Crysis Warhead : แม้ว่าการเสียชีวิตของทหารจะเป็นเรื่องเศร้า แต่อย่างน้อยเขายังทิ้งขอดีๆ เอาไว้ให้ดูต่างหน้าอีกเพียบ

แชร์เรื่องนี้:
Crysis Warhead : แม้ว่าการเสียชีวิตของทหารจะเป็นเรื่องเศร้า แต่อย่างน้อยเขายังทิ้งขอดีๆ เอาไว้ให้ดูต่างหน้าอีกเพียบ

ประเภท: FIRST-PERSON SHOOTER
ผู้พัฒนา: CRYTEK BUDAPEST
ผู้ผลิต: EA
ผู้จัดจำหน่าย: EA
เว็บไซต์: WWW.EA.COM/CRYSIS
กำหนดวางตลาด: 2008

     Crytek ค่ายเกมชื่อฉาวโฉ่จะกลับมาทำให้พวกเรา “ทึ่งและอึ้ง” อีกครั้งด้วยการผจญภัยครั้งใหม่ของมหากาพย์ชื่อ Crysis (ซึ่งเป็นเรื่องที่คุณคิดไม่ถึงแน่ๆ)

     Crysis คือเกมชู๊ตติ้งแนวไซไฟที่ผลักดันเทคโนโลยีล่าสุดของยุคนั้นไปจนหลุดโค้ง การเปิดตัวของ Crysis นั้นเป็นไปอย่างหรูหราอลังการ และท้ายสุด Crysis ก็ได้รางวัล Game of the Year 2007 ของ PC Gamer ไปครอง แล้วอย่างนี้คุณจะทำอย่างไรถึงจะทำให้เกมต่อไปของคุณเหนือกว่า Crysis ได้ล่ะ? คำตอบไม่ใช่การทำภาคต่อออกมาให้เร็วที่สุด ถึงแม้ว่าตอนจบอันระทึกใจของ Crysis นั้นควรค่าแก่การมีภาคต่อเป็นอย่างยิ่ง... ยิ่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี

     ไม่... นั่นคือคำตอบของ Crytek เพราะพวกเขามองว่าสิ่งที่พวกเขาต้องทำเป็นอันดับแรกคือการจัดการกับ “ภาพลักษณ์” ที่หลายๆ คนมองว่า CryEngine 2 ของพวกเขาเป็นเอนจิ้นที่เล่นได้เฉพาะบนเครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์เท่านั้น นอกจากนั้นก็ยังมีภาพลักษณ์ที่หลายคนมองว่า CryEngine 2 ของพวกเขาล้มเหลวในเชิงธุรกิจ (EA ยืนยันว่า... ม่ายช่าย เพราะ Crysis ขายได้กว่า 1.5 ล้านกล่องทั่วโลก) และยังมีภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้นหลังจาก Cevat Yerli ประธาน Crytek ไปให้สัมภาษณ์ในเชิงว่า Crytek จะไม่พัฒนาเกมสำหรับพีซีโดยเฉพาะอีกต่อไปแล้ว ซึ่งมันทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ว่าเกมของ Crytek ต่อไปนี้จะเป็นเพียงเกมพอร์ตปัญญาอ่อนเท่านั้น

     คำตอบของปัญหาด้านภาพลักษณ์สุดท้ายคือ... Crysis Warhead เป็นเกมสำหรับเครื่องพีซีเท่านั้น แต่ถ้าหากเรามาคิดว่า Crysis นั้นเป็น “ไตรภาค” สิ่งที่ Warhead เป็นนั้นอาจจะไม่ตรงกับที่คุณคิดเท่าไร มันหมายความว่าอย่างไรนั้นหรือ? ลองอ่านต่อๆ ไปแล้วคุณจะได้รับรู้ถึงฮีโร่ที่เราคาดไม่ถึงคนใหม่ของ Crysis

     อันดับแรกเราต้องมาดูกันก่อนว่าสิ่งที่ Warhead “ไม่ใช่” นั้นคืออะไร... มันไม่ใช่ภาคต่อของ Crysis ภาคแรก… มันไม่ใช่ภาคเสริมของของ Crysis ภาคแรก… มันไม่ได้สืบสานเรื่องราวของ Nomad ฮีโร่คนแรกของ Crysis…

     สิ่งที่ Warhead เป็นก็คือ... เกมเต็มที่มีเนื้อเรื่องเป็นเรื่องราวคู่ขนานของการผจญภัยของหนึ่งในเพื่อนนักรบสวมชุด Nanosuit ของ Nomad โดยเนื้อเรื่องเป็นการผจญภัยที่เกิดขึ้นควบคู่ไปกับเหตุการณ์ต่างๆ ใน Crysis (คล้ายๆ กับการผจญภัยสุดขั้วของ Barney ใน Blue Shift ภาคเสริมของ Heal-Life นั่นแหละ) แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ เพื่อนของ Nomad คนนั้นไม่ใช่หัวหน้าทีมอย่าง Prophet (การผจญภัยของ Prophet นั้นก่อให้เกิดคำถามมากที่สุด อาทิ เขาไปเอาอาวุธต่างดาวไฮเทคมาจากไหน) แต่กลับเป็นเรื่องของ Sykes (หรือที่เรารู้จักกันในนาม Psycho) อดีตหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสหราชอาณาจักร ผู้ซึ่งหายตัวไปในช่วงกลางของเนื้อเรื่องของ Crysis แต่กลับโผล่หน้ามาอีกครั้งบนเรือบรรทุกเครื่องบินในตอนท้าย

     Cevat Yerli ผู้เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นประธานของ Crytek ในขณะนี้บอกกับเราว่า Psycho มีหน้าที่เพิ่ม “บทบาท, บุคลิก, อารมณ์” Yerli เสริมว่า Psycho เป็นตัวละครที่เถรตรงและออกจะเป็นคน “เถื่อน” นิดๆ นอกเหนือจากหน้าตาและเสียงที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว การที่คุณสามารถสวมบทบาทเป็น Psycho ได้นั้นหมายความว่าคุณจะมีโอกาสเห็นหน้าตาของตัวละครของคุณในภาพยนตร์คั่นฉากในแบบมุมมองบุคคลที่สาม คุณจะได้เห็น Psycho เล่นลูกเล่นกับชุดนาโนของเขาในรูปแบบที่คุณอยากจะลองเอามาใช้ในเกมจริงๆ โดยมันจะเป็นเสมือนการสอนการใช้ความสามารถในการเพิ่มความเร็ว, พลัง, ความแข็งแกร่ง และพรางตัวของชุดนาโนอย่างสร้างสรรค์ (แบบอ้อมๆ)

     แต่เกิดอะไรขึ้นกับ Prophet ล่ะ? ที่เรารู้คือ Warhead จะไม่มีคำตอบในเรื่องนี้ แต่ทาง Yerli ก็บอกใบ้เรามาว่าอาจจะมี Crysis อีกหนึ่งภาคออกมาให้เราได้เล่นกัน เพราะสตูดิโอที่กำลังพัฒนา Warhead อยู่ในตอนนี้คือสตูดิโอที่ตั้งอยู่ในกรุง Budapest แต่สตูดิโอที่ตั้งอยู่ที่เมือง Kiev นั้นกำลังพัฒนาเกมที่ “ไม่เปิดเผย” อยู่

     เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ของ Warhead นั้นยังคงเป็นความลับอยู่ แต่ข้อมูลเล็กน้อยที่มีก็คือ เกมจะเริ่มตอนนี้ Psycho แยกตัวจาก Nomad ช่วงกลางของ Crysis เพื่อช่วยเหลือหน่วยพิเศษอีกหน่วยหนึ่ง และก็จะจบลงตอนนี้ Nomad กลับมาปรากฏตัวบนเรือบรรทุกเครื่องบิน คุณจะต้องต่อสู้กับทหารเกาหลีและมนุษย์ต่างดาวเช่นเดิม (แต่จะมีฝ่ายอื่นอีกหรือไม่นั้นยังคงเป็นความลับอยู่) Warhead จะมียานพาหนะใหม่ให้ใช้สองแบบคือ ยานโฮเวอร์คราฟต์ และรถสอดแนมติดอาวุธ (Advanced Scout Recon หรือ ASR) ส่วนอาวุธใหม่ๆ ก็จะมีปืนกลคู่และเครื่องยิงระเบิด โดยเกมน่าจะกินเวลาเล่นประมาณ 8-10 ชั่วโมง และจะมีโหมดมัลติเพลเยอร์ที่ได้รับการยกเครื่องใหม่

สงครามน้ำลาย

     สิ่งที่แปลกใหม่จริงๆ ของ Warhead คือ ความพยายามของ Crytek ที่จะสร้างความพอใจให้กับเหล่าคนที่วิจารณ์ Crysis ภาคแรกแบบเสียๆ หายๆ เพราะแม้ว่า PC Gamer จะให้คะแนน Crysis ไป 98% (ซึ่งผู้เขียนคนนี้เองแหละที่เป็นคนรีวิวเกมในครั้งนั้น... และผู้เขียนก็ยังยืนยันว่าคะแนน 98% น่ะถูกต้องแล้ว) แต่ก็ยังมีผู้เล่นอีกหลายๆ คนผิดหวังกับเกมในหลายๆ ประเด็น (ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือจินตนาการก็ตาม) โดยปัญหาหลักๆ ก็คือการที่ Crysis นั้นผลักดันขอบเขตของฮาร์ดแวร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ “ประกันอนาคต” ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้ผู้เล่นสามารถปรับกราฟิกสูงขึ้นเรื่อยๆ ได้เมื่อมีฮาร์ดแวร์ใหม่ๆ ออกมา Yerli บอกว่าพวกเขามีเจตนาที่ดีในการคำนึงถึงอนาคต แต่ผลตอบรับกลับรุนแรงแบบสุดๆ เพราะเกมเมอร์ต้องการเล่น Crysis แบบปรับทุกอย่างสูงสุดบนเครื่องที่พวกเขามีอยู่ในขณะนั้น แต่ Yerli ก็ยอมรับว่าพอเขามองกลับไปแล้วการทำแบบนั้นเป็น “ความผิดพลาด” มันน่าจะเป็นการดีกว่าหากพวกเขาในวิธีปลดล็อกการตั้งค่าสูงสุดของเกมด้วยแพตช์ในภายหลัง (เมื่อฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสมมีจำหน่ายในท้องตลาด)

     สเป็กขั้นต่ำ (ที่สูงลิบลิ่ว) ของ Crysis ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ทาง Yerli เองก็ยอมรับว่าในช่วงแรกๆ ที่เกมวางขายนั้นสเป็กขั้นต่ำอาจจะสูงเกินไปสักนิด (แต่หลังจากนั้นก็มีการปล่อยแพตช์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเกมตามมา) แต่สำหรับ Warhead แล้ว Yerli สัญญาว่า... ใครก็ตามที่อัพเกรดเครื่องเพื่อเล่น Crysis จะสามารถเล่น Warhead ได้ลื่นยิ่งกว่าตอนที่เล่น Crysis เสียอีก

     แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า Warhead จะไม่ผลักดันขอบเขตกราฟิก เพราะนอกเหนือจากสเป็กเครื่องที่ “เข้าตา” ยิ่งขึ้นแล้ว กราฟิกของ Warhead เองก็จะได้รับผลประโยชน์จากระบบ Global Ambient Lighting (ระบบให้แสงตามสภาพแวดล้อม) ซึ่งจะช่วยเพิ่มคุณภาพกราฟิกของสภาพแวดล้อมและวัตถุต่างๆ ในเกมอย่างชาญฉลาด และจะช่วยพัฒนารายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของรูปแบบที่แสงและเงาสะท้อนหรือสาดส่องผ่านวัตถุต่างๆ ซึ่งก็จะทำให้การให้แสงและเงาของเกมกลายมาเป็นจุดเด่นยิ่งขึ้น และ Yerli ยังบอกอีกว่าพวกเขาจะใส่ระบบ Particle Effect (เอฟเฟ็กต์ที่เกี่ยวกับอนุภาค ฝุ่น ละอองต่างๆ) ตัวใหม่ที่ “แน่นและเข้มข้น” ยิ่งกว่า

