KILLZONE 2 เกม FPS ระดับ 'เมพ' บน PS3 ที่จะมาปราบ Halo !!!

แชร์เรื่องนี้:
KILLZONE 2 เกม FPS ระดับ 'เมพ' บน PS3 ที่จะมาปราบ Halo !!!

KILLZONE 2

     ทีมงาน Guerrilla Games ย้ำ เกม Killzone 2 ไม่เคยเลื่อน, ไม่ได้ออกมาเพื่อล้ม Halo และกราฟิกในเกมจะดูดีไม่แพ้เทรลเลอร์ที่เปิดให้ชมเมื่อ 3 ปีก่อน

     Killzone ไม่เคยเป็นอะไรแบบ “ก็แค่เกมยิงแบบ FPS อีกเกมล่ะว้า” อะไรแบบนั้นน่ะครับ เพราะย้อนไปตอนที่คอเกมส่วนใหญ่รู้ข่าวการสร้างเกม Exclusive สำหรับ PlayStation 2 เกมนี้โดยฝีมือของค่าย Guerrilla Games นั้น สื่อมวลชนในวงการเกมก็ต่างพากันโบ้ยตำแหน่ง “เกมที่จะมาปราบ Halo” ให้เกมนี้ไปอย่างกล้าหาญล่วงหน้าแล้ว ซึ่งแม้ว่าการถูกนำไปเปรียบมวยแบบนี้จะทำให้ Killzone กลายเป็นเกมเด่นขึ้นมาทั้งๆ ที่เกมยิงแนวนี้บน PS2 ตอนนั้นก็มีน้อยมากๆ แต่นั่นก็ทำให้นักเล่นเกมต่างก็ตั้งความหวังกับเกมภาคแรกไว้อย่างสูงปรี๊ดกันไปเลยด้วย ในส่วนนี้ คุณ Michiel van der Leeuw ซึ่งเป็นผู้กำกับฝ่ายเทคนิคของ Killzone 2 เล่าเสริมกับเราว่า “ตอนที่เราเริ่มลงมือจะทำเกม Killzone เนี่ย ทีมงานของเรายังเป็นแค่กลุ่มคนหน้าใหม่ที่เพิ่งมารวมตัวกันตั้งค่ายสตูดิโอผลิตเกมขึ้นมาเองครับ และการทำงานที่ใหญ่โตและมีแต่คนตั้งความหวังไว้สูงมากๆ แบบเกม Killzone นี่สร้างความวิตกกังวลกับเราพอดูเลย ซึ่งจริงๆ เราต้องบอกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ใหญ่เกินตัวพวกเราในตอนนั้นมากเหมือนกันด้วยครับ”

    และการจับพลัดจับผลูจากความเป็นค่ายเกมโนเนมมาสู่การเป็นค่ายเกมแถวหน้าในวงการเกมคอนโซลก็ทำให้ทุกสายตาพากันจับตามองค่ายเกม Guerrilla ที่มีถิ่นฐานอยู่ในเมืองอัมสเตอร์ดัมและเกมของพวกเขากันอย่างแทบไม่กะพริบตา ซึ่งคุณ Hermen Hulst ผู้ที่เป็นกรรมการผู้จัดการของค่ายก็เล่าให้ฟังว่า “การที่เราถูกนำไปเปรียบเทียบกับ Halo นี่ทำให้เกิดกระแสจนคนพากันหันมาสนใจเกมของเรากันมากมายเลยครับ แต่จริงๆ แล้ว Killzone นั้นเป็นอะไรที่ต่างไปจาก Halo อย่างสิ้นเชิงมาโดยตลอดเลยนะ ซึ่งพวกเราเองก็ไม่เคยอยากจะถูกนำไปเปรียบเทียบอะไรแบบนั้นเลยด้วย” แต่... ก็โชคร้ายที่ทั้งนักวิจารณ์และนักเล่นต่างก็นำเกมนี้ไปเทียบมวยกับงานระดับเทพของค่าย Bungie ไปเรียบร้อย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนักที่ผลออกมาเกมนี้สู้ไม่ได้แพ้ไปอย่างค่อนข้างขาดลอย ไม่ว่าจะจุดบกพร่องทางเทคนิค ปัญหาของ A.I. และระบบการบังคับที่ยังไม่ลงตัว ต่างก็ทำให้เกมนี้นั้นไม่สามารถล้มแชมป์ราชาเกมยิงบนคอนโซลจากพี่ Master Chief ลงได้ แต่อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อๆ มาเกมนี้ก็ยังทำรายได้ทั่วโลกไปได้ถึงสองล้านแผ่น ซึ่งก็ถือว่าฮิตมากพอที่จะทำให้เกิดภาคเสริมบน PSP (Killzone: Liberation) รวมทั้งภาคต่อแบบเต็มตัวบนเครื่อง PlayStation 3 ที่มีกำหนดการจำหน่ายอยู่ที่เดือนกุมภาพันธ์ในปีหน้านี้แล้ว

เหล่าทหารทัพ Helghast ใน Killzone 2 จะได้รับการอัพเกรดความฉลาดแบบ A.I. เสียที ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจถ้าได้เห็นทหารพวกนี้รู้จักใช้พื้นที่ต่างๆ เพื่อความได้เปรียบในการรบ
 

     ซึ่งเมื่อหลุดพ้นจากการถูกตีตราว่าต้องสร้างเกมที่ทำมาเพื่อล้ม Halo แล้ว ทีมงาน Guerrilla ก็เริ่มมุ่งมั่นให้กับการสร้าง Killzone บน PS3 เพื่อปรับปรุงข้อเสียต่างๆ ในสมัยภาคแรกกันอย่างจริงจังครับ โดยย้อนไปเมื่อสี่ปีก่อน ก่อนที่จะมีการเริ่มงานสร้างเกมภาคนี้ พวกเขาได้ตัดสินใจสร้างคลิป CG แอนิเมชั่นที่มีชื่อว่า “Visual Target” ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อโปรโมทและสร้างความตื่นตาจากการออกฉายในงาน E3 ปี 2548 เป็นหลัก โดยคุณ van der Leeuw เล่าเสริมว่า “ตอนนั้นเราอยากจะให้เห็นภาพกันชัดๆ น่ะครับ ว่า Killzone 2 จะออกมาหน้าตายังไง และเกม PS3 โดยรวมเนี่ยควรจะให้ความตื่นตาเร้าใจในทุกรายละเอียดการเคลื่อนไหวได้แบบนี้ ซึ่งถ้าคุณย้อนกลับไปดูคลิปเทรลเลอร์อันนั้นก็จะพบว่ามันเต็มไปด้วยอะไรๆ มากมายจริงๆ นะครับ และทีมงานของเราก็ยังมุ่งมั่นที่จะทำให้เกมออกมาดูอลังการแบบนั้นให้ได้” และล่วงเลยมาสามปี พวกเขาก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะลบคำสบประมาทที่เกิดจากคลิปเทรลเลอร์นั้นอยู่ (ดูกรอบย่อยประกอบในประเด็นนี้ได้ครับ) ซึ่งถ้าดูจากตัวเกมเวอร์ชั่นล่าสุดที่ทางทีมงาน EGM ของเราได้ทดลองเล่นนั้น ต้องบอกว่าพวกเขาดูจะทำออกมาได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ดูสูงเกินเอื้อมในอดีตอยู่ไม่น้อยแล้วครับ

ยกเครื่องครั้งใหญ่

     จะว่าไปคงไม่มีคนที่เคยเล่นภาคแรกของเกมนี้ออกมาบ่นเรื่องความเปลี่ยนแปลงอันมากมายในภาคต่อภาคใหม่นี้หรอกนะครับ เพราะองค์ประกอบหลายๆ อย่างในภาคแรกนั้นไม่เวิร์คด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว ซึ่งทางค่าย Guerrilla เองก็ไม่กลัวที่จะต้องมานั่งปรับองค์ประกอบสำคัญๆ ต่างๆ กันใหม่หมดอีกด้วย โดยคุณ Roland IJzermans จากฝ่ายออกแบบงานทางด้านภาพเสริมว่า “Killzone ภาคแรกนั่นเป็นผลงานเกมแรกของค่ายเราเลยนะครับ ซึ่งก็แน่นอนแหละครับที่มันจะมีข้อบกพร่องอะไรต่างๆ อยู่ เราจึงได้ลงมือศึกษากันอย่างจริงจังว่าคนเล่นนั้นชอบและไม่ชอบอะไรในเกมภาคแรกของเราบ้างแล้วก็นำมาปรับปรุงแก้ไขน่ะครับ” ซึ่ง...เรื่องที่แก้เป็นอย่างแรกน่ะเหรอครับ? ก็คือการเพิ่มปุ่มกระโดดนั่นเอง โดยคุณ IJzermans บอกว่า “เมื่อก่อนผมก็ไม่รู้เลยนะครับว่าการกระโดดนี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเล่นเกมทุกคนมากขนาดนี้” สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนอีกจุดหนึ่งก็คือการตัดจำนวนตัวละครให้เลือกเล่นจากสี่เหลือเพียงแค่หนึ่ง กับตัวเอกหน้าใหม่ที่มีชื่อว่า Sev โดยคุณ Mathijs de Jonge ผู้เป็นไดเร็กเตอร์อธิบายในเรื่องนี้ว่า “เราต้องการให้มีตัวเอกเด่นๆ แค่เพียงตัวเดียวมากกว่าที่จะมีถึงสี่คน เพราะเรารู้สึกว่าการมีพระเอกแค่คนเดียวจะทำให้คนเล่นมีประสบการณ์ร่วมไปด้วยได้ดีกว่าน่ะครับ”

     แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพระเอก Sev ของเราจะต้องลุยยิงไปในดาว Helghast เหงาๆ คนเดียวหรอกนะครับ เพราะจากในสองฉากที่ทางเราได้ทดลองเล่นนั้นก็พบว่าพระเอกของเรานั้นจะมีตัวละคร A.I. ผู้ช่วยที่เก่งกาจใช้ได้อยู่ข้างกายอย่างน้อยหนึ่งคนเสมอ และยังไม่ต้องคอยกังวลเรื่องการสั่งงานตัวละครผู้ช่วยเหล่านี้อีกด้วย (ถึงแม้ว่าระบบแบบนี้จะเคยทำออกมาได้เวิร์คมากกับภาค Killzone: Liberation แต่ทางค่าย Guerrilla คิดว่ามันคงจะเป็นส่วนประกอบที่ไม่น่าจะเข้ากับเกมแนวมุมมองบุคคลที่หนึ่งเท่าไหร่) แต่ผู้เล่นก็สามารถช่วยเหลือตัวละครผู้ช่วยเหล่านี้เวลาบาดเจ็บได้ และช่วยพวกเขาเวลาเจอสิ่งกีดขวางต่างๆ และยังช่วยเหลือในส่วนอื่นๆ ได้เช่นกัน นอกจากนี้การใส่ระบบหาที่กำบังแบบใหม่ยังทำให้เกม Killzone 2 นี้เป็นมิตรกับผู้เล่นมากขึ้นเยอะเลยครับ เช่นเดียวกับเกมอย่าง Gears of War หรือ Uncharted ที่ใช้การกดปุ่มง่ายๆ ก็สามารถแนบตัวผู้เล่นกับสิ่งที่ใช้เป็นที่กำบังที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดได้แล้ว จากนั้นผู้เล่นก็จะพิงแล้วชะโงกโผล่มายิงหรือจะโผล่ออกมาเพื่อซูมเล็งยิงเฮดช็อตแบบเน้นความว่องไวก็ได้อีกเหมือนกัน ซึ่งระบบการตั้งรับแบบใหม่นี้ถือว่าเปลี่ยนจังหวะการเล่นของเกมนี้ไปมากจริงๆ ครับ เพราะทำให้จังหวะของเกมภาคนี้ดูเป็นเกมแนววิ่งดะยิงแหลกน้อยลง และกลายเป็นสไตล์แบบหยุดๆ โผล่ๆ ลุยเป็นระยะอย่างสุขุมมากขึ้นแทน

      แต่ระบบที่กำบังแบบใหม่ของ Killzone 2 นี้ไม่ได้ให้ประโยชน์กับเพียงผู้เล่นและตัวละครผู้ช่วยในทัพ ISA (Interplanetary Strategic Alliance) เท่านั้น แต่ทางทหารของกองทัพ Helghast เองก็ตัดสินใจแบบฉับพลันระหว่างรบในเกมด้วยการกระโดดเข้าหลบเปลี่ยนที่กำบังได้ด้วยเหมือนกันเวลาที่คุณยิงใส่ที่กำบังของพวกมันจนเริ่มพรุน จริงๆ ใน Killzone ภาคแรกสุดนั้นไม่ค่อยเป็นที่ชื่นชมในส่วนของความฉลาดของ A.I. ศัตรูเท่าไหร่นะครับ แต่ทางทีมงาน Guerrilla ก็ตั้งใจจะแก้ข้อเสียตรงนี้ด้วยการสร้างความฉลาดเฉลียวให้กับ A.I. ศัตรูในภาคนี้ให้รู้จักเดินในฉากอย่างรอบคอบและรู้จักปีนข้ามสิ่งกีดขวางต่างๆ รวมทั้งดุดันพอที่จะไล่กวดเพื่อยิงคุณแบบเอาตายเวลาคุณเกิดเพลี่ยงพล้ำและตัดสินใจวิ่งหนีออกมาได้ด้วยเช่นกัน

      การเพิ่มในส่วนของยานพาหนะต่างๆ เข้ามาก็น่าจะส่งผลกับจังหวะการเล่นของเกมนี้มากพอดูด้วยเหมือนกันครับ แต่จากระยะเวลาและข้อจำกัดในการทดลองเล่นของทีมงาน EGM เรานั้นเรารู้สึกว่าในส่วนนี้ยังดู...ไม่ค่อยลงตัวนัก เราได้ลองเล่นฉากที่มีการดวลกันระหว่างรถถังตามที่เห็นในภาพประกอบ แต่เนื่องจากการบังคับการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าและสนามรบที่แคบไปหน่อยก็ทำให้การเล่นตรงส่วนนี้ชวนอึดอัดไม่น้อย แต่ยังไงก็หวังว่าจะมียาน Hovercraft และชุด Jetpack ของภาค Liberation กลับมาให้ใช้อีกครั้งในภาคนี้พร้อมด้วยการบังคับผ่านเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวของจอย Sixaxis ก็จะดีมากๆ เลยครับ เพราะ ณ ตอนที่เราได้ไปทดลองเล่นนั้นเราแอบพบว่ามีการใช้ฟังก์ชั่นนี้แค่เล็กน้อยในตอนใช้หมุนวงล้อเพื่อแก้ปริศนาในเกมเท่านั้น แต่คุณ Hulst เองก็ให้คำมั่นกับเราในเรื่องนี้ครับว่า “จะมีการใช้ความสามารถของจอย Sixaxis เพิ่มมาอีกมากแน่นอนครับ”

มันส์กันแบบเกินพิกัด

     พูดตรงๆ นะครับ ทางทีมงาน EGM เราเองก็แปลกใจพอดูเหมือนกันที่พบกว่า Killzone 2 นั้นให้ความรู้สึกที่เล่นง่ายและสนุกกว่าที่คิดไว้มาก แต่เราก็ไม่ค่อยแปลกใจนักที่พบว่าภาพและเสียงในเวอร์ชั่นล่าสุดของเกมนี้นั้นออกมาน่าประทับใจกว่าที่เราคิดไว้มาก ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่ถึงในระดับเทรลเลอร์แรกในงาน E3 แต่ก็ถือว่าเกมนี้ดูดีไปในอีกรูปแบบแล้วครับ

คุณ Michiel van der Leeuw ซึ่งเป็นผู้กำกับฝ่ายเทคนิคของเกมนี้แก้ต่างเรื่องที่เกมนี้มีโมเดลปืนและแอนิเมชั่นการรีโหลดกระสุนที่มีรายละเอียดสูงลิ่วไว้ว่า “ก็เพราะคุณต้องจ้องปืนของคุณไปตลอดทั้งเกมน่ะสิครับ!”

      แม้ว่าผู้เล่นจะใช้เวลาในเกมส่วนใหญ่ไปกับการมองไปที่ปลายกระบอกปืนของตัวเอง แต่ทางทีมงาน Guerrilla ก็ทุ่มเทอย่างจริงจังให้กับการสร้างตัวละครที่มีรูปร่าง การเคลื่อนไหว และพฤติกรรมต่างๆ ที่ดูสมจริงเป็นธรรมชาติที่สุดผ่านทางการใช้เทคนิคสร้างแอนิเมชั่นด้วยโมชั่นแคปเจอร์ที่ช่วยเสริมความสมจริงให้ทั้งในส่วนคัตซีนและในเกมการเล่น และก็เช่นเดียวกับเกม Heavenly Sword ครับที่เกมนี้ก็ใช้นักแสดงพูดแสดงบทสนทนาต่างๆ ในเกมระหว่างที่กระโดดโลดเต้นไปพร้อมๆ กับอุปกรณ์ลูกปิงปองที่ติดอยู่ตามตัวเพื่อแคปเจอร์ไปสร้างเป็นโมเดลตัวละครไปด้วย ในส่วนนี้คุณ Jonathan Kray จากฝ่ายพัฒนาซีเนมาติกของเกมนี้เสริมว่า “การที่เราสามารถจับทั้งการพากย์เสียงสนทนาที่ได้อารมณ์ การเคลื่อนไหวของปาก และการแคปเจอร์การเคลื่อนไหวของร่างกายไปพร้อมๆ กันในครั้งเดียวนี่ ทำให้ตัวละครออกมาดูจริงและน่าเชื่อถือขึ้นมากเลยนะครับ”

