ประเภท: TURN-BASED STRATEGY
ผู้พัฒนา: STARDOCK
ผู้ผลิต: STARDOCK
ผู้จัดจำหน่าย: -
เครื่องที่ต้องการ: P-III 1.0GHz, 256MB RAM, 64MB videocard, 2GB HD space
เครื่องที่แนะนำ: P4 2.2 GHz, 1GB RAM, 128MB videocard
MAX PLAYERS: 1
ESRB: E
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ปัจจุบันเกมวางแผนประเภท Turn-Based ดูจะกลายเป็น “ของเก่าเก็บ” ไปโดยปริยายหากเทียบกับญาติห่างๆ ที่ดูหรูหรากว่าของมันอย่าง Real-Time Strategy (RTS) เช่น Company of Heroes แต่หากมีเกม Turn-Based ดีๆ อย่างเกม Galactic Civilizaions II ของค่าย Star Dock ออกมาให้ผมลองเล่น ผมก็ยินดีจะเปิดใจอ้าแขนรับและลิ้มลองมันอย่างเปี่ยมสุข GalCiv 2: Twilight of the Arnor คือภาคเสริมตัวที่สองและถือว่าเป็นตัวสุดท้ายของเกมครอบครองจักรวาลแบบ 4X (eXplore, eXpand, eXploit, eXterminate) เกมนี้ ซึ่งช่างน่าประทับใจที่ภาคเสริมตัวนี้เป็นหนึ่งในเกมที่สามารถเติมเต็มประสบการณ์วางแผนยุทธการได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดและยังสามารถเข้าถึงได้ง่ายอีกด้วย
สำหรับการเป็นแค่เกมภาคเสริม Twilight of the Arnor นั้นมีความลุ่มลึกมากชนิดคนเล่นยังงง เกมภาคนี้ได้พัฒนาต่อยอดจาก Dark Avatar ภาคเสริมตัวแรกของเกมที่วางตลาดไปเมื่อปีที่แล้ว Twilight of the Arnor ได้นำเสนอภารกิจเล่นเดี่ยวใหม่ๆ, คุณภาพกราฟิกที่สวยงามขึ้นจนน่าประทับใจ และรูปแบบการเล่นที่สามารถยืดหยุ่นเปลี่ยนแปลงได้หลากหลาย ซึ่งรวมไปถึงเงื่อนไขการเอาชนะแบบใหม่ภายใต้ชื่อ “Ascension” และการใช้อาวุธสุดยอดที่ละม้ายคล้ายคลึงกับ Death Star (ดาวมรณะจากภาพยนตร์ Star Wars ด้วย) แต่เดี๋ยวก่อน! หากคุณซื้อในตอนนี้ เกมยังมีเครื่องมือสร้าง Mod มาให้เป็นของแถมจากทีมพัฒนาอีกต่างหาก
ภาคเสริมตัวนี้มีขนาดใหญ่เสียจนสามารถทำให้คุณนั่งเล่นอย่างหัวปักหัวปำไปได้หลายเดือนเลยทีเดียว เพราะมันมีอะไรให้คุณทำมากมายเหลือเกิน ทั้งการจัดการสร้างอาณานิคมและคอยแปลงสภาพดาวนอกสำรวจกว่าร้อยดวงให้เป็นพื้นที่อยู่อาศัย, การสร้างกองยานรบขนาดยักษ์, วิจัยเพื่อให้มีเทคโนโลยีแบบใหม่ๆ ไว้ใช้งาน รวมไปถึงการเปิดศึกหรือทำสนธิสัญญากับอารยธรรมเพื่อนบ้านซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 9 กลุ่ม เกมยังให้ผู้เล่นยังสามารถเลือกได้ว่าจะเล่นเป็นเผ่าพันธุ์ใดจากจำนวนทั้งหมด 12 เผ่า ซึ่งแต่ละเผ่าก็จะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปทั้งทางด้านแผนผังเทคโนโลยี, การพัฒนาดาวเคราะห์ และรูปแบบยานอวกาศ คุณสมบัติของเกมต่างๆ เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสบการณ์การเล่นจากเดิมที่ลุ่มลึกมากพออยู่แล้วให้สูงทะลุเพดานบินชนิดเกือบไร้ที่สิ้นสุดเลยทีเดียว
แต่คุณสมบัติต่างๆ มากมายเหล่านี้จะไม่มีความหมายอะไรเลย หากระบบ AI ของฝ่ายอื่นๆ ในตัวเกมแบบผู้เล่นเดี่ยว (เกมนี้ยังคงไม่มีโหมดผู้เล่นหลายคนเหมือนเคย) ทำออกมาได้ไม่ดีพอ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า Star Dock ทำออกมาได้อย่างสมความคาดหมาย และสมควรได้รับคำยกย่องที่สามารถผสมผสานให้เกมวางแผนสลับตาแบบ 4X อย่าง Twilight of the Arnor เป็นเกมที่มีทั้งความซับซ้อน ความลุ่มลึก และความท้าทายเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ภาคเสริมเกมนี้สอนให้เรารู้ว่า “ของเก่าก็ยังเก๋าได้เสมอ”