Star Ocean: The Last Hope กลับมาอีกครั้งของประวัติศาสตร์อันยาวนานของมหาสมุทรแห่งดวงดาว

แชร์เรื่องนี้:
Star Ocean: The Last Hope  กลับมาอีกครั้งของประวัติศาสตร์อันยาวนานของมหาสมุทรแห่งดวงดาว

    Star Ocean: The Last Hope เกมอาร์พีจีภาคต่อล่าสุดของซีรีส์ชื่อดัง Star Ocean จาก Tri-Ace และ Square Enix ซึ่งเป็นภาคที่ 4 ของประวัติศาสตร์อันยาวนานของมหาสมุทรแห่งดวงดาว

    เรื่องราวในภาคนี้เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่ทรัพยากรในโลกมนุษย์เริ่มสูญสิ้น มนุษย์ล้มตายเป็นจำนวนมาก ด้วยอาวุธทำลายล้างที่มนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้นมาเองเพื่อใช้ทำสงครามโลกครั้งที่ 3 ในปี ค.ศ. 2074 โลกเริ่มไม่มีที่อยู่อาศัย มนุษย์จึงได้พยายามหาหนทางอันเป็นความหวังสุดท้ายที่เหลืออยู่ของมนุษยชาติ โดยการออกเดินทางท่องอวกาศ ซึ่งจะเป็นการเริ่มศักราชใหม่ ที่เรียกว่าจักรวาลศักราช หรือ Space Date นั่นเอง
เมื่อปี ค.ศ. 2074 มนุษย์เริ่มทำการค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับการเดินทางด้วยวาร์ปไดรฟ์เป็นครั้งแรก ปี ค.ศ. 2088 มนุษย์สามารถสร้างวาร์ปไดรฟ์ ที่สามารถส่งมนุษย์ออกนอกโลกผ่านวาร์ปไดรฟ์ได้สำเร็จ ปี SD0010 (ค.ศ. 2097 ซึ่งเกิดก่อน Star Ocean ภาคแรก 336 ปี) มนุษย์ได้เริ่มแผนปฏิบัติการบุกเบิกอวกาศและช่วยเหลือวิกฤติการณ์ของโลกขึ้นเป็นครั้งแรก

     ในภาคนี้จุดพัฒนาใหญ่ๆ ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ การพัฒนาของกราฟิก ที่เรียกได้ว่าเกินขีดจำกัดของเกมอาร์พีจีในปัจจุบันไปแล้ว โดยในฉากต่อสู้ ฉากแผนที่ ฉากเมือง และฟิลด์ต่างๆ จะเป็นกราฟิกเรียลไทม์ทั้งหมด และสามารถปรับมุมกล้องโดยการหมุนฉากได้ 360 องศาเลยทีเดียว

     สำหรับภาคนี้ระบบการต่อสู้จะคล้ายคลึงกับภาค 3 โดยเราจะบังคับตัวละครเดินในฉากแผนที่ และจะเห็นศัตรูเป็นตัวๆ เดินบนแผนที่ ซึ่งระบบนี้เรียกว่า Symbol Encounter ซึ่งหมายถึงการแทนศัตรูด้วยสัญลักษณ์มอนสเตอร์ชนิดหนึ่งๆ และเมื่อเดินเข้าไปชนจะตัดเข้าสู่ฉากต่อสู้ ซึ่งรูปแบบการปะทะกับศัตรูจะขึ้นอยู่กับจังหวะในการปะทะ เช่น ถ้าให้ตัวเอกเดินชนศัตรูตรงๆ ในขณะที่ศัตรูเดินหันหลัง ฝ่ายเราก็จะเป็นฝ่ายได้เปรียบซึ่งจะเรียกว่า Advantaged Attack ในกรณีกลับกัน ถ้าศัตรูเดินชนตัวเอกตรงๆ จากทางด้านหลัง ฝ่ายศัตรูก็จะเป็นฝ่ายได้เปรียบซึ่งจะเรียกว่า Surprise Attack ในกรณีเหล่านี้ ค่า ATK และ DEF จะเป็นโบนัสเพิ่มให้สำหรับฝ่ายที่ได้เปรียบนั่นเอง