     แม้คุณภาพของภาพจะเพิ่มขึ้นแต่มันก็ไม่มีผลกระทบกับค่าเฟรมเรตบนเครื่องพีซีของคุณ Yerli บอกว่า “เราพยายามจะผลักดันคุณภาพของภาพและเอฟเฟ็กต์อนุภาคโดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของฮาร์ดแวร์” นอกจากนั้น Windows Vista หรือ DX10 ก็ไม่เป็นสิ่งที่จำเป็นอีกต่อไปเพราะใน Warhead คุณจะสามารถตั้งค่าทุกอย่างไว้สูงสุดได้แม้ว่าการ์ดจอของคุณจะเป็นการ์ดจอ DX9 ก็ตาม

     Crytek ยังรู้อีกว่าเกมเมอร์หลายๆ คนบ่นว่า AI ศัตรูใน Crysis นั้นยังอ่อนเกินไปและกำลังพยายามพัฒนามันให้ดีขึ้นใน Warhead โดยเฉพาะอย่างยิ่ง AI ของมนุษย์ต่างดาวที่จะมีการทำงานร่วมกันเป็นทีมเหมือนมนุษย์มากขึ้น แทคติกของการทำงานเป็นทีมก็จะดีขึ้นเช่นกัน นอกจากนั้นการสื่อสารของทางทหารเกาหลีก็จะได้รับการอัพเกรดให้ดีขึ้นเพื่อที่ว่าผู้เล่นจะได้สามารถดักฟังได้ว่าทหารเกาหลีเหนือกำลังทำอะไรกันอยู่

     ความเร็วในการดำเนินเนื้อเรื่องของ Warhead จะมีความเนียนกว่าเดิม เพราะถึงแม้ว่าผู้เล่นจะมีอิสระที่จะตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรถึงจะบรรลุเป้าหมายได้ฉากแรกๆ ของ Crysis แต่พอถึงฉากท้ายๆ ภารกิจกลับกลายไม่มีความยืดหยุ่น ทีมงานบอกว่าพวกเขานำเอาเนื้อเรื่องที่มีความเป็นอิสระมากกว่ามาใช้กับ Warhead โดยที่การดำเนินเนื้อเรื่องแบบดังกล่าวจะมีความสม่ำเสมอมากขึ้นตลอดทั้งเกม ตัวอย่างเช่น ยานพาหนะที่แม้จะเป็นส่วนสำคัญในการต่อสู้ แต่เกมก็จะไม่มีภารกิจที่บังคับให้คุณต้องใช้ยานพาหนะเท่านั้นถึงจะบรรลุเป้าหมายได้ (ใน Crysis จะมีฉากที่บังคับให้คุณต้องขับเครื่องบิน VTOL เพื่อบินไปยังจุดเป้าหมาย) ใน Warhead คุณจะสามารถเลือกใช้ยานพาหนะที่คุณต้องการ หรือแม้แต่เลือกเดินเท้าก็ยังได้

     Warhead ได้รับแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจาก Call of Duty 4 ซึ่งนำเสนอความตื่นเต้นแบบต่อเนื่อง และจะไม่ค่อยมีช่วงให้พักหายใจมากเท่า Crysis การปะทะกันใน Warhead จะมีความดุเดือดและกึกก้องกว่าเดิม โดยการผสมผสานฉากที่มีการวางสคริปต์เอาไว้เพื่อเป็นการกำหนดเป้าหมายให้กับผู้เล่น ทางทีมงานยังได้มีการดึงตัว Susan O’Connor ผู้อยู่เบื้องหลังเกมอย่าง BioShock และ Gears of War มาเพื่อช่วยยกระดับบทสนทนาในมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

รีบโหมโรงกันไปทำไม?

