สวช. จับมือ สสส. ตั้งศูนย์ปฏิบัติการ “สายด่วนร้านเกมอินเทอร์เน็ต”
รับแจ้งเหตุพฤติกรรมไม่เหมาะสมและเรื่องร้องเรียนจากผู้ประกอบการ
ธ.ค.๕๑
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๑ เวลา ๐๙.๓๐ - ๑๑.๓๐ น. ณ หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลการประกอบกิจการร้านเกมตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการดำเนินงานตามโครงการร้านเกมสีขาวเพื่อเยาวชน พร้อมจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ “สายด่วนร้านเกมและอินเทอร์เน็ต” เพื่อรับแจ้งเหตุ รับเรื่องร้องเรียน ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุนการดำเนินงานโครงการร้านเกมสีขาวเพื่อเยาวชน อีกทั้งส่งเสริมการสร้างเครือข่ายในการเฝ้าระวังร้านเกมและอินเทอร์เน็ต จากภาคประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชน ในการนี้ นางสาวนันทิยา สว่างวุฒิธรรม รองเลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ และ ทันตแพทย์กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ รองผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เป็นผู้แทนหน่วยงานในการลงนาม
นางสาวนันทิยา สว่างวุฒิธรรม รองเลขาธิการฯ เปิดเผยว่า “ เด็กและเยาวชน ส่วนใหญ่กว่า ๗๐% เล่นอินเทอร์เน็ตเป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยร้านเกมและอินเทอร์เน็ต ถือเป็นสถานที่ยอดนิยมในการใช้บริการ จากการสำรวจปัจจัยที่ทำให้เด็กใช้บริการร้านอินเทอร์เน็ตมากที่สุด คือ อยู่ใกล้บ้าน โดยใช้เวลาเดินทางไม่ถึง ๕ นาที มีเกมที่หลากหลาย และราคาไม่แพง ขณะที่การใช้งานร้านเกมและอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ คือ เล่นเกม ๗๓% คุย/แชท ๓๙% และหาข้อมูล ๓๒% ส่วนพฤติกรรมที่เหมาะสมที่เด็กและเยาวชนพบเห็นในร้าน ๕ อันดับแรก คือ ๑.ถูกข่มขู่รีดไถ ๒.เคยถูกทำร้ายร่างกาย ตบตีชกต่อย ๓.เป็นหนี้ร้านอินเทอรเน็ต ๔.ถูกลวนลามทางเพศ และ ๕.การถูกบังคับ เช่น สูบบุหรี่ บังคับให้ซื้อของ
จากการดำเนินงานที่ผ่านมา แม้สำนักงานภาพยนตร์และวีดิทัศน์ จะมีการดูแล ควบคุม พร้อมทั้งได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ ออกตรวจร้านเกมและอินเทอร์เน็ตเป็นระยะๆ แต่ก็ยังพบร้านที่มีการกระทำผิดหลักเกณฑ์ หรือประกอบกิจการโดยไม่ได้ขออนุญาตอยู่เสมอ และเมื่อเจ้าหน้าที่เข้มงวดกวดขันก็เกิดปัญหาร้องเรียนตามมาอีกมากมาย ดังนั้น จึงเห็นว่าการควบคุมร้านเกมนั้น ถึงจะได้รับผลระดับหนึ่งแต่ก็เป็นแนวทางด้านลบที่ก่อให้เกิดปัญหาและการต่อต้านจากผู้ประกอบการ หากทำในแนวทางส่งเสริมด้านบวกน่าจะให้ผลดีมากกว่าการควบคุมเพียงอย่างเดียว ในการนี้ สวช. จึงได้มีการคิดทำโครงการศูนย์ปฏิบัติการ “สายด่วนร้านเกมและอินเทอร์เน็ต” เพื่อชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบการและการประกอบการที่มุ่งเน้นการคุ้มครองเด็กและเยาวชน และเป็นศูนย์กลางในการรับเรื่องร้องเรียนและประสานข้อมูลไปยังพื้นที่ที่รับผิดชอบให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมไปถึงการสร้างเครือข่ายในการเฝ้าระวังร้านเกมและอินเทอร์เน็ต ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย อาทิ สสส. กลุ่มเครือข่ายครอบครัว และกลุ่มผู้ประกอบการร้านเกมและอินเทอร์เน็ต ฯลฯ