    ภายในฉากต่อสู้จะเป็นแบบแอ็กชั่นกึ่งออโต้ โดยเราควบคุมตัวละครได้ 1 ตัว ส่วนตัวละครที่เหลือจะเป็น A.I. ควบคุม โดยสามารถเปลี่ยนตัวละครควบคุมได้ตลอดเวลาในฉากต่อสู้ สามารถวิ่งไปรอบๆ ฉาก แล้วโจมตีศัตรูด้วยการกดปุ่ม A หรือ B หรือใช้สกิลพิเศษโดยการกด RT หรือ LT สำหรับอินเตอร์เฟสในภาคนี้จะมีเกจ Rush ซึ่งน่าจะทำหน้าที่คล้ายๆ กับเกจ Guts ในภาค 3 ซึ่งภาคนี้สามารถลงต่อสู้ได้สูงสุดพร้อมกันถึง 4 คนเลยทีเดียว ระบบใหม่ๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามาจากภาค 3 ก็จะมี แบ็กสเต็ป ส่วนระบบการพิจารณาการต่อสู้แบบ Long กับ Short ก็ยังคงอยู่ โดยจะมีปุ่มกระโดดเพิ่มขึ้นมา ซึ่งในขณะกระโดดท่าไม้ตายและเวทย์ก็ยังโจมตีได้เหมือนเดิม แต่ท่าที่ใช้ในขณะเวลากระโดดจะเปลี่ยนไป นอกจากนี้ยังมีระบบใหม่ไซด์อินกับไซด์เอาท์ โดยท่าไม้ตายและเวทย์จะใช้ต่างกัน เช่น ถ้าอยู่ในเขตไซด์เอาท์ เวลากระโดดโจมตีศัตรูจะมีแสงขึ้นที่ตัวละครพร้อมดิ่งไปโจมตีศัตรู และสามารถเลือกเป้าหมายศัตรูได้ ซึ่งการโจมตีธรรมดาปกติจะได้แค่ 2-3 ครั้ง และสามารถติดสกิลได้เพิ่มจากภาค 3 เป็นปุ่มละ 3 ท่า เรียกว่าระบบลิ้งก์คอมโบ โดยการกดปุ่ม RT หรือ LT เพื่อใช้สกิลต่อเนื่องกันได้ถึง 3 ครั้งในคราวเดียว และยังสามารถติดสกิลซัพพอร์ตตัวละครได้อีก 2 ท่า ซึ่งระหว่างต่อสู้อยู่เมื่อทำเงื่อนไขถูกต้องก็จะสามารถทำโบนัสต่างๆ ในขณะต่อสู้ได้ ซึ่งจะมีอยู่ 4 อย่างหลักๆ ได้แก่ อัตราการได้ EXP เพิ่มคิดเป็น %, อัตราการได้เงินเพิ่มคิดเป็น %,อัตราการฟื้นค่าของ HP และ MP คิดเป็น % สุดท้ายคืออัตราการเพิ่มของค่า SP

     เมนูต่างๆ ในภาคนี้ทำออกมาใช้งานง่ายกว่าของเดิมค่อนข้างมาก เนื่องจากมีการแยกชุดคำสั่งต่างๆ เอาไว้ชัดเจน และมีเนื้อเรื่องย่อไว้ให้อ่านกันอีกด้วย เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของซีรีส์นี้ก็คือ ไอเทม อาวุธ และเครื่องป้องกันทุกชนิดจะมีรูปอุปกรณ์ดังกล่าวซึ่งเรนเดอร์ขึ้นมาเป็น 3D ที่สวยงามในทุกๆ ชนิดของไอเทม ตรงจุดนี้จะต่างจากเกมอาร์พีจีอื่นๆ ที่ไอเทมต่างๆ นั้นจะเป็นแค่ตัวอักษรเท่านั้น ซึ่งไอเทมต่างๆ ของซีรีส์ Star Ocean ที่ผ่านมาจะมีไม่ต่ำกว่า 1,000 ชนิด