      และเมื่อคุณมองในส่วนอื่นๆ นอกจากแอนิเมชั่นที่โดดเด่นมากๆ ของเกมนี้แล้ว ความงดงามของเกมนี้ส่วนใหญ่นั้นมาจากสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ที่ซับซ้อนที่ทำให้ภาพรวมของเกมนี้ดูดียิ่งขึ้นไปอีก อย่างในฉากเดโมที่ทางเราได้ทดลองเล่นนั้น เรารู้สึกว่าเรามักจะตกอยู่ในการปะทะที่มหึมา ดุเดือด อย่างเหนือความคาดหมายอยู่เป็นระยะเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีทางอากาศที่มาบ่อยครั้ง ระเบิดที่ตูมตามรอบตัว และการโจมตีจากป้อมปืนใหญ่ต่างๆ ผสมผสานกันเป็นสนามรบที่โกลาหลดุเดือดเลือดพล่านมากๆ โดยคุณ van der Leeuw เสริมว่า “เกมนี้จะมีเอฟเฟ็กต์จำนวนมหาศาลอยู่รอบตัวคุณจนคุณอาจจะลืมสังเกตไปเลยก็ได้นะครับ เราพยายามจะทำให้คุณรู้สึกว่าคุณไม่ได้มองดูกราฟิกโพลีก้อนอะไรแบบนั้นอยู่... และให้คุณรู้สึกจดจ่อเป็นส่วนหนึ่งไปกับเกมและเร้าใจในแบบที่เรียกว่า คุณจะอินมากๆ จนลืมไปเลยครับว่านี่เป็นเกมเกมนึง”

    ทีม Guerrilla ยังไม่ลังเลที่จะเปิดเผยถึงเบื้องหลัง หรือจริงๆ ต้องบอกว่ากลไกเบื้องหลังของเกมนี้ พร้อมทั้งคุยอวดถึงข้อดีต่างๆ ที่พวกเขาได้จากเทคนิคการเรนเดอร์กราฟิกและการที่พวกเขาใช้พลังไปถึง 4.5 ส่วนของจำนวนคอร์ทั้งหกของ Cell ชิพใน PS3 อย่างคุ้มค่า และพวกเขายังพูดชื่นชมทีมสร้างเกมของโซนี่ทีมอื่นๆ ที่ร่วมแบ่งปันเครื่องไม้เครื่องมือ เทคนิค และข้อมูลต่างๆ ให้กับพวกเขา โดย van der Leeuw บอกว่า “ทางโซนี่จะมีเว็บ Forum เพื่อให้นักสร้างเกมทั่วโลกได้แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีในการสร้างตัวละครในเกม เครื่องไม้เครื่องมือในการสร้างแอนิเมชั่น รวมทั้งเครื่องมือ Graphic Shaders ต่างๆ อีกด้วยครับ อย่างทีมงานเราก็ได้เทคนิคเด็ดๆ บางอันจากเกม Resistance ของทีมงาน Insomaniac มา และเรายังได้พูดคุยกับทีมงานของเกม God of War ที่อยู่ในเมือง Santa Monica มาด้วยเหมือนกันครับ” เห็นได้ชัดครับว่าทางทีมงาน Guerrilla นั้นไม่เคยกลัวที่จะต้องขอความช่วยเหลือจากใครและพวกเขายังได้เสริมทีมงานที่ก็มีจำนวนถึง 130 คนของพวกเขาอยู่แล้วด้วยการไปขอกำลังเสริมจากทีมงานอื่นๆ รวมทั้งยังไป “ขอยืม” ทีมงานมือเก๋าๆ จาก Studio Cambridge ของ Sony Europe (ที่เคยสร้างเกม Primal) มาช่วยงานอีกด้วย

       ความพยายามทุ่มเทศึกษาระบบกราฟิกของ PS3 ของพวกเขาก็ทำให้ผลงานที่ออกมานั้นน่าพอใจยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ โดยในระหว่างที่พวกเราทดลองเล่นเกมนี้ เราได้เห็นหนึ่งในฉากที่เจ๋งมากๆ ของเกมนี้เท่าที่เราเคยเห็นมา เป็นฉากที่ผู้เล่นต้องหยุดตั้งหลักเพื่อทำลายอาคารที่เต็มไปด้วยทหารศัตรูด้วยปืน Rail Gun โดยเล็งไปตามวัตถุระเบิดต่างๆ ตามฉาก และเมื่ออาคารนี้เริ่มพังทลายลงมา เอฟเฟ็กต์ของกราฟิกตรงนี้นั้นอลังการชวนขนลุกมากๆ เชียวครับ มีทั้งก้อนกำแพงตึกขนาดยักษ์ที่พากันหล่นลงมา ตามติดมาด้วยกลุ่มฝุ่นควันที่ค่อยๆ แผ่กระจายออกไปทั่วพื้นที่อย่างสมจริง และถ้าคุณเงยหน้ามองขึ้นไปก็จะเป็นภาพของซากปรักหักพังที่สะท้อนกับแสงแดดที่ส่องผ่านกลุ่มควันออกมาเป็นลำอย่างตระการตา ถึงตรงนี้เนี่ยเรียกว่าได้อึ้งทึ่งกันจนลืมมองหาจับผิดพวกรอยต่อโพลิกอนต่างๆ ไปเลยก็ว่าได้

