World of Warcraft : Wrath of the Lich King และแล้วการผจญภัยสำรวจดินแดนตอนเหนือ ก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!

แชร์เรื่องนี้:
World of Warcraft : Wrath of the Lich King และแล้วการผจญภัยสำรวจดินแดนตอนเหนือ ก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!

ประเภท: MMO
ผู้พัฒนา: BLIZZARD
ผู้ผลิต: VIVENDI
ผู้จัดจำหน่าย: -
เว็บไซต์: WWW.WORLDOFWARCRAFT.COM
กำหนดวางตลาด: 2008

     ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การรวมกลุ่มผจญภัยและมหกรรมนั่งล่าตีมอน(สเตอร์) ในระดับบ้าคลั่งทำให้ผมเกือบจะต้องเลิกเล่น World of Warcraft ไปถึงสามครั้งสามครา (และช่างพ้องกับความพยายามในการอดบุหรี่ที่มีถึงสามครั้งเช่นกัน) แต่ทุกครั้งที่ผมจะเลิก เหล่าทีมงาน Blizzard ก็มักจะมาพร้อมกับหนทางใหม่ๆ ในการดึงผมกลับเข้าสู่โลกของมันอยู่ร่ำไป แน่นอน พวกเขาเริ่มต้นด้วยพาหนะบินได้ใน The Burning Crusade ถัดมา ก็ล่อผมด้วยดันเจี้ยน Zul'Aman ในแพตช์เวอร์ชั่น 2.3 และหลังจากที่ผมลองเล่นเวอร์ชั่นทดสอบของ Wrath of the Lich King ที่สำนักงานของ Blizzard นั้น ผมก็เริ่มจะรู้สึกว่ามันชักจะเข้าอีหร็อบเดิมอีกจนได้สิน่ะ

     ผมเริ่มต้นออกสำรวจพื้นที่ Northrend ทางตอนเหนืออย่างรวดเร็วที่เมือง Valgarde บนแหลม Howling Fjord (ด้วยตัวละครพระนักบวช Night Elf เลเวล 70 ที่ทาง Blizzard ให้ยืมเล่นชั่วคราว) และเข้ารับภารกิจเดินดุ่มสุ่มดง และตรงเข้าจัดการกับเจ้า Worg แบบเดิมๆ ที่เคยผ่านมาก่อนหน้านั้น แต่นั่นเอง ที่ผมได้พบว่าเจ้า Worg ดังกล่าวไม่ได้เดินดุ่ยไปตามท้องทุ่งเฉยๆ หากแต่มันพุ่งเข้ากลุ้มรุมจู่โจมกับบรรดาทหารยามถึงหน้าประตูเมืองเลยทีเดียว ผมเลยสบโอกาสผสมโรงเติมพลังให้กับเหล่าพวกพ้อง และส่งพลังแห่งความมืดเข้าโจมตีเจ้า Worg ซึ่งมันก็ช่วยสร้างความรู้สึกและบรรยากาศของโลกที่มีลักษณะและกลิ่นอายเฉพาะที่ยังไม่อาจมีเกมปลายแถวในท้องตลาดเกมใดจะสามารถเทียบได้หรือเสมอเหมือน อันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ซีรีส์ WoW เป็นที่รู้จักมานานแสนนานนั่นเอง

     แน่นอนว่าบรรดาโจ๊กจี้แห่งซีรีส์ WoW ก็มีให้เห็นโดยทั่วไปตามพื้นที่ Northrend ชนิดที่แม้แต่สิงห์สนามปาร์ตี้กลุ่มเข้าสายเลือดยังต้องแอบอมยิ้ม Hemit Nesingwary ยอดพรานแห่งซีรีส์ที่แฟนเก่าๆ จะต้องรู้จักกันดี (ชื่อจะออกเสียงคล้ายๆ กับ Ernest Hemingway ยอดนักเขียนชาวอเมริกันที่ชอบเขียนนิยายผจญภัย) กลับมาอีกครั้งเพื่อเกณฑ์บรรดานักผจญภัยในการออกล่าสัตว์ร้ายแดนเถื่อนที่ใหญ่และแปลกประหลาดที่สุดในโลก แต่ในคราวนี้ คุณสามารถเข้าร่วมกับกลุ่ม Druids for the Ethical and Humane Treatment of Animals (ชื่อย่อ DEHTA) กลุ่มพระนักบวชที่มุ่งหมายจะอนุรักษ์พันธุ์สัตว์และเข้าขัดขวางกลุ่มของ Hemit อย่างเต็มกำลังก็ได้เช่นกัน

