กลุ่ม Incar ประกอบด้วยสาวกที่คลั่งไคล้แห่ง Trieste ต่างจากเผ่าอื่นๆ พวกเขาพยายามที่จะบรรลุพลังเวทย์อันบริสุทธ์ และหันหลังให้กับเวทมนตร์ด้านมืดทุกชนิด โดยสามารถเรียกพลังจากธาตุพื้นฐานของพื้นแผ่นดิน รอบๆ ตัวพวกเขาได้ สามารถควบคุมพลังแห่งสายฟ้า น้ำแข็ง ไฟ และพลังธาตุอื่นๆ ภารกิจของพวกเขาตรงตามหลักคำสอนของ Trieste ที่ว่า “ผู้ต่อต้าน Incar จงคลุกคลานด้วยความหวาดกลัว ข้านี้คือผู้ที่จะรวบรวมดินแดนให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อความสงบสุขด้วยอำนาจแห่งมนตรา”
ข้อมูลอาชีพ Incar Magician
หากใครที่ชื่นชอบการเล่นอาชีพ Magician ชอบความอลังการ และความหลากหลายของสกิล รวมไปถึงพลังทำลายอันหนักหน่วง Incar Magician คืออาชีพที่คุณควรเล่น อาชีพนี้เกิดมาเพื่อเป็น Damage Dealer อย่างแท้จริง เพราะความรุนแรงของสกิลบวกกับผลกระทบต่อธาตุต่างๆ ทำให้มีความได้เปรียบสูง นี่ยังไม่รวมถึงความอลังการของแต่ละสกิล ซึ่งมันจะทำให้คุณหลงใหลอาชีพนี้อย่างไม่รู้ตัว
เรามาเริ่มทำความรู้จักกับ Incar Magician กันดีกว่า อาชีพนี้ใช้การโจมตีด้วยเวทมนตร์เป็นหลัก เพราะฉะนั้นอาวุธหลักๆ จึงมี 2 ชนิด นั้นคือ Staff และ Wand และจุดเด่นคือการโจมตีเป็นธาตุได้รุนแรงมาก ซึ่งธาตุโจมตีของ Incar Magician มี 3 ธาตุ คือ Fire Element , Ice Element และ Lightning Element การอัพค่า สเตตัส ของอาชีพนี้เน้นไปที่ค่า Spirit (SPR) แต่ยังมีข้อจำกัดในการใส่อาวุธทำให้เราต้องอัพค่าอื่นด้วยเพื่อใส่อาวุธได้ เรามาดูการอัพค่า สเตตัส ของอาชีพนี้กันเลยครับ
การอัพสเตตัสของ Incar Magician
สเตตัสเริ่มต้นของอาชีพนี้คือ
STR 2
DEX 3
Heal 2
SPR 8
หลักการอัพค่าสเตตัสของอาชีพนี้ไม่ต่างกับอาชีพอื่นมากนัก เพราะตัวเกมบังคับการอัพสเตตัสจากอาวุธ หรือพูดง่ายๆ ว่าอาวุธต้องการสเตตัสในการใส่เท่าไหร่ เช่นในรูปที่ 1
รูปที่ 1
การอัพสเตตัสของอาชีพ Incar Magician หลักๆ เลยมีเพียงสายเดียว นั้นคืออัพสาย SPR ล้วนๆ (นอกเหนือจากนั้นให้อัพสเตตัสแค่พอที่จะใส่อาวุธได้ก็พอ) แต่บางครั้งหากเราต้องการพลังป้องกันและเลือดที่มากขึ้น เราจำเป็นต้องอัพค่า Heal เสริมไปด้วย แต่หากคุณเป็นคนที่รักการ PVP และการทำสงครามเป็นชีวิตจิตใจ แนะนำให้อัพ SPR 3 และ Heal 2 ทุกๆ เลเวล แต่อย่าลืมค่า STR เพื่อใส่อาวุธด้วยนะครับ ซึ่งค่านี้จะอัพแค่ช่วงที่เราจะเปลี่ยนอาวุธเท่านั้น
การเลือกอาวุธ
ปัญหาใหญ่อีกอย่างนึงของอาชีพนี้นอกจากการอัพสกิลแล้ว คือการเลือกใส่อาวุธ อย่างที่ได้บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าอาชีพ Incar Magician มีอาวุธให้ใช้ 2 ชนิดนั้นคือ Wand และ Staff อาวุธสองชนิดนี้ต่างกันตรงไหน เรามาดูกันเลยครับ สเตตัสหลักๆ ที่อาวุธทั้ง 2 ชนิดนี้ต้องการคือ STR และ SPR อย่างในรูปที่ 2
รูปที่ 2
มาถึงตรงนี้หลายคนคงสับสนแล้วว่า งั้นแล้วเราจะใช้อาวุธอันไหนดีล่ะ มันต่างกันตรงไหน แล้วทำไมถึงต้องมี 2 แบบ มันแตกต่างกันตรงไหน ? มันมีข้อแตกต่างมากเลยครับ (ไม่นับจากรูปร่างของมันที่ต่างกันน่ะครับ) ระหว่างอาวุธ 2 ชนิดนี้ มีสิ่งที่ให้เราได้ไม่เหมือนกันเลยครับ
เรามาดูข้อแตกต่างของอาวุธทั้ง 2 ชนิดกัน
Wand
- อาวุธชนิดนี้ ต้องการสเตตัส STR น้อยกว่า Staff
- Magical Damage ที่ได้จะน้อยกว่า Staff
- เจาะสล็อตได้น้อยกว่า Staff คือเจาะได้สูงสุดแค่ 3 สล็อตเท่านั้น
Staff
- Magical Damage ที่ได้จะมากกว่า Wand
- ต้องการสเตตัส STR มากกว่า Wand มาก
- เจาะสล็อตได้มากกว่า Wand คือเจาะได้สูงสุด 4 สล็อต
ผมเชื่อว่ายังมีคนลังเล ว่าจะใช้อันไหนดี เรามาวิเคราะห์กันว่า ถ้านำไปใช้งานมันจะต่างกันตรงไหน จากความแตกต่างของอาวุธที่แบ่งให้ดูแล้ว จะเห็นว่า มันมีข้อดีแตกต่างกัน จากรูปที่ 3
รูปที่ 3
ผมจะเทียบที่อาวุธเลเวล 115 น่ะครับ จะเห็นชัดๆ ว่า Staff ต้องการ STR มากกว่า Wand ถึง 36 พอยท์ หากเราใช้ Wand เราสามารถเอาแต้ม 36 พอยท์นี้ไปอัพ SPR เพื่อชดเชยค่า Magical Damage ที่น้อยกว่า Staff ได้ หรือจะอัพค่า Heal เพื่อเอาเลือดและพลังป้องกันก็ได้ แต่ Wand เราเจาะสล็อต ได้แค่ 3 รู ซึ่งน้อยกว่า Staff ส่วน Staff ถึงแม้เราจะเสียแต้มไป 36 พอยท์เพื่ออัพ STR ก็จริง แต่ Staff สามารถเจาะสล็อตได้ถึง 4 รู ทำให้สามารถใส่หินออพชั่นเพื่อเพิ่มความแรงของ Magical Damage ได้อีก ทำให้แรงขึ้นไปอีก และสิ่งหนึ่งที่ Wand ไม่มี นั้นคือ อัตราการบล็อกการโจมตีจากระยะประชิดครับ ทำให้เวลาโดนตีจากระยะประชิด Staff จะบล็อกได้ดีกว่า Wand มาก ทำให้เรามีโอกาสโต้กลับได้ (ที่สำคัญค่า STR ที่บังคับให้เราอัพนั้นช่วยให้เรามี Critical Rate มากขึ้นหมายความว่าเราจะสามารถโจมตีเวทย์แบบติดคริติคอลได้บ่อยขึ้นด้วยครับ)
รายละเอียดสกิล
หลังจากหมดปัญหากับการเลือกใส่อาวุธแล้ว เรามาดูการอัพสกิลกันครับ เป็นปัญหาเกือบทุกเกมเลยก็ว่าได้ครับ การอัพสกิลจะเป็นแบบ Skill Tree คือหากเราอยากอัพสกิลใดเราต้องอัพสกิลก่อนหน้านั้นก่อนถึงจะอัพสกิลอื่นได้ครับ ข้อดีของสกิลแบบนี้คือ เราจะได้อัพสกิลแบบมีแบบแผนและไม่งงครับ จากที่บอกตั้งแต่ต้นว่าอาชีพ Incar Magician มีการโจมตีเป็นธาตุทั้งหมด 3 ธาตุ เพราะงั้นสกิลเวทย์โจมตีจึงมี 3 สาย แต่เราไม่จำเป็นต้องเลือกอัพสายใดสายหนึ่งนะครับ เพราะเราสามารถอัพได้ทุกสายเลย เรามาดูวิธีและแนวทางการอัพทั้ง 3 สายกัน
ประเภทสกิลของอาชีพ Incar Magician มี 4 ประเภทครับ
Passive : สกิลที่อยู่ในประเภทนี้ส่วนใหญ่เป็นสกิลบัฟและมาสเตอรี่
Fire : เป็นสกิลสายธาตุ ไฟ
Ice : เป็นสกิลสายธาตุ น้ำแข็ง
Lightning : เป็นสกิลสายธาตุ สายฟ้า
Passive Skill
เป็นสกิลติดตัว (Passive) ที่เพิ่มพลังป้องกัน เริ่มอัพได้ตอนเลเวล 5 แนะนำให้อัพเต็มเลเวล 10 เพราะที่สกิลเลเวล10 จะบวกพลังป้องกันถึง 30% เลยครับ
เป็นสกิลโจมตีด้วยเวทมนตร์ที่ติดตัวมาตั้งแต่สร้างตัวละคร ไว้เก็บเลเวลในช่วงแรก แต่ไม่จำเป็นต้องอัพเพิ่มครับ
เป็นสกิลโจมตีครับ แต่ไม่แรงนัก เพราะงั้นไม่จำเป็นต้องอัพให้เก็บพอยท์ไว้อัพสกิลธาตุเลยครับ
เป็นสกิลโจมตีโดนเป้าหมาย 2 ตัว และลดการป้องกันธาตุของเป้าหมายลงทุกธาตุด้วย สกิลนี้ไม่จำเป็นต้องอัพครับ เพราะเป้าหมายเราคือจะอัพสกิลโจมตีทั้ง 3ธาตุ เวลาไปเก็บเลเวล มอนสเตอร์มันจะแพ้ทางธาตุกัน เพราะงั้น ถ้ามอนสเตอร์ตัวไหน แพ้ธาตุอะไร เราก็ใช้สกิลที่มันแพ้เท่านั้นเอง ส่วนถ้าเราสู้กับคนด้วยกัน เป็นไปได้ยากที่ผู้เล่นจะใส่ออพชั่นในชุด เป็นป้องกันธาตุทุกธาตุ ส่วนใหญ่ผู้เล่นจะใส่ออพชั่นเป็นเพิ่มพลังป้องกันมากกว่า