     Yerli สารภาพว่า “ผมว่าเราประกาศข่าว Crysis เร็วเกินไป” มันทำให้หลายๆ คนตั้งความหวังไว้กับเกมสูงจนเกินไปจนเป็นผลเสียกับเกมในท้ายที่สุด ดังนั้นช่วงเวลาการพัฒนา Warhead คงไม่ยืดเยื้อเหมือน Crysis และถ้าทาง Yarli สามารถทำอะไรได้ตามใจเขาเองแล้วละก็ เขาก็อยากให้เกมของ Crytek ทุกเกมมีการเปิดตัวก่อนเกมออกวางจำหน่ายเพียงสามเดือนเท่านั้น หลายๆ คนอาจจะคิดว่าสามเดือนเป็นช่วงเวลาที่ช้าเกินไปในการสร้างกระแส แต่ Yerli ก็แย้งว่า “ถ้าของคุณดีซะอย่าง อะไรๆ มันก็ไม่สายไปหรอก”

      และเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าทางทีมงานไม่ได้กำลังต้มสื่ออย่างผมอยู่ พวกเขาจึงเปิดโอกาสให้ผมได้ทดลองเล่น Warhead เวอร์ชั่นอัลฟ่าบางฉาก ถึงแม้มันจะเป็นเพียงแค่เวอร์ชั่นอัลฟ่าแต่ผมกลับพบว่ามันมีฟีเจอร์ต่างๆ อยู่เต็มเอี้ยด แต่ทางทีมงานก็บอกกับผมว่าเวอร์ชั่นที่ผมเล่นอยู่นั้นใช้เอนจิ้นของ Crysis ตัวเดิมเสียเป็นส่วนมาก ซึ่งหลังจากนี้ทีมงานจะมีการแก้ไขปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง นอกจากนั้นเวอร์ชั่นที่ผมเล่นก็ยังไม่ได้มีการนำระบบเอฟเฟ็กต์อนุภาคตัวใหม่มาใช้ด้วย

     ผมเริ่มต้นด้วยการเล่นฉากสอนการเล่นที่เรียกว่า “Ambush” (ซุ่มโจมตี) โดยมันเป็นฉากที่ทำหน้าสอนการเคลื่อนไหว การต่อสู้ และการใช้ความสามารถชุดนาโนของคุณ แต่มันแตกต่างจาก Crysis ภาคแรกตรงที่ ครั้งนี้คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว รอบตัวของคุณจะมีกองทหารอเมริกันที่กำลังยิงต่อสู้กับกองทหารเกาหลีเหนืออย่างดุเดือด โดยทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันเพื่อช่วงชิงสิทธิในการครอบครองยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวลึกลับที่ตกลงมานอกชายฝั่งจีน คุณจะได้เห็นผลลัพธ์ของการเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวในรูปแบบของใบหน้าตกใจของทหารที่ถูกอาวุธของมนุษย์ต่างดาวแช่แข็ง ผู้บังคับบัญชาของคุณจะคอยตะโกนออกคำสั่งให้กับคุณ อาทิ “ไปหาต้นกำเนิดคลื่นสนามพลังแม่เหล็กซิ” ตัวคุณก็จะต้องเคลื่อนที่ไปในสนามรบ พร้อมกับช่วยเหลือเพื่อนทหารไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคุณได้ยินเบาะแสที่จะนำไปสูงการบรรลุภารกิจของคุณ

     ในฉากที่สองที่ชื่อว่า “Cargo” (เป้าหมาย) คุณจะพบว่านักบินซึ่งเป็นเพื่อนเก่าของคุณถูกยิงตกในบริเวณใกล้ๆ คุณจึงเมินคำสั่งแล้วเบนเป้าหมายมาช่วยเพื่อนของคุณแทน (พร้อมๆ กันนั้นก็หยิบเอากล่องดำของเครื่องบินมาด้วย) การคุ้มกันเพื่อนของคุณไปยังจุดนัดพบนั้นกลับไม่รู้สึกเหมือนกับเป็นภารกิจคุ้มกันเท่าไร เพราะเพื่อนของคุณก็ต่อสู้เก่งพอๆ กับคุณ ภารกิจ “คุ้มกัน” จึงกลายเป็นภารกิจ “ร่วมมือกันลุย” มากกว่า ซึ่งการร่วมมือกันลุยนั้นก็สนุกเสียจนผมรู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่เห็นเพื่อนผมขึ้นเครื่องบินหนีไป

