคนอาจจะมองว่าอาชีพแนวพระ หรือหมอยังไงก็บู๊ไม่เก่ง แต่คำคำนี้ใช้ไม่ได้กับอารามผดุงฟ้าแห่งจูเซียนถึงแม้ว่าจะมีโจมตีที่ไม่เยอะแต่ก็มีสกิลที่ติดสถานะที่ดีที่สุดของเกมนั้นคือ “หลับ” อารามผดุงฟ้า เป็นอาชีพเดียวที่มีสกิลสร้างสถานะนี้ และที่สำคัญเมื่อผู้เล่นติดเมื่อไหร่รับรองมีนอน เพราะเมื่อโดนโจมตีท่านจะยังคงไม่ตื่นจากสถานะนี้ “ยืนนิ่งให้ตีว่างั้นเถอะ”
สกิลที่สร้างความโดดเด่นในกับอาชีพนี้คือ “สวดมนต์” โจมตี 106 หน่วย ติดสถานะหลับ 70 หน่วยเป็นเวลา 7.3 วินาที เมื่อดูผ่านๆ แล้วจะเห็นระยะเวลาที่ติดนานมากเลยทีเดียว แต่โอกาสก็น้อยกว่าที่คาดคิดไว้ ทำให้เมื่อเลื่อระดับเป็น อารามผดุงฟ้าขั้น 2 เราจึงจำเป็นต้องอัพสกิลเสริมอย่างสกิลคัมภีร์หยั่งรู้ โจมตี 150 หน่วย ภายในเวลา 36 วินาที ลดพลังป้องกันสถานะหลับ 47 จุด ช่วยให้การเปิดสกิลเพื่อให้ผู้เล่นติดสถานะหลับ ทำได้สมบูรณ์แบบเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์
นอกจากสกิลบู๊ที่เรานำเสนอยังมีสกิลที่มองห้ามไม่ได้อีกสองสกิล สกิลแรกจะอยู่ในขั้นที่ 1 คือสกิลต้นโพธิ์ ที่ช่วยเพิ่ม HP 351, MP 1305 ช่วยให้มีเลือดเพิ่มอย่างถาวร และสกิลที่สองจะอยู่ในขั้นสอง “หอคันฉ่อง” เพิ่มพลังป้องกันถาวร 40 หน่วย เพียงแค่สกิลนี้เท่านี้ที่จะทำให้พระ หรือหมอที่ทุกคนเข้าใจว่าเปราะบาง กลายมาเป็นพระสายบู๊อึดอดทนอย่างสุดยอดไปเลย
สรุปข้อดีของการเล่นพระสายบู๊คือ สามารถเก็บเลเวลได้อย่างสนุกเพราะมีทั้งสกิลโจมตีที่ทำให้ติดสถานะหลับ ซึ่งง่ายต่อการเก็บเลเวล และที่สำคัญพระสายนี้ท้าดวล และทำสงครามเก่งมาก
ข้อเสีย
ข้อเสียของอารามผดุงฟ้าสายนี้ ผมก็กล้าฟันธงอีกว่า หาปาร์ตี้ในการเก็บเลเวลยากอย่างแน่นอน เพราะโดยปกติวิสัยของคนเล่นแนวนี้ จะเน้นไปในทางเสริมสถานะให้กับผู้เล่นคนอื่นมากกว่าบู๊ล้างผลาญ ดังนั้นทำใจไว้เลยว่า การเก็บเลเวลของท่านมีโอกาสที่ต้องเก็บอย่างโดดเดี่ยวสูงมาก
ขึ้นชื่อว่าสายบู๊ก็ต้องนึกถึงสิ่งที่จะช่วยเพิ่มเลือดให้เราไม่ตาย สิ่งนี้คือข้อเสียอีกอย่างที่เห็นได้ชัดเจน เพราะท่านจะกลายเป็นพระสายกดยายิกๆ แทนทีจะฮีลตัวเองแล้วโจมตีมอนสเตอร์ไปเรื่อยๆ เหมือนอารามผดุงฟ้าสายบัฟ เสริมสถานะปกติ
ดังนั้นสรุปได้ง่ายๆ เลยว่าข้อเสียของการเล่นพระสายนี้ คือการเก็บเลเวลที่ค่อนข้างเปลือง เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับสายเสริมสถานะปกติ และที่สำคัญคือจะสามารถหาเพื่อนร่วมเก็บเลเวลที่ค่อนข้างยาก
เมื่อผู้ใจบุญบ้าเลือด
มารสยบฟ้าสายมารสงคราม
ข้อดี
ด้วยอาชีพนี้สามารถเลือกเล่นได้ถึงสามร่าง ไม่ว่าจะเป็นร่างวิญญาณ (ร่างคนปกติ), ร่างมาร (แปลงร่างเป็นมาร) ร่างพิษ (ใช้สกิลสถานะในการโจมตี) แต่สำหรับสายที่ผมนำมาแนะนำคือร่างมาร เพราะเมื่อเลเวลตัวละครอยู่ที่ขั้น 2 การใช้ร่างมารกับการเก็บเลเวลหรือสงครามต่างๆ จะทำได้อย่างรวดเร็วมากที่สุด!! ฟันธง
มาพูดถึงข้อดีในการอัพสกิลในสายที่เราแนะนำ จะมีสกิลจำเป็นอยู่ 2 สกิล ในขั้นที่ 1 คือสกิลท่าทางวิญญาณมาร เพิ่มค่า HP 660 โจมตีแรงขึ้น 30 หน่วย ป้องกันเพิ่มขึ้น 30 หน่วย ลดป้องกันสถานะ 80 หน่วย และสกิลเขี้ยวเล็บวิญญาณ โจมตี 231 หน่วย มีโอกาส 100 จุดที่จะทำให้คู่ต่อสู้ติดอ่อนแอ โจมตีลดลงอีก 37 % ทั้งสองสกิลนี้ต่างเป็นหัวใจหลักที่สำคัญมากในการเก็บเลเวล เพราะจะทำให้เราทั้งโจมตีรุนแรง และโดนความเสียหายน้อยลงมากเมื่อคู่ต่อสู้ติดสถานะอ่อนแอ
เมื่อสามารถมาถึงขั้นสอง สกิลที่แนะนำให้อัพมาเสริมความเก่งให้กับจอมมารของเราจะมี 2 สกิลคือวิญญาณห่าผี เพิ่มพลังป้องกัน 32 หน่วย และสกิลความแค้นครอบงำ สกิลรุนแรงขึ้น 10% เป็นเวลา 18 วินาที ซึ่งทั้งสองสกิลนี้จะมีประโยชน์สูงสุดเมื่อนำมาใช้ในการทำสงคราม สามารถยืนรับความเสียหายได้นาน แถมการโจมตีกลับด้วยสกิลรุนแรงก็มากอีกด้วย
สรุปสำหรับสายที่เราแนะนำไปนั้นจะเหมาะมากกับผู้ที่นิยมในการทำสงครามหรือท้าดวล เพราะนอกจากข้อดีทั้งหมดที่เราแนะนำไปแล้วนั้น เพื่อนๆ ยังแอบเปลี่ยนเป็นร่างราชาพิษเพื่อช่วยโจมตีเพื่อนๆ จากระยะไกลในการทำสงครามเมื่อถึงเวลาที่เราจนแต้มจริงๆ อีกด้วย สุดยอดมารสงครามกันเลยกับสายนี้
ข้อเสีย
ถึงแม้ว่าจะเป็นอาชีพที่ที่มีความสมดุลทั้งในทางด้านป้องกัน และโจมตีอย่างรุนแรง แต่จุดบอดอย่างใหญ่หลวงคือเมื่อแปลงร่างเป็นร่างมารแล้ว พลังป้องกันด้านสถานะจะหายไปถึง 80 หน่วย เรียกได้ว่าหากเลเวลตัวละครไม่ถึง 135 พลังป้องกันสถานะต่างๆ เหล่านี้เหลือ 0 อย่างแน่นอน ซึ่งในจุดนี้จะทำให้เมื่อต่อสู้กับอาชีพที่มีสถานะเยอะๆ อย่างเมฆเขียวเราเองที่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
จุดด้อยอย่างที่สองคือสกิลที่เราแนะนำไปนั้นมีสกิลที่ใช้ในการโจมตีน้อยมาก และที่สำคัญคูลดาวน์ของสกิลจะอยู่ที่ 9 วินาทีเกือบทั้งหมดของสกิลโจมตีในอาชีพนี้ จึงทำให้เกิดข้อเสียเปรียบเมื่อต้องปะทะระยะประชิดกับอาชีพที่มีคูลดาวน์ของสกิลน้อยๆ อย่างสราญรมย์
สรุปหากใครที่ต้องการเล่นอาชีพมารสยบฟ้า ต้องจำไว้อย่างหนึ่งว่า ถึงเราจะมีพลังป้องกันที่สูง และสกิลที่รุนแรง แต่ถ้าจำเป็นต้องดวลกับอาชีพที่มีคูลดาวน์ของสกิลน้อยๆ อย่างสราญรมย์ ก็ควรเรียกเพื่อนให้ช่วยเหลือไม่เช่นนั้นอาจะเป็นท่านที่เสียใจ และแนะนำว่า หากเจอกับสถานการณ์แบบนี้ให้ใช้ร่างพิษยิงไกล จะดีที่สุดครับ
มารสงคราม
เยอะแยะไปหมดเลยกับแนวทางการอัพสกิลของทั้งหมด 5 สำนัก 6 อาชีพ แต่ก็ใช่ว่าการอัพสกิลแบบที่ผมแนะนำไปนั้นจะเก่งที่สุด เพราะเมื่อเล่นจริงๆ แล้วทุกคนจะต้องเจอกับข้อจำกัดด้านเลเวลทำให้ต้องไปอัพสกิลที่ไม่จำเป็นค่อนข้างมาก ดังนั้นสายการอัพที่ผมแนะนำไปนั้น ผมแนะนำไว้เลยว่าเมื่อตัวละครมีเลเวลที่สูงมากขึ้นไปแล้ว กลับมารีเซ็ตสกิลเพื่อเล่นตามสไตล์ของตัวเองจะเก่งที่สุดเลยครับ!! โชคดีจ้า