ประกาศจับ: ไม่ว่าเป็นหรือตาย
การให้สัมภาษณ์ครั้งแรกของ Tomonobu Itagaki นักพัฒนาเกมชื่อดังหลังออกจากบริษัทเทคโม ถึงอนาคตวงการเกม
เรื่องโดย James Mielke
แปลและเรียบเรียง Dreamy
เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คุณ TOMONOBU ITAGAKI หัวหน้า “Team Ninja” กลุ่มผู้พัฒนาเกม (Dead or Alive และ Ninja Gaiden) ได้สร้างปรากฏการณ์สะเทือนวงการเกม ด้วยการลาออกมาจาก “เทคโม” บริษัทผลิตเกมต้นสังกัด แถมยังยื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทดังกล่าวอีกต่างหาก และนับตั้งแต่เกิดเรื่อง นี่คือการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกโดยมีประเด็นการพูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนาเกมในญี่ปุ่น, ความชื่นชอบในเครื่องบินรบในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2, คุณ Hideki Kamiya นักพัฒนาเกมคู่แข่งของเขาจาก “Platinum Games” และบางแง่มุมทางความคิดของเขาเกี่ยวกับอนาคต
Tomonobu Itagaki: อ่ะ...มาทำอะไรกันล่ะพวกคุณน่ะ
EGM: ก็แบบว่าเราบังเอิญผ่านมาแถวนี้...แล้วก็บังเอิญรู้มาว่าคุณเองชอบมาเตร่ๆ แถวมหาวิทยาลัยวาเซดะที่เป็นมหาวิทยาลัยเก่าที่คุณเคยเรียนมา เราก็ลองแวะมาดูๆ เผื่อจะเจอคุณบ้าง ...ว่าแต่อะไรมันจะบังเอิ๊ญ บังเอิญขนาดนี้ที่ได้เจอคุณครับ
TI: เหอะๆ ฟังดูแล้ว ไม่แน่ใจว่าว่านั่นโชคดีหรือโชคร้ายที่เจอผม
EGM: ไหนๆ ก็มาเจอแล้ว เราขอถามอะไรคุณสัก 2-3 ข้อแล้วกันครับ ข้อแรกดูเหมือนวงการเกมของญี่ปุ่นที่เป็นอยู่ในขณะนี้ยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไรนัก ผู้พัฒนาเกมรายใหญ่ๆ ที่สามารถพัฒนาเกมเจ๋ง ระดับท๊อปๆ ก็มีเพียงไม่กี่ราย แบบนี้แล้วคุณคิดว่าต่อไปพัฒนาการของวงการเกมในประเทศนี้จะเป็นอย่างไรครับ
TI: จริงๆ แล้วนะ ผมรู้สึกดีใจที่ได้มานั่งคุยกับพวกคุณ แต่มาข้อแรกก็ตอบยากซะแล้ว ยิ่งตอนนี้ผมเองดื่มจนกรึ่มได้ที่พอสมควรแล้ว ไม่แน่ใจว่าจะตอบคำถามคุณได้แค่ไหