Dead Space กับสองผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกไซไฟ

แชร์เรื่องนี้:
Dead Space กับสองผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกไซไฟ

 เรื่องเล่าขานตำนานในเกม 

 

    ช่วงปลายปีนี้มีเกมน่าเล่นออกมาเยอะแยะมากมาย ทั้งเกมฟอร์มเล็กและเกมฟอร์มใหญ่ พร้อมใจออกมาติดๆ จนบริหารเวลาเล่นกันแทบไม่ทัน ในบรรดาเกมที่ได้ออกมาวางจำหน่ายแล้ว มีอยู่หนึ่งเกมที่น่าสนใจมากๆ
ถือว่าเป็นเกมม้ามืดมาแรงแห่งปีเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ “Dead Space”

     สารภาพซื่อๆ เลยครับ ผมแทบจะไม่สนใจมันสักนิด คิดว่าเป็นเกมเดินยิงธรรมดาๆ ดาษดื่นตามสมัยนิยม จนคะแนนวิจารณ์แต่ละสำนักออกมาเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ชักเริ่มแปลกใจ เกมนี้มันมีดีอะไร? ดังนั้นจึงต้องหามาลองกับเขาสักหน่อย ความรู้สึกแรกหลังจากได้ลองเล่น โอ้โห!! นี่มันหนังสยองขวัญไซไฟอวกาศนี่หว่า อารมณ์มันประมาณดูหนังแนวนั้นเลยครับ ใครชอบดูหนังแนวๆ เอเลี่ยนก็คงถูกใจเกมนี้ไม่น้อย สิ่งที่ทำให้ผมติดใจมากที่สุดในเกมนี้ก็คือ ชื่อของพระเอก “Isaac Clarke” ใครเป็นคอนิยายวิทยาศาสตร์เห็นชื่อนี้คงรู้สึกสะกิดใจไม่น้อย เพราะว่าชื่อนี้มันมีความหมายซ่อนอยู่ครับ

     นิยายวิทยาศาสตร์หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่าไซไฟ (Sci-Fi, Science Fiction) นิยายประเภทนี้จะว่าด้วยจินตนาการถึงเรื่องราวต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในทางวิทยาศาสตร์ ทำเป็นเล่นไปนะครับ สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกเรา บางชิ้นมีปรากฏในนิยายวิทยาศาสตร์มาก่อน เช่น ดาวเทียม เป็นต้น ผมมารู้จักนิยายไซไฟครั้งแรกก็จากนิตยสารชัยพฤกษ์วิทยศาสตร์ ในสมัยเด็ก (20 กว่าปีก่อน) ที่พี่ชายชอบซื้อมาอ่านเป็นประจำ ครั้งแรกที่ได้อ่านไซไฟ รู้สึกมันเปิดโลกทัศน์ทำให้เราจินตนาการกว้างขึ้น ยิ่งอ่านก็ยิ่งติดลมเพลินมันส์ไม่แพ้นิยายประเภทอื่นๆ

แล้ว “Isaac Clarke” เกี่ยวอะไรกับไซไฟ?
ชื่อพระเอกของ Dead Space มาจากชื่อนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่สองท่านครับ

ท่านแรก Isaac Asimov (ไอแซค อสิมอฟ)
เกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2463 ถึงแก่กรรม 6 เมษายน พ.ศ. 2535 ผลงานสร้างชื่อเสียง “Foundation” ชื่อไทย “สถาบันสถาปนา” มีหลายภาคครับนิยายเรื่องนี้ ไซไฟของปู่อสิมอฟ ส่วนใหญ่จะเป็นแนวหุ่นยนต์ ผลงานจากไอเดียของแก ผมรับรองว่าเคยผ่านหูผ่านตาพวกเรามาแล้วแน่นอน สื่อบันเทิงหลายอย่าง หนัง ละคร การ์ตูน หรือเกม ถ้ามาแนวๆ หุ่นยนต์ล้วนได้รับอิทธิพลจากไซไฟของปู่แกทั้งนั้น
ยกตัวอย่างกฎสามข้อของหุ่นยนต์ เคยได้ยินกันมั้ยเอ่ย

1. หุ่นยนต์ต้องไม่ทำร้ายมนุษย์ หรือปล่อยให้มนุษย์ตกอยู่ในอันตราย
2. หุ่นยนต์ต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของมนุษย์ ยกเว้นคำสั่งนั้นๆ จะขัดกับข้อ 1
3. หุ่นยนต์ต้องรักษาสถานภาพของตนเองไว้ โดยไม่ขัดกับข้อ 1 และข้อ 2
สุดท้ายข้อที่ 0. หุ่นยนต์ต้องไม่ทำร้ายมนุษยชาติหรือปล่อยให้มนุษยชาติตกอยู่ในอันตราย