เป็นสกิลบัฟเพิ่มพลังป้องกันและเพิ่มการป้องกันธาตุทุกธาตุครับ เริ่มอัพได้ตอนเลเวล 14 แนะนำให้อัพเต็ม 5 เลยครับ
เป็นสกิลโจมตีที่โจมตีได้ 3 เป้าหมาย และเป็นการโจมตีแบบทางกายภาพครับ ไม่จำเป็นต้องอัพ
เป็นสกิลโจมตีที่แรงอีกสกิลครับ แต่ไม่ได้โจมตีเป็นธาตุ เลยไม่จำเป็นต้องอัพครับ
เป็นสกิลบัฟที่ใช้ HP มาเพิ่ม MP แทนครับ เริ่มอัพได้ตอนเลเวล 10 ครับ แนะนำให้อัพเต็ม 5 เผื่อกรณีฉุกเฉิน MPเราหมดครับสกิลนี้ช่วยชีวิตเราได้
เป็นบัฟเพิ่ม Magic ATK ครับ ซึ่งจะเพิ่มเยอะมากเริ่มอัพได้ตอนเลเวล 30 แนะนำให้อัพเต็ม 5 ไปเลย
เป็นสกิลโจมตีแบบไม่มีธาตุอีกสกิลครับ โจมตีเป้าหมายเดียวและมีการติดสถานะด้วยคือ จะลด HP และ MP ของเป้าหมายลงเป็น % แต่ไม่มีความจำเป็นต้องอัพ
Fire Element
เป็นสกิลมาสเตอรี่ สายไฟ (Passive) ที่เพิ่มความแรงของเวทย์สายไฟ และพลังป้องกันสายไฟด้วย เริ่มอัพได้ตอนเลเวล 5 มันจำเป็นมากแนะนำให้อัพเต็มเลเวล 10
เป็นสกิลโจมตีธาตุไฟ ไม่แรงมากแต่ให้อัพแค่เลเวล 1 เพื่อเป็นทางผ่านไปสกิลอื่นก็พอ ช่วงแรกให้ใช้สกิลนี้เก็บเวลไปก่อนครับ เริ่มอัพได้ตอนเลเวล 7
เป็นสกิลยิงลูกบอลไฟใส่เป้าหมาย ไม่แรงมากให้อัพแค่เลเวล 1 เพื่อเป็นทางผ่านก็พอครับ
เป็นสกิลโจมตีระยะใกล้ครับ ความแรงพอประมาณ และโดนเป้าหมาย3 เป้าหมาย แนะนำให้อัพแค่เลเวล 1 เป็นทางผ่านก็พอ
เป็นสกิลสร้างเสาไฟโจมตีศัตรูพร้อมกัน 3 เป้าหมาย ความแรงพอประมาณ ให้อัพแค่เลเวล 1 เป็นแค่ทางผ่านไปยังสกิลอื่นพอครับ
เป็นสกิลโจมตีด้วยการยิงลูกบอลไฟใส่ศัตรู โดนเป้าหมายพร้อมกันสูงสุด 6 เป้าหมาย แนะนำให้อัพเต็มเลเวล 10 เลยครับ
เป็นสกิลที่เด็ดของอาชีพนี้เลยครับ โจมตีโดนเป้าหมายแค่เป้าหมายเดียว แต่ความแรงที่เลเวล 10 จะมีพลังโจมตีมากถึง 13,284 หน่วย เริ่มอัพได้ตอนเลเวล 81 แนะนำให้อัพเต็มเลเวล 10 เลยครับ
เป็นสกิลโจมตีเป้าหมาย 3 เป้าหมาย ความแรงอาจจะไม่แรงเท่า Blast Phoenix แต่ยังแรงมากอยู่ดีครับ แถมศัตรูที่โดนสกิลนี้จะติดสถานะเลือดลดทุกๆ วินาทีด้วย ที่สกิลเลเวล 10 เลือดจะลด 48 หน่วยทุกวินาที คงอยู่เป็นเวลา 5 วินาที เริ่มอัพได้ตอนเลเวล 92 แนะนำให้อัพเต็มอีกหนึ่งสกิล