      ในด้านกราฟิก Wrath of the Lich King ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถกลบริ้วรอยแห่งกาลเวลาในเอนจิ้นหลักของ WoW ไปได้มากนัก (เทคนิคเรนเดอร์ทิวทัศน์ที่ทำให้เห็นทิวทัศน์ได้ไม่ไกลตอนนี้กลายมาเป็นข้อด้อยที่มองข้ามไปไม่ได้เสียแล้ว) แต่กับความใส่ใจในรายละเอียดปลีกย่อยของพื้นที่และอาคารสิ่งก่อสร้าง ก็ช่วยให้ทุกสิ่งในตัวเกมดูสมจริงและสดใหม่อยู่เสมอ อย่างเช่น ในขณะที่ผมเดินดุ่มในพื้นที่ Grizzly Hills (บริเวณทางตอนเหนือของแหลม Howling Fjord ที่กลุ่มบรรษัท Venture Co. ของเหล่าก๊อปลินมีกิจการเหมืองแร่อยู่) ผมก็ได้เดินผ่านต้นไม้ World Tree โบราณขนาดยักษ์ที่ล้มตายไปเมื่อนานมาแล้ว ไม่รอช้า ผมรีบไต่ขึ้นไปตามขอบลำต้น ไม่ใช่เพราะภารกิจ แต่เพราะผมสามารถทำได้ และทิวทัศน์แห่งแนวป่าเขียวขจีที่ได้ทอดมองลงมาจากเบื้องบนนั้น ก็สวยงามและให้ความพึงพอใจเสียยิ่งกว่าไอเทมเทพๆ หรือเงินทองจำนวนมหาศาลมากองอยู่ตรงหน้าเสียอีก และการสำรวจรวมถึงการค้นพบเหล่านี้เอง ที่ทำให้บรรดาผู้เล่นต้องกลับเข้าสู่โลกของมันอย่างไม่รู้เบื่อ

      สุดท้าย ในทุกครั้งที่ผมคิดว่าตัวเองจะลืมซีรีส์ WoW เพราะความสุดยอดแห่งสงครามระดับมหากาพย์ระหว่างดินแดนใน Warhammer Online หรือกราฟิกอันสวยสดงดงามสมจริงแห่ง Age of Conan ก็เป็นทีมงาน Blizzard นี้เองที่ก้าวเข้ามา และตอกย้ำถึงเหตุผลที่ทำให้พวกเขายังคงความเป็นเจ้าแห่งเกมแนว MMO ชนิดไร้ผู้ต่อกร

รายละเอียดของ Death Knight อัศวินแห่งรัตติกาล!

     เป็นที่แน่นอนแล้วว่าทาง Blizzard จะไม่กำหนดเงื่อนไขสุดโหดหินเกินไปนักสำหรับผู้เล่นที่ต้องการปลดล็อก Death Knight คลาสระดับฮีโร่ตัวแรกของซีรีส์ World of Warcraft อันที่จริง ผู้เล่นที่มีตัวละครที่เลเวล 55 ก็สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ทันที ไม่จำเป็นต้องปั่นตัวละครใหม่ตั้งแต่เริ่มต้นแต่ประการใด จะมีเงื่อนไขเพียงข้อเดียวคือ ผู้เล่นจะสามารถสร้างตัวละครในคลาสนี้ (ไม่จำกัดเผ่าพันธุ์) ได้เพียงหนึ่งตัวต่อหนึ่ง Account เท่านั้น

     อนึ่ง ไอเทม Unholy Frost และ Blood Runes เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคาถาและความสามารถของคลาสนี้เป็นอันมาก เพราะหลังจากใช้ความสามารถ ตราอักขระจะถูกชาร์จเพิ่มขึ้นมาตามระยะเวลา โดยคุณสามารถปรับแต่งช่องเก็บทั้งหกไว้สำหรับสำรองไอเทมดังกล่าว ดังนั้น ถ้าคุณพบว่าตัวเองกำลังเมามันกับความสามารถด้านน้ำแข็งอย่าง Chains of Ice ที่จะแช่แข็งศัตรูให้อยู่กับที่นั้น ก็ควรจะเตรียมอักขระน้ำแข็งไว้เสียแต่เนิ่นๆ จะดีกว่า

     อีกหนึ่งความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์ของ Death Knight นั้น คือการปลุกชีพศพให้ฟื้นขึ้นมาเป็นสัมภเวสีที่อยู่ใต้อาณัติในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และที่เจ๋งยิ่งกว่าคือ ถ้าคุณร่ายคาถานี้ให้กับเพื่อนร่วมทีม เขาคนนั้นจะสามารถควบคุมเจ้าศพคืนชีพนี้ได้โดยตรงอีกด้วย

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