เลื่อนขายเหรอ? ไม่เค๊ย ไม่เคยเลื่อน

     ถ้าพิจารณาจากความไหลลื่นทั้งหน้าตาและการเล่นของ Killzone 2 ณ ตอนนี้นั้น พวกเราก็อึ้งไปเหมือนกันที่โซนี่ประกาศเมื่อไม่นานนี้ว่าเกมนี้จะถูกเลื่อนขายจากเดิมปลายปีนี้ไปเป็นเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า แต่ทางทีม Guerrilla เองก็ไม่ได้กังวลอะไรกับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยคุณ Hulst อธิบายกับเราว่า “ผมคงไม่ใช้คำว่า “ดีเลย์” หรือว่าเลื่อนกำหนดขายหรอกนะครับ เพราะพวกเราเองก็เคยประชุมกับฝ่ายการตลาดเพื่อวิเคราะห์หาช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะวางขายกันไปแล้ว คือจริงๆ เราจะส่งเกมนี้ออกขายในปีนี้ก็ได้นะ แต่ว่าถ้าลองมองดูองค์ประกอบอื่นๆ แล้วเนี่ย (เช่น การที่เกมลูกพี่ลูกน้องอย่าง Resistance 2 ที่ก็จะขายปลายปีนี้) ก็ถือว่าการออกขายปีหน้าก็เป็นช่วงที่เหมาะสมแล้ว และก็ยังทำให้ทีมงานของเรามีโอกาสที่จะปรับแต่งตัวเกมให้สมบูรณ์แบบได้เต็มที่ยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ”

      คุณ Hulst ยังพูดแก้ต่างในประเด็นข่าวลือที่หาว่าการเลื่อนกำหนดขายของเกมนี้นั้นมาจากการที่ลูกทีมของเขานั้นฝีมือไม่เก๋าพอที่จะรับมือกับโครงสร้างที่ซับซ้อนของเครื่อง PS3 “ไม่จริงนะครับ ผมไม่ได้ “ดีเลย์” เกมตัวเองเพราะความยากในการสร้างเกม PS3 อะไรเลยนะครับ ผมคิดว่าทางทีมงานเราไม่ได้เลื่อนกำหนดการขายออกไปอะไรด้วยซ้ำ เพราะเราเคยพูดมาตลอดนะครับ ว่าเราจะวางขายในตอนที่เราพร้อมจริงๆ แล้วเท่านั้น และนั่นคือ เราจะพร้อมแน่นอนในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าครับ และถ้าคุณจะถามผมว่าเราจะทำเกมนี้เสร็จออกขายได้เร็วกว่านี้ไหมถ้าเป็นการทำบนเครื่องอื่น ผมก็บอกได้เลยว่าไม่ใช่แน่นอนครับ”

      ซึ่งเมื่อมองจากความมุ่งมั่นที่ทั้งคุณ Hulst และทีมงานของเขาตั้งใจจะทำเกมให้ออกตามกำหนดการแล้ว พวกเราเองก็เซ็งนิดๆ เหมือนกันที่ไม่ว่าพวกเราจะถามหยอดถามแหย่แค่ไหน พวกเขาก็ไม่ยอมปริปากบอกรายละเอียดลับๆ ของโหมดมัลติเพลเยอร์ในเกมนี้ให้เราได้ฟังเลยแม้แต่น้อย คุณ Hulst เขาบอกกับเราแค่เพียงว่า “เราให้ความสำคัญกับโหมดมัลติเพลเยอร์ไม่แพ้โหมดเล่นคนเดียวเลยนะครับ และรับรองว่าจะออกมาเจ๋งมากๆ แน่ๆ ด้วย ซึ่งฟีเจอร์ต่างๆ ในโหมดมัลติเพลเยอร์จะได้รับการเปิดเผยตามมาเป็นระยะแน่นอนครับ” และจากการที่เราได้เห็นตัวละคร A.I. ผู้ช่วยระหว่างเล่นก็ทำให้เราหวังว่าจะมีโหมด Co-op ให้ช่วยกันเล่นในส่วนแคมเปญเนื้อเรื่องไปตลอดเหมือนกัน รวมไปถึงโหมดการเล่นเบสิกอย่าง เดธแมตช์ ทีมเดธแมตช์ และการชิงธงก็น่าจะมีมาให้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามถ้าเรามองย้อนไป ก็จะพบว่าโหมดเล่นออนไลน์ของ Killzone ภาคแรกนั้นเคยเต็มไปด้วยข้อบกพร่องและการโกงกัน (ก่อนจะมีแพตช์เสริมแก้ในเวลาต่อมา) และภาค Liberation เองนั้นกว่าจะมีโหมดเล่นออนไลน์จริงๆ ก็ต้องรอหลังเกมออกไปแล้วถึงแปดเดือนด้วยกัน