Ice Element
เป็นสกิลมาสเตอรี่ สายน้ำแข็ง (Passive) ที่เพิ่มความแรงของเวทย์สายน้ำแข็ง และพลังป้องกันสายน้ำแข็งด้วย เริ่มอัพได้ตอนเลเวล 5 จำเป็นมากแนะนำให้อัพเต็ม 10 เลยครับ Ice Bolt
เป็นสกิลยิงน้ำแข็งใส่ศัตรู ให้อัพเลเวล 1 เพื่อเป็นทางผ่านก็พอครับ
เป็นสกิลยิงพลังคลื่นน้ำแข็งใส่ศัตรู และยังทำให้ศัตรูเดินช้าลงด้วยครับ แต่แนะนำให้อัพแค่เลเวล 1 เพื่อเป็นทางผ่านก็พอ เพราะเรายังมีสกิลสายน้ำแข็งที่เด็ดกว่านี้ครับ Ice Spike
เป็นสกิลที่เสกแท่งน้ำแข็งแทงขึ้นมาจากพื้นในจุดที่ศัตรูอยู่ครับ สกิลนี้จะทำให้เป้าหมายเดินช้าลงครับ แต่ทุกเลเวลเป้าหมายจะเดินช้าลง 2 วิ เพราะงั้นอัพแค่เลเวล 1 เป็นตัวช่วยและทางผ่านก็พอครับ
เป็นสกิลยิงพายุน้ำแข็งลงมาทิ่มแทงศัตรูครับ ความแรงไม่มากนัก อัพแค่เลเวล 1 เพื่อเป็นทางผ่านอีกเช่นกัน
เป็นสกิลยิงผลึกน้ำแข็งใส่ศัตรูครับ โดยเป้าหมายสูงสุด 6 เป้าหมายมีความแรงอยู่ในระยะปานกลาง เริ่มอัพได้ตอนเลเวล 51 แนะนำให้อัพเต็ม 10 ไว้เก็บเลเวลช่วงกลางๆ เกม
เป็นสกิลใช้พลังน้ำแข็งแช่แข็งศัตรูครับ โดนแค่เป้าหมายเดียวแนะนำให้อัพแค่เลเวล 1 เพื่อไปยังสกิลทีเด็ดของสายน้ำแข็งครับ Gracious Eddy
เป็นสกิลทีเด็ดของสายน้ำแข็งเลยครับ เพราะเป็นสกิลที่แรงที่สุดของสายนี้ โจมตีโดนเป้าหมายพร้อมกัน 6 ตัว และที่สำคัญ เป้าหมายจะติดสถานะเดินช้าและโจมตีช้าลง 100% และสถานะคงอยู่ 4 วินาที นั่นก็นานพอที่เราจะกำจัดเป้าหมายได้เลยทีเดียว
Lightning Element
เป็นสกิลมาสเตอรี่ สาย สายฟ้า (Passive) ที่เพิ่มความแรงของเวทย์สาย สายฟ้า และพลังป้องกันสาย สายฟ้าด้วย เริ่มอัพได้ตอนเลเวล 5 จำเป็นมาก แนะนำให้อัพเต็ม 10 เลยครับ
เป็นสกิลยิงสายฟ้าใส่ศัตรูครับ อัพแค่เลเวล 1 เพื่อเป็นทางผ่านก็พอ
เป็นสกิลยิงสายฟ้าใส่ศัตรู แต่มอนสเตอร์รอบๆ เป้าหมายที่เราเลือกจะโดนค่าความเสียหายด้วย แต่ไม่แรงมากนัก แนะนำอัพแค่เลเวล 1 เป็นทางผ่านก็พอครับ
ยิงสายฟ้าใส่เป้าหมายครับ ซึ่งไม่แรงมาก อัพแค่เป็นทางผ่านก็พอคอีกเช่นกัน
เป็นสกิลยิงสายฟ้าลงมาในวงแหวนรอบๆ ที่สกิลกำหนดครับมอนสเตอร์ที่อยู่ในวงแหวนจะโดนโจมตีสูงสุด 3 ตัว พลังทำลายไม่แรงมาก แนะนำอัพแค่เป็นทางผ่าน