    รู้ไว้ใช่ว่านิดนึง กฎสามข้อของหุ่นยนต์ที่มักได้ยินกันบ่อยๆ แรกเริ่มมาจากนิยายเรื่อง I,Robot ที่ถูกนำมาดัดแปลงบท สร้างภาพยนตร์ฉายเมื่อ 3-4 ปีก่อน มีวิล สมิธ เล่นเป็นพระเอก นั่นแหละครับเรื่องนั้น มีหลายเรื่องชอบนำกฎสามข้อนี้ไปอ้างอิง ไม่แน่ครับในอนาคตข้างหน้า เมื่อเรามีหุ่นยนต์รับใช้ กฏสามข้อนี้อาจต้องนำไปใช้กันจริงๆ

ท่านที่สอง Arthur Charles Clarke (อาร์เทอร์ ชาลส์ คลาร์ก)
ปู่คลาร์กเป็นนักเขียนไซไฟที่มีอิทธิพลต่อวงการวิทยาศาสตร์ สิ่งที่เแกจินตนาการเขียนลงในนิยาย กลายมาเป็นการจุดประกายความคิด ก่อร่างสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ขึ้นมา อย่างดาวเทียมที่ผมเกริ่นนำมาในช่วงแรก ไอเดียแรกเริ่มก็มาจากงานเขียนของท่านผู้นี้แหละครับ

    ผลงานโดดเด่นของปู่คลาร์ก อันเป็นที่รู้จักในวงกว้างก็คงไม่พ้นนิยายเรื่อง 2001: A Space Odyssey (มีชื่อไทยว่า “2001 จอมจักรวาล”) เรื่องนี้ดังมากๆ ถูกนำไปสร้างเป็นหนัง แถมได้รับการยกย่องให้ขึ้นหิ้งเป็นหนังไซไฟระดับคลาสสิก ใครไม่เคยดูก็ลองหามาดูสักครั้งนะ

    งานเขียนของปู่คลาร์ก ส่วนใหญ่จะว่าด้วยเรื่องการเดินทางท่องไปในอวกาศ บรรดาหนัง นิยาย หรือแม้แต่เกม อะไรที่มาแนวๆ ท่องไปในอวกาศล้วนได้รับอิทธิพลและแรงบันดาลใจจากนิยายของแกทั้งนั้น อย่างเช่น Xenosaga เกมอาร์พีจีญี่ปุ่น ตัวละครน่ารักน่าชัง แต่เนื้อหาเข้าใจยาก โครงเรื่องของมันนี่ผมก็ว่าเอามาจาก Space Odyssey เต็มๆ เลยเชียวแหละ

“เมื่อมีวัตถุบางอย่างตกลงมาพื้นโลก สติปัญญาและวิวัฒนาการของมนุษย์จึงบังเกิด ครั้นมนุษย์ฉลาดมากพอที่จะพาตัวออกจากนอกโลก จึงเดินทางแสวงหาวัตถุนั้นเพื่อไขความลับของจักรวาล”

อ่านแล้วรู้สึกคุ้นๆ พล็อตเรื่องแนวนี้บ้างมั้ยล่ะครับ

อาร์เทอร์ ชาลส์ คลาร์ก เกิดเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2460 และถึงแก่กรรมเมื่อต้นปีนี้ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2551 รวมอายุทั้งสิ้น 90 ปี ขอไว้อาลัยปู่คลาร์กไว้ ณ ที่นี้

     แค่ชื่อพระเอกของ Dead Space ก็มีความหมายแฝงไว้ลึกขนาดนี้ บ่งบอกได้ว่าเกมนี้คอไซไฟไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาด ยิ่งเล่นก็ยิ่งได้กลิ่นหนังไซไฟโชยมาเรื่อยๆ เริ่มต้นเกมผมนึกถึง Event Horizon ก่อนเลย ตามมาด้วย Aliens ติดๆ การทำเกมโดยใช้หนังมาเป็นแรงบันดาลใจ จะว่าลอกหรือเลียนแบบมันก็ถูกนะ แต่ถ้านำมาใช้ให้เป็น ใช้ให้ถูกที่ถูกทาง ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดีออก

     อย่างเช่นเกม Silent Hill ทีมงานก็ออกมายอมรับว่าได้แรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่อง Jacob’s Ladder แต่มีการต่อยอดไอเดีย ความคิด ขยายความมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนกลายเป็นซีรีส์เกมที่มีแฟนติดตามเล่นอยู่เสมอ ฉบับนี้ยกตัวอย่างพูดถึงหนังสือและภาพยนตร์หลายเรื่อง ถ้ามีโอกาสก็ลองหามารับชมดูครับ แล้วจะเข้าใจว่าทำไมพวกนักพัฒนาเกมเขาถึงเอามาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างเกม ;)

โดย mastermune
 

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