     ระบบอีกอันหนึ่งที่โดดเด่นมาตั้งแต่ Star Ocean ภาคแรกนั่นก็คือ ระบบไปรเวทแอ็กชั่น ซึ่งตัวละครต่างๆ ภายในกลุ่มของเราจะสามารถแยกย้ายออกไปแล้วเกิดเหตุกาณ์ต่างๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับตัวเอกได้ ซึ่งตรงนี้ส่งผลต่อฉากจบที่มีมากมายหลายรูปแบบ ซึ่งในภาค 4 นี้ก็ยังคงมีระบบนี้อยู่เช่นเดียวกัน ระบบต่อมาก็คือ ระบบ Creation Item ซึ่งเป็นระบบสร้างไอเทมที่มีมาตั้งแต่ภาคแรกเช่นเดียวกัน นั่นก็คือตัวละครทุกตัวสามารถใช้สกิลพิเศษพวกสกิลแปลกๆ เช่น แต่งเพลง ทำอาหาร ตีอาวุธ ผสมไอเทม ผสมสมุนไพร ตรวจสอบไอเทม ฯลฯ ซึ่งสกิลเหล่านี้มีประโยชน์มากๆ ในการดำเนินเนื้อเรื่อง รวมถึงการปราบบอสต่างๆ ซึ่งจำเป็นจะต้องใช้สกิลเหล่านี้เพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์ต่างๆ ในเกมให้ได้

มารู้จักตัวละครในภาคนี้กัน
 

Edge Maverick (เอจ มาเวริค)
ตัวเอกของเรื่อง อายุ 20 ปี เด็กหนุ่มชาวโลกที่ได้อาสาเข้าร่วมหน่วยบุกเบิกจักรวาลเพื่อช่วยเหลือมนุษยโลก จากวิกฤติการณ์สงครามโลกครั้งที่ 3 เขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับเพื่อนสาวของเขาคือเรมี่

Reimi Saionji (เรมี่ ไซออนจิ)
เด็กสาวชาวโลกผู้ซึ่งเป็นคุณหนูแห่งตระกูลใหญ่ไซออนจิ อายุ 19 ปี เธอได้อาสาเข้าร่วมหน่วยบุกเบิกจักรวาล และออกเดินทางอวกาศไปกับเอจ และคอยช่วยเหลือเขาอยู่เสมอ

Faize Sheifa Beleth (เฟส ชิฟฟา เบเลส)
เด็กหนุ่มอายุ 18 ปี เป็นสมาชิกสังกัดกลุ่มวิจัยดวงดาวซึ่งเกิดในดาวเอลเดอร์ เขามีดวงตาสีแดงเปล่งประกาย ซึ่งเปรียบเหมือนอารมณ์โกรธเกรี้ยวอันรุนแรง

Lymle Lemuri Phi (ริมล์ เรมริ ไฟย์)
เด็กสาวอายุ 15 ปี เกิดที่หมู่บ้านทริออมในหมู่ดาวเรมริค พ่อแม่เธอตายตั้งแต่ยังเด็ก บางครั้งเธอจะดูเหมือนเด็กที่ยังไม่โต แต่จิตใจของเธอจริงๆ แล้วแข็งแกร่งกว่าใครเพื่อน และเธอยังเป็นเพื่อนกับเหล่าอสูรชื่อ “เคลเบรอส” อีกด้วย

แพลตฟอร์ม:
Xbox 360 

แนวเกม:
อาร์พีจี

ผู้จัดจำหน่าย:
Square Enix

ผู้พัฒนา:
Tri-Ace

กำหนดวางจำหน่าย:
ญี่ปุ่น 19 กุมภาพันธ์ 2552
อเมริกา 3 มีนาคม 2552
 

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