เป็นสกิลยิงลูกบอลสายฟ้าใส่ศัตรูพร้อมกันมากถึง 6 เป้าหมาย ความแรงจัดอยู่ระยะพอใช้ เริ่มอัพได้ตอนเลเวล 51 แนะนำให้อัพเต็ม 10 เพื่อใช้เก็บเลเวลช่วงกลางของเกม
เป็นสกิลยิงหอกสายฟ้าใส่เป้าหมายครับ โดนพร้อมกัน 2 ตัว มีความแรงแรงที่สุดในสายนี้ครับ เริ่มอัพได้ตอนเลเวล 81 แนะนำให้อัพเต็ม 10 เลยครับ
เป็นสกิลทีเด็ดอีกสกิลของอาชีพนี้ ความแรงอาจไม่เท่า Thunder Spear แต่สกิลนี้จะบวกเปอร์เซ็นต์ความแรงไปในตัว มันโจมตีโดนเป้าหมายพร้อมกัน 6 เป้าหมาย และทำให้ติดสถานะ เลือดลดทุกๆ วินาทีด้วยด้วย เริ่มอัพได้ตอนเลเวล 92 แนะนำให้อัพเต็มเลเวล 10
หากอัพครบจะได้อย่างในรูปที่ 3
รูปที่ 3
หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วช่วงแรกๆ จะเก็บเลเวลยังไง ให้อัพสกิลแค่เลเวล 1 หมดเลย กว่าจะเก่งก็นานซิ จริงๆ แล้ว อย่างที่ผมบอกอาชีพนี้เป็น Damage Dealer ที่แท้จริง ความแรงของสกิลที่ได้ มันแรงอยู่แล้วครับ ในรูปที่ 4
รูปที่ 4
จากในรูปจะเห็น Damage ที่ได้แรงมากทั้งๆ ที่สกิลที่ใช้เป็นสกิลเลเวล 1 เองครับ เพราะงั้น ช่วงแรกเราจะมีสกิลใช้ทั้ง 3 สายถึงจะแค่เลเวล 1 แต่เราก็เอามากดเพื่อทำคอมโบสกิลได้แล้วครับ อาจมีคนสงสัยว่าแล้วทำไมไม่อัพให้เต็มเลยล่ะ ในเมื่อเลเวลยังแรงขนาดนี้ ที่ไม่อัพเต็มก็เพื่อที่เราจะได้เหลือพอยท์ไว้อัพสกิลที่แรงกว่าไงครับ สมมุติเราอัพสกิลสายไฟเต็ม10 ทุกสกิล โอเคอัพได้ครับ แต่คุณจะไม่สามารถอัพสกิลสายน้ำแข็งที่เป็นตัวช่วยได้เลย เพราะงั้นช่วงแรกอดทนนิดหน่อย หากคุณได้สกิลขั้นสุดท้ายทั้ง 3 สาย คุณจะกลายเป็นจ้าวแห่ง Damage Dealer เลยล่ะ
สกิลที่แนะนำมาทั้งหมด เราสามารถอัพจนครบได้ตอนเลเวล 150 แถมมีพอยท์เหลืออีก 1 แต้ม นำไปอัพสกิลตกปลาได้ด้วยครับ เอาไว้ตกปลาแก้เบื่อ แต่จริงๆ แล้วเกมนี้เลเวลตันที่ 180เพราะฉะนั้นเรายังเหลืออีกถึง 30 พอยท์ ค่อยวางแผนหลังจากอัพตามที่แนะนำก็ได้ครับ
สุดท้ายนี้ ผมขอพูดอย่างที่ขึ้นต้นไว้แต่แรกว่า หากคุณชอบการเล่นนักเวทย์ ชอบสกิลที่หลากหลาย ชอบการทำความเสียหายที่รุนแรง และความสวยงามของสกิล อาชีพ Incar Magician คืออาชีพที่คุณต้องเล่นครับ