     ขณะที่ผมเล่น Warhead อยู่นั้นผมกลับไม่รู้สึกว่าผม “จำเป็น” จะต้องใช้ความสามารถของชุดนาโนของผมเท่าไหร่นัก แต่ทาง Crytek มีแผนที่จะค่อยๆ กระตุ้นให้คุณใช้ความสามารถของชุดนาโนที่ละนิดๆ ตัวอย่างเช่น การใช้ภาพยนตร์คั่นฉากที่แสดงให้เห็น Psycho ใช้ชุดล่องหนหายตัวไปยืนอยู่หน้าศัตรู ปรากฏตัวขึ้นให้ศัตรูตกใจ แล้วใช้พลังเพิ่มแรงต่อยศัตรูกระเด็น ทางทีมงานบอกกับเราว่าความสามารถของชุดนาโนของ Psycho นั้นจะเหมือนกับของ Nomad แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าอาจจะมีเซอร์ไพรส์รออยู่ในช่วงท้ายๆ ของ Warhead

     หลังจากนั้นผมก็ได้มาลองเล่นฉากขับรถ โดยผมได้ขับรถ ASR หุ้มเกราะหนีการไล่ตามของทหารเกาหลีเหนือ แต่ผมก็ค้นพบอย่างรวดเร็วว่า... การขับรถไม่ใช่สิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำเสมอไปใน Warhead การลงมาเดินเท้า (จริงๆ แล้วผมทำรถคว่ำ) จะทำให้คุณได้พบกับคลังอาวุธที่ซ่อนอยู่ในค่ายทหารเกาหลีเหนือเยอะกว่า และหนึ่งในภารกิจรองที่ผมได้รับก็คือการตามหาหนึ่งในคลังอาวุธดังกล่าว ในคลังอาวุธนั้นจะมีอาวุธใหม่ซึ่งก็คือ เครื่องยิงระเบิด (Grenade Launcher) ซึ่งเป็นอาวุธที่ได้ผลดีมากกับทหารศัตรูที่มาเป็นกลุ่มๆ หรือแม้กระทั่งยานพาหนะ ทางทีมงานพยายามจะนำเสนอตัวเลือกให้กับคุณมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นตลอดเส้นทางใน Warhead จะมียานพาหนะมากมายมาให้คุณเลือกใช้ไม่ว่าจะเป็น ASR, รถจี๊ป, รถบรรทุก และยานพาหนะอื่นๆ แต่ถ้าหากคุณจะเลือกเดินเท้าชมวิวแล้วค่อยๆ ซุ่มยิงศัตรูจากพุ่มไม้ไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีใครว่า แต่พอผมเดินทางมาถึงค่ายใหญ่ของทหารเกาหลีผมจึงค่อยปลดปล่อยอำนาจการยิงของผมทั้งหมดเข้าใส่ฐานดังกล่าว (ระเบิด, กระสุน รวมถึงจรวด) ซึ่งผมก็สามารถยืนยันได้ว่าใน Warhead จะมีถังสีแดงที่อัดแน่นไปด้วยสารที่ระเบิดได้ตั้งอยู่ทั่วไปคอยท้าทายให้คุณยิงพวกมันมากพอๆ กับที่มีใน Crysis… หรืออาจจะมากว่าเสียด้วยซ้ำ

อำลากันด้วยกระสุน

     ทีมงานของ Crytek เริ่มพัฒนา Warhead มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2007 แล้ว ซึ่งตอนนั้นทีมงานก็คงไม่คาดการณ์ว่ากระแสต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับ Crysis นั้นจะออกมาในรูปการนี้ แต่มาบัดนี้ทางทีมงานก็คงทราบดีแล้วว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร เห็นได้ชัดว่าทางทีมงานต้องการที่จะทำให้เกมเมอร์พึงพอใจกับผลงานของพวกเขา โดยพวกเขาจะยึดหลักการว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น” แล้ว Warhead จะประสบความสำเร็จเพียงพอที่จะยืดอายุซีรีส์ Crysis หรือไม่? นั่นคงเป็นเรื่องที่ทั้งคุณและผมจะได้คำตอบในตอนที่เกมวางตลาดในช่วงปลายปีนี้ แต่ทางนักเขียนคนนี้ก็ขอมองในแง่บวกเอาไว้ก่อนและขอนำประโยคของหนึ่งในเหล่าคนเถื่อนในชุดไฮเทคมาใช้ปิดท้ายบทความ... “ไว้เจอกันที่พาเหรดฉลองชัยชนะแล้วกันนะเว้ย... ไอ้เจี้ย!”