    จากที่เราได้ลองเล่นเกมนี้ พบว่าการปะทะกับยานรบของฝ่ายศัตรูนั้นง่ายกว่าถ้าเราใช้รถถังของฝ่าย ISA ของเรา แต่จริงๆ ทหารเดินเท้าฝีมือเจ๋งๆ ก็ล้มยานพาหนะพวกนี้ได้เองเหมือนกันนะ

      โดยภาพรวมแล้ว Killzone 2 ควรค่าแก่การได้รับการตัดสินด้วยตัวของเกมนี้เองเหมือนกันนะครับ และทางทีม Guerrilla เองก็หวังว่าเกมเมอร์ทั้งหลาย (และสื่อวงการเกม) จะเปิดกว้างและมองข้ามประเด็นการเป็น “เกมทำมาเพื่อฆ่า Halo” ไร้สาระอันนั้นไปกันได้เสียที ซึ่งคุณ Hulst ก็อธิบายว่า “พวกเราไม่เคยมองว่า Halo เป็นเกมคู่แข่งที่เราต้องเอาชนะเลยนะครับ ถึงตอนนี้ก็ไม่คิดแบบนั้น อย่างในปีนี้ เกมที่เด่นที่สุดคงหนีไม่พ้น Call of Duty 4 แต่บางทีในปีหน้าอาจจะเป็นเกมซีรีส์อื่นก็เป็นไปได้เหมือนกันนะครับ”

ISA vs. Helghast Tech

การแยกแยะมิตรและศัตรูในสนามรบภาคนี้ทำได้ง่ายขึ้นแล้ว

     ถ้ามองว่าหัวใจและคอนเซ็ปต์หลักของเกม Killzone นั้นเป็นเรื่องของ “พวกเราปะทะพวกมัน” แล้วละก็ ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ที่ผู้เล่นจะต้องแยกแยะทหารของ ISA และ Helghast ได้อย่างชัดเจนและรวดเร็วที่สุดให้ได้ ซึ่งในภาคนี้ก็ต้องขอบคุณทีมงานดีไซเนอร์ครับที่ทำให้การแยกแยะเพื่อนกับศัตรูนั้นง่ายขึ้น โดยคุณ Michiel van der Leeuw ซึ่งเป็นผู้กำกับฝ่ายเทคนิคของเกมนี้บอกว่า “สมัยภาคแรกเราก็ยังลองผิดลองถูกกันไปอยู่นะครับ แต่มาถึงตอนนี้พวกเราตั้งใจเน้นไปที่การสร้างความต่างระหว่างทหารของ ISA และ Helghast และโครงสร้างต่างๆ ของทั้งสองฝ่ายมากขึ้นแล้วครับ” โดยเทคโนโลยีของทัพ ISA นั้นจะว่าไปก็ดูมีหน้าตาที่ไม่ค่อยต่างไปจากเทคโนโลยีทางทหารของอเมริกาในทุกวันนี้เท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นรถถังที่ดูถึกๆ หรือแม้แต่ปืน Desert Eagle ที่เป็นสีเงินแวววับแสบตาเป็นพิเศษ

     ในขณะเดียวกัน อาวุธยุทโธปกรณ์ของทัพ Helghast เองก็ดูโหดๆ ทึมๆ จากการใช้โลหะสีดำด้านๆ และยังเต็มไปด้วยใบมีดมากมาย และเนื่องจากเกมในภาคนี้จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนดาว Helghast ก็เลยทำให้ทีมฝ่ายศิลป์ของ Guerrilla นั้นต้องออกแบบอุปกรณ์การรบที่ทึมๆ ทะมึนมากเป็นพิเศษ ซึ่ง van der Leeuw ก็เสริมว่า “เราศึกษาลักษณะของเหล่าร้ายพวกนี้จากสิ่งที่เราเคยสร้างไว้นะครับ ก็ที่แน่ๆ คือ พวกมันเป็นพวกเผด็จการหัวรุนแรง” ส่วนอาวุธของฝ่าย Helghast ที่เราคิดว่าเจ๋งมากก็เห็นจะเป็นปืน Arc Cannon ซึ่งเป็นปืนยิงลำแสงขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานจากพายุฝนบนดาว Helghan ซึ่งเรายังได้ยินมาว่าจะมีอาวุธที่อิงเรื่องของสภาพอากาศอื่นๆ เพิ่มมาอีกแน่นอนด้วยครับ...