โดยผู้ประกอบการสามารถสอบถามรายละเอียด ข่าวสาร แจ้งเหตุ หรือร้องเรียนผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้ www.safetycyber.org หรือ ตู้ปณ.๔ ปณฝ.สุทธิสาร กรุงเทพ ๑๐๓๒๑ หรือ หมายเลขโทรศัพท์ ๐-๒๒๔๗-๐๐๒๘ ต่อ ๕๐๕๑ หรือ ๐-๒๒๔๕-๙๖๔๖ หรือ ๐-๒๒๔๖-๖๑๔๙ ขณะเดียวกันผู้ปกครองสามารถมีส่วนร่วมในการดูแลร้านผ่านทางศูนย์ฯ และอาจชักชวนให้ผู้ประกอบการเข้ามาเป็นสมาชิกร้านเกมสีขาว โดยมีมาตรการส่งเสริมหรือให้สิทธิประโยช์สำหรับร้านที่เข้าร่วมโครงการ
ขณะนี้มีร้านเกมและอินเทอร์เน็ตที่เข้ายื่นจดทะเบียนขอมีใบอนุญาตทั้งสิ้น ๒๓,๒๗๐ แห่ง ผ่านมาตรฐานเป็นร้านเกมสีขาว ๗๐๕ แห่ง และตั้งเป้าว่าในปี ๒๕๕๒ นี้ จะมีร้านเกมสีขาวถึง ๒,๐๐๐ แห่ง”
ทันตแพทย์กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ รองผู้จัดการสสส. กล่าวว่า “จากการสำรวจของสถาบันวิจัย CMR Market Research เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ร้านอินเทอร์เน็ตใน ๔ ประเทศ คือ ไทย รัสเซีย ฟิลิปปินส์ และยูเครน พบว่า เด็กไทยใช้บริการร้านอินเทอร์เน็ตเพื่อเล่นเกมเป็นอันดับหนึ่งถึง ๘๖% อันดับ ๒ ฟิลิปปินส์ ๖๖% อันดับ ๓ ยูเครน ๕๖% และอันดับ ๔ รัสเซีย ๕๑% ส่วนเรื่องการใช้บริการเพื่อการสนทนาออนไลน์ อันดับหนึ่งฟิลิปปินส์ ๗๑% ยูเครน ๕๙% ไทย ๔๙% และรัสเซีย ๔๒%
มีเด็กและวัยรุ่นจำนวนไม่น้อย อยากให้ร้านอินเทอร์เน็ตมีโปรแกรมเพื่อการศึกษา เกมสร้างสรรค์จินตนาการ สสส.จึงได้เข้ามาร่วมมือกับสวช.จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ “สายด่วนร้านเกมและอินเทอร์เน็ต” และให้การสนับสนุนในหลายด้าน เช่น การขยายผลการดำเนินงาน และผลักดันให้เกิดสิทธิประโยชน์ในเชิงสร้างสรรค์สำหรับผู้ประกอบการร้านเกมและอินเทอร์เน็ตที่เข้าร่วมโครงการฯ การสนับสนุนร้านเกมและอินเทอร์เน็ตให้เป็นแหล่งเรียนรู้ตามอัธยาศัย และการสนับสนุนการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกอบการร้านเกมและอินเทอร์เน็ตที่ดีผ่านโครงการฝึกอบรมและเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายให้แก่ผู้ประกอบการร้านเกมและอินเทอร์เน็ต รวมถึงผู้ปกครอง และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยให้สวช.เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน”
ส่วนนางสาวเพชรศิริ เหลืองไพโรจน์ ผู้จัดการสายพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท ไมโครซอฟท์(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ทางบริษัทไมโครซอฟท์ ยินดีร่วมสนับสนุนโครงการฯนี้ และเห็นว่าข้อจำกัดหนึ่งของผู้ประกอบการคือ การจัดซื้อโปรแกรมลิขสิทธิ์ทำให้ต้นทุนในการประกอบการสูงขึ้น บริษัทจึงขอสนับสนุนผู้ประกอบการที่ร่วมดูแลสังคมด้วยการจัดหาโปรแกรมลิขสิทธิ์ เช่น Billing ฯลฯ และสนับสนุนซอฟแวร์ด้านการศึกษาฟรี โดยติดต่อขอรับได้ที่ ๐-๒๖๔๒-๗๘๐๐”
สำหรับนางอัญญาอร พานิชพึ่งรัถ หัวหน้าเครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวังและสร้างสรรค์สื่อ มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว กล่าวว่า “ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฯ ดังกล่าว เพราะจะมีส่วนสำคัญในการช่วยรับเรื่องร้องเรียนต่างๆ เมื่อผู้ปกครองพบเห็นพฤติกรรมทีไม่เหมาะสม ทั้งนี้เครือข่ายฯ ก็จะคอยเฝ้าระวังและให้การสนับสนุนให้เกิดร้านเกมสีขาวรอบรั้วสถานศึกษามากยิ่งขึ้น”