ใครว่าต้องเครื่องเทพถึงเล่นได้

     เพื่อพิสูจน์ว่าคุณไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องเทพเรียกพี่ราคาเป็นแสนถึงจะสามารถสนุกกับการฟิกหรูหราอลังการของ Crysis Warhead ได้ ทาง Crytek จึงประกอบเครื่องพีซีของพวกเขาขึ้นมาเอง โดยเครื่องของ Crytek สามารถเล่น Warhead ได้อย่างไหลลื่น (พร้อมทั้งเปิดใช้ตัวเลือกทางกราฟิกทุกตัว) ด้วยราคา...24,000 บาทเท่านั้นเอง (ราคากลางจากเว็บไซต์ไทย) โดยชิ้นส่วนต่างที่ Crytek ใช้ก็มีดังต่อไปนี้


PART COST

Shuttle SG31G2S Barebone case ฿8,400
Intel Pentium E2180 2.0GHz Dual-Core CPU ฿2460
Samsung SH-S203B DVD burner ฿1,300
Hitachi Deskstar 7K160 160GB hard drive ฿1,650
A-Data 2GB DDR2 SDRAM ฿1,500
MSI GeForce 8600GT 512MB videocard ฿3,700
Microsoft Windows Vista 32-Bit Home Premium ฿4,400
Total ฿23,410

ยกระดับฟีเจอร์ CRYSIS ขึ้นไปอีกระดับ

[WARHEAD MULTIPLAYER]

     แฟนๆ ของโหมดมัลติเพเยอร์ของ Crysis คงจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจเมื่อได้อ่านว่าโหมดมัลติเพลเยอร์ของ Warhead จะมีแผนที่และเนื้อหาทั้งหมดในเกม รวมถึงการอัพเกรดหลังเกมวางจำหน่ายด้วย นอกเหนือจากโหมดมัลติเพลเยอร์ 2 โหมดจาก Crysis (Instant Action และ Power Struggle) Warhead จะมีโหมดมัลติเพลเยอร์ใหม่ที่ตอนนี้ยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ และถึงแม้ทีมงานจะยังไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดแต่เราก็แย้มมานิดๆ ว่าใหม่ใหม่จะไม่ซับซ้อนเหมือนกับ Power Struggle และจะสนับสนุนการเล่นเป็นทีมมากกว่า Instant Action

    แม้ว่าพลังของชุดนาโนจะถูกจำกัดไว้ในโหมดมัลติเพลเยอร์ (ทีมงานบอกว่าเป็นเรื่องจำเป็นในการรักษาความสมดุลและความสนุกของเกม) แต่แผนที่ใหม่ใน Warhead จะมีสภาพแวดล้อมที่มีมิติมากกว่าเดิม (โดยเฉพาะในแนวตั้ง) และกว้างขึ้นกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนให้ผู้เล่นใช้พลังความเร็วและการกระโดดสูงของชุดนาโน ยานพาหนะจากเนื้อเรื่องของทั้ง Warhead และ Crysis จะปรากฏในโหมดมัลติเพลเยอร์ รวมถึงยานเกราะลำเลียงพลสะเทินน้ำสะเทินบกด้วย

[GLOBAL AMBIENT L IGHTING]

     ระบบการให้แสงใหม่ของ Crysis Warhead นั้นจะมีการใช้งานแสงและเงาอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเพื่อทำให้การทำ Normal Map และ Shader ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเปิด Normal Map คุณจะเห็นรูขุมขนบนใบหน้าของตัวละคร Crytek สัญญาว่าถ้าหากพีซีที่คุณมีอยู่ในตอนนี้สามารถเล่น Crysis ได้ละก็คุณก็จะสามารถเปิดใช้เอฟเฟ็กต์เหล่านี้ได้โดยที่ค่าเฟรมเรตไม่ตก

 

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