ทีมงาน Guerrilla ยังไม่พร้อมที่จะพูดถึงในส่วนออนไลน์ แต่การที่เราได้เห็นตัวละคร A.I. ผู้ช่วยอยู่ข้างกายเสมอนั้น ทำให้เราเชื่อว่าโหมดการเล่นแบบ Co-op น่าจะมีอยู่ในเกมนี้ค่อนข้างแน่


ขอแนะนำทีม Alpha Squad

ใน Killzone 2 คุณจะได้พบกับสามตัวละครน้องใหม่ และอีกหนึ่งตัวละครเก่ายอดนิยม

เรียงจากซ้ายไปขวา  

สิบโท Dante Garza 
     Garza เป็นหนุ่มเกเรที่มาจากครอบครัวชนชั้นสูงที่พ่อแม่ส่งเขามาเป็นทหารตั้งแต่เด็กๆ เพื่อปรับปรุงนิสัย ซึ่งแม้ว่าการร่วมทัพ ISA จะยังไม่ทำให้เขาดูเกเรน้อยลงเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขากลายมาเป็นมือปืนสไนเปอร์ชั้นเยี่ยมและยังเป็นเจ้าหน้าที่เทคนิคทางทหารที่เก่งกาจอีกด้วย

จ่าสิบเอก Rico Velasquez 
      Rico รับใช้กองทัพของ ISA มาถึง 12 ปีแล้วและเคยร่วมภารกิจกับ Templar ในการป้องกันดาว Vekta (ในภาคแรก) มาแล้ว อย่างไรก็ตามในระหว่างศึกครั้งนั้นเขาถูกพวก Helghast จับตัวไปและถูกลวงให้หันมาทรยศกองทัพตัวเอง ซึ่งแม้ว่าเขาจะได้รับการอภัยโทษในเวลาต่อมาแต่ความรู้สึกผิดครั้งนั้นก็ยังตามหลอกหลอนเขาอยู่...

สิบเอก Tomas Sevchenko 
     เกิดบนดาวอาณานิคม Vekta และได้สูญเสียญาติพี่น้องในครอบครัวไปหลายคนในครั้งที่ทัพ Helghast บุกมา เขาเป็นทหารที่ขยัน เป็นผู้นำที่เถรตรงและเป็นมืออาชีพมากๆ เพื่อนๆ ทหารเรียกเขาว่า “Sev” โดยเขาจะเป็นตัวละครเอกที่คุณจะได้บังคับไปตลอดเกมในโหมดเล่นคนเดียว

สิบโท Shawn Natko 
     Natko มาจากครอบครัวชนชั้นใช้แรงงานที่สมถะและเป็นคนที่มักจะถากถางคนอื่นด้วยวาจาลักษณะของการมองโลกในแง่ร้ายเสมอ Natko เคยร่วมงานกับทีม Terranium อยู่หลายปีก่อนจะมาเข้าร่วมกองทัพ ISA เขายังเป็นทหารที่ชำนาญการต่อสู้แบบมือเปล่าที่สุดของทีม Alpha Squad และยังเชี่ยวชาญเรื่องระเบิดและนิยมการต่อสู้ระยะประชิดมากๆ

เหล่าตัวประกอบของ Killzone 2

Everlyn Batton
    นักวิทยาศาสตร์สาวสวยผู้เคยดูแลเรื่องอาวุธที่ถูกทัพ Helghast ขโมยไปในเหตุการณ์ภาค Liberation มาในภาคนี้เธอกลับมาเพื่อช่วยกองทัพ ISA รับมือกับอาวุธนิวเคลียร์ชนิดใหม่แล้ว

Scolar Visari 
     ผู้นำที่แสนลึกลับของทัพ Helghast (รูปข้างล่างนี่ก็ไม่ใช่ตัวเขานะครับ เป็นแค่ลูกน้องคนนึงในทัพของเขาเท่านั้น) ไม่ค่อยชอบปรากฏกายต่อหน้าผู้คนเท่าไหร่ และการจับกุมตัวเขา (เพื่อนำมาลงโทษ) ยังคงเป็นเป้าหมายหลักของผู้เล่นใน Killzone 2

พันเอก Jan Templar
     พระเอกจากสองภาคแรกของ Killzone ได้รับการเลื่อนยศและแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการเรือรบขนาดยักษ์ของทัพ ISA ที่ชื่อว่า New Sun ภายใต้ภารกิจเพื่อเข้าโจมตีดาว Helghan และจับกุมตัว Scolar Visari โดยเขายังเป็นคนเลือก Sev พระเอกภาคนี้ให้มานำทีม Alpha Squad ด้วยตัวเองอีกด้วย

เรื่องโดย Shane Bettenhausen แปลและเรียบเรียง ขุนช้าง

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