ปกติเราจะเห็นอาคารทรงแปลกตาอยู่บ้าง จากที่เห็นผ่านภาพถ่ายต่างๆ บางตึกก็ต้องร้องโอ้โห คิดได้ไงเนี่ย แต่พอมาเจอตึกนี้ เรียกได้ว่า มหัศจรรย์ทางความคิดเสียจริงๆ กับตึกที่ไม่เพียงแปลกตาแต่สามารถขยับหมุนเปลี่ยนรูปทรงไปได้ด้วย
ครั้งแรกที่เห็นตึกที่ว่านี้ เห็นเป็นรูปอยู่ในนิตยสาร Nation Geographic เนื่องจากภาพกราฟฟิคหลอกตามาก จึงนึกว่า เป็นตึกที่สร้างเสร็จแล้ว แต่พอหาข้อมูลดูก็พบว่า เป็นโครงการสร้างที่จะเริ่มสร้างในปี 2553 ก็เลยรวบรวมข้อมูลมาให้เพื่อนๆ ดูกัน
ข่าวจากคมชัดลึก
สถาปนิกแดนมะกะโรนีเปิดตัวอาคารเปลี่ยนรูปทรงเองได้ตึกแรกของโลก ไดนามิค ทาวเวอร์ หมุนตัวทุกชั่วโมง เปลี่ยนตามฤดูตลอดปี ระบบภายในสุดยอดนวัตกรรม สั่งการด้วยเสียง มีลิฟต์นำรถขึ้นจอดถึงห้อง เล็งสร้างภายในปี 2553 ที่ดูไบและมอสโก
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โลกกำลังจะมีตึกระฟ้าขยับตัวได้ทุกชั้นเป็นครั้งแรกของโลก โดยตัวอาคารที่ได้รับการวางแผนจะสร้างขึ้นที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เป็นอาคารสูงถึง 400 เมตร 80 ชั้น สูงกว่าอาคารเอ็มไพร์ สเตท ในกรุงนิวยอร์ก มีการออกแบบภายในและเทคโนโลยีสุดล้ำยุค และจะขยับหมุนตัวทุกๆ ชั่วโมง
นายเดวิด ฟิชเชอร์ สถาปนิกชาวอิตาลี เจ้าของบริษัทโรเทติ้งทาวเวอร์ เทคโนโลยี ผู้อยู่เบื้องหลังแนวคิดนี้ กล่าวว่า แรงบันดาลใจในการสร้างตึกระฟ้าที่เคลื่อนตัวได้ตลอดเวลา เพื่อจะมีโอกาสได้ดื่มด่ำกับทิวทัศน์ของอพาร์ตเมนต์ในนครแมนฮัตตันของนิวยอร์ก ตัวอาคารจะมีชีวิต ออกแบบสอดคล้องกับธรรมชาติ จะเปลี่ยนรูปทรงและทิศทางตลอดปี ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูร้อน ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นยันพระอาทิตย์ตก โดยการก่อสร้างเป็นอพาร์ตเมนต์ประกอบสำเร็จรูปติดเข้ากับแกนกลางที่ทำจากคอนกรีต แต่ละชั้นใช้เวลาติดตั้งเพียง 6 วัน ใช้ช่างเทคนิคแค่ 80 คน และใช้เวลาแค่ 20 เดือนเท่านั้น
ส่วนการตกแต่งนอกจากความสวยงามแล้ว ยังมีเทคโนโลยีล้ำยุคไว้คอยรองรับชีวิตเคลื่อนที่ โดยเจ้าของที่ซื้อพื้นที่ยกชั้นจะสามารถสั่งให้อพาร์ตเมนต์หมุนได้ด้วยเสียงเพื่อเลือกมุมมองของทิวทัศน์ภายนอกที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอ่าวเปอร์เซีย และนครดูไบที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา ขณะที่รูปทรงของตัวตึกก็เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาด้วยเช่นกัน ส่วนการเคลื่อนไหวของชั้นอื่นๆ ที่เหลือจะควบคุมโดยระบบส่วนกลางที่จะขยับตัวทุกๆ 1 ชั่วโมง สำหรับผู้ที่รักรถ ลิฟต์ของอาคารแห่งนี้ยังสามารถยกรถของผู้อยู่อาศัยขึ้นไปยังอพาร์ตเมนต์ของตัวเองได้อีกด้วย คาดว่าจะสร้างอาคารสุดยอดนวัตกรรมทั้งสองแห่งนี้ให้ได้ภายในปี 2553
ภาพโครงร่างต่างๆ จากเว็บไซต์ http://www.asa.or.th