ประกาศพร้อมอัพเดต 26 พ.ย.
นี้มุ่งหน้าสู่โลกใหม่ ACE EP.3 : War of Pandea
การอัพเดทครั้งใหญ่ของเกม ACE Online วันที่ 26 พฤศจิกายนนี้จะมีการอัพเดทเกมเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ต่อคิวจากประเทศเกาหลีที่พึ่งอัพเดทไปได้ไม่นานนี้ นั่นคือ ACE Episode III War of Pandea การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก *0* ทำให้เกิดสงครามขึ้นอีกครั้ง รวมถึงเกมการเมืองที่ต่อสู้กันทั้งภายในและระหว่างประเทศ ที่ต่างต้องแย่งชิงแผนที่ดินแดนกันอย่างดุเดือด นอกจากนี้ Episode III ยังเผยยานไฮโซรุ่นใหม่สุด เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าว่าเราจะพบกับอะไรในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้บ้าง
• Mission Lv.50 - 100 ที่เกี่ยวกับเรื่องราวของ War of Pandea
• แผนที่ใหม่ 11 แห่งดังนี้
1. Khalua Beach (B.C.U)
ที่นี่เคยเป็นชายหาดอันสวยงามก่อนที่จะเกิดสงคราม Atum แต่ปัจจุบันความงดงามนั้นไม่มีหลงเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว เพราะสิ่งมีชีวิตกึ่งจักรกลที่พวก Shrines สร้างขึ้นมาได้ทำลายหาดทรายขาวแสนสวยและน้ำในทะเลกลายเป็นสีดำและดูน่ากลัว มาก ที่นี่มีทางเข้าไปยังอุโมงค์ใต้น้ำที่พวก Phillion สร้างไว้เพื่อย้ายไปยัง Zebraldo และก็ได้กลายมาเป็นที่มั่นที่กองกำลัง Bygeniou ใช้ในการแทรกซึมเข้ามายัง Pandea ในเวลาต่อมา
2. Nubarke Cave (B.C.U)
ก่อนหน้านี้ยังไม่มีเส้นทางที่สะดวกในการเดินทางจากทวีป Pandea ไปยัง Zebraldo แต่เนื่องจากการเคลื่อนตัวของขั้วโลกในดาว Phillion ทำให้แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลาส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวซึ่งก่อให้ เกิดทางเข้าสู่ถ้ำใต้น้ำ
3. Orina Peninsula (B.C.U)
คาบสมุทร Orina เป็นภูมิภาคที่มีลมแรงและภูมิอากาศหนาวเย็น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพอากาศทำให้ชาว Phillion ละทิ้งที่นี่ไป เห็นได้อย่างชัดเจนจากซากปรักหักพังของเรือที่ถูกทิ้งไว้ที่นั่นจนกลายเป็น สิ่งก่อสร้างที่ไร้ซึ่งความสวยงาม ชาว Phillion ได้ค้นพบวิธีใช้ Psy-clone แห่งตำนานของที่นี่เพื่อสร้างพลังงานไฟฟ้า พวกเขาสามารถใช้ Psy-clone สร้างพลังงานไฟฟ้าได้ตลอดเวลาที่ต้องการ แต่หลังจากสงคราม Atum ชาว Phillion ก็มีความสามารถไม่มากพอที่จะสร้างพลังงานนี้ได้อีกต่อไป
4. Daisy Riverhead (B.C.U)
ต้นน้ำ Daisy แห่งนี้เป็นที่ซึ่งตำนานโบราณถือกำเนิดขึ้น แม้จะผ่านกระสุนปืนจากการสู้รบในสงครามมาอย่างหนักหน่วงแต่ก็ยังคงบรรยากาศ อันลึกลับที่มีมาแต่โบราณของมันก็ยังคงอยู่ ชาว Phillion ใช้ต้นน้ำภายใต้ต้นไม้ขนาดยักษ์นี้เพื่อแทนบางสิ่งที่ควรค่าแก่การบูชา และซากที่หลงเหลือจากพิธีบูชาของพวกเขาก็ยังคงเหลือให้เห็นอยู่ แต่เนื่องจากการเข้ามาครอบครองดินแดนของ Batallus ทำให้ที่นี่เหลือเพียงภาพอันลึกลับและหน่วยป้องกันของ Batallus เท่
5. Pandea Point B (B.C.U)
ชาว Bygeniou และ Arlington ไม่สามารถเข้าไปในทวีป Pandea ได้ลึกกว่าที่เป็นอยู่ ดังนั้นชาว Bygeniou จึงสร้างแนวป้องกันขึ้นหลังต้นน้ำ Daisy และให้ชื่อว่า Pandea Point B ส่วนฝ่าย Arlington ก็ทำเช่นเดียวกันโดยสร้าง Pandea Point A หลังหุบเขา Portsmouth เนื่องจากการโต้กลับแบบเฉียบพลันจาก Batallus ทำให้ Bygeniou และ Arlington เริ่มประกาศสงครามเพื่อทำลายล้างกันอย่างเต็มรูปแบบ
6. Atus Beach (A.N.I)
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของขั้วโลกทำให้ที่นี่เปลี่ยนจากเขตร้อนชื้นไปเป็น หนาวจัดอย่างกะทันหัน ทำให้สิ่งมีชีวิตเกือบทั้งหมดต้องตาย แต่ยังมีบางส่วนที่หลงเหลืออยู่เพื่อแสดงร่องรอยของอดีต หลังจากสภาพการเปลี่ยนแปลงก็มีหุบเขาลึกเกิดขึ้น ทั้งยังมีซากเรือรบที่แข็งเป็นน้ำแข็งอยู่ที่ชายหาด ภาพเหล่านี้ทำให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนถึงอากาศที่เปลี่ยนแปลงแบบกะทันหัน ที่เกิดขึ้นที่นี่
7. Gjert Road (A.N.I)
ชาว Arlington ได้สร้างสะพานนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยในการขนส่งกองกำลังและลำเลียงเสบียงในการ แทรกซึมเข้าไปในทวีปตะวันตก สะพานแห่งนี้ถูกตั้งชื่อตามชื่อนักบินที่ค้นพบหาด Atus เป็นคนแรก และสะพานนี้ยังใช้เทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ที่ชาว Phillion ก็คาดไม่ถึง แรกเริ่มที่สร้างสะพานนี้ขึ้น มันถูกสิ่งมีชีวิตบริเวณรอบๆ จู่โจมอย่างต่อเนื่อง แต่พวกมันก็ถูกเหล่านักบินกำจัดจนหมดสิ้น และผู้นำ Arlington นาม Isylis Guten ก็ได้ส่งเรือรบมาที่นี่เพื่อคอยคุ้มกันกองกำลังทหารและพลังงานหลักในพื้นที่ นี้ด้วย และด้วยการสร้างสัญลักษณ์ของพวกเขาเองไว้ที่กลางสะพานซึ่งเป็นการประกาศความ เป็นเจ้าของเหนือดินแดนแห่งนี้อย่างชัดเจน
8. Slope Port (A.N.I)
นี่เป็นทีตั้งของฐานทัพเรือแนวหน้าของ Phillion แต่ตอนนี้พังพินาศไปแล้ว เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของขั้วโลกในดาว Phillion ทำให้ที่นี่มีทั้งสภาพอากาศแบบทะเลทรายและอากาศหนาวจัด แม้ว่าภายนอกจะดูเหมือนท่าเรือ แต่ซากเรือรบและฐานทัพก็ถูกทำลายจนพังพินาศไปทำให้ที่นี่ดูเสื่อมโทรมมาก ในอดีตกองทัพเรือ Phillion ได้ประจำการอยู่ที่นี่เพื่อตั้งแนวป้องกันอันแข็งแกร่ง แต่เนื่องจากการรุกรานของชาว Arlington เข้ามายังทวีป Pandea ทำให้ชาว Phillion ถูกกวาดล้างจนหมด ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังเป็นสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ของชาว Arlington เนื่องจากที่นี่เป็นฐานทัพแห่งแรกของพวกเขาในทวีป Pandea
9. Portsmouth Canyon (A.N.I)
นี่เป็นจุดเริ่มต้นของเทือกเขา Origon และเป็นที่ตั้งของหน้าผาสูงชัน ที่นี่มีสภาพภูมิประเทศที่แตกต่างกันมาก ทำให้ที่นี่ยากต่อการพัฒนา แต่ก็มีแหล่งทรัพยากรที่สามารถนำมาใช้ได้อย่างไม่จำกัด ชาว Arlington ได้เข้ามายังพื้นที่นี้เพื่อขุดหาแหล่งพลังงาน ส่วนฝ่าย Batallus ก็ได้ติดตั้งเครื่องจักรเพื่อขุดหาพลังงานที่นี่เช่นกัน
10. Pandea Point A (A.N.I)
ชาว Bygeniou และ Arlington ไม่สามารถเข้าไปในทวีป Pandea ได้ลึกกว่าที่เป็นอยู่ ดังนั้นชาว Bygeniou จึงสร้างแนวป้องกันขึ้นหลังต้นน้ำ Daisy และให้ชื่อว่า Pandea Point B ส่วนฝ่าย Arlington ก็ทำเช่นเดียวกันโดยสร้าง Pandea Point A หลังหุบเขา Portsmouth เนื่องจากการโต้กลับแบบเฉียบพลันจาก Batallus ทำให้ Bygeniou และ Arlington เริ่มประกาศสงครามเพื่อทำลายล้างกันอย่างเต็มรูปแบบ
11. Sunshine Bourn (middle)
ที่นี่เป็นที่ตั้งของอารยธรรมอันเก่าแก่สุดของดาว Phillion และที่แห่งนี้ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงจากการเคลื่อนที่ของขั้วโลก ทำให้อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ แต่ในปัจจุบันมีอากาศระดับปานกลางอยู่ เนื่องจากชาวพื้นเมือง Phillion เคยเดินทางทางอากาศได้อย่างอิสระมาก ทำให้ซากโบราณวัตถุจำนวนมากลอยสูงขึ้นไปในอากาศและดู สง่างามมาก นอกจากนี้ยังมีตำนานกล่าวกันว่าที่นี่เป็น ‘ที่กำเนิดของดวงอาทิตย์’ อีกด้วย ดังนั้นที่นี่จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า ‘Sunshine Bourn’ ที่นี่เป็นตัวอย่างที่ดีที่ทำให้เห็นว่าชนชาติทั้งสามอยู่ร่วมกันได้อย่างไร ในดาว Phillon
• เมื่อมีสงครามยานแม่ จะมีการสร้าง StrategicPoints เพิ่มขึ้น 9 จุด
• เส้นทางการบินเปลี่ยน Chrystal Cave ของ Arlington จะถูกนำไปไว้หลัง Desert of Ardor และ Violence Blizzard จะกลายเป็น Side Map
• ตัวละครใหม่ 2 ตัว
• เพิ่มมอนสเตอร์เลเวล 70-90 และไอเทมเกราะของบอสอีก 4 ชนิด
• เปลี่ยน Interface ใหม่ทั้งหมด และเพิ่ม Community window chatting room
• Arrow สามารถใช้ 9 กับ 0 เป็นช็อตคัทได้
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสิ่งที่ให้พวกเราค้นหา ได้เวลาแล้วที่จะเปิดศึกสงครามอย่างเป็นทางการเพื่ออาณาจักรแห่ง Pandea 26 พฤศจิกายนนี้เจอกัน !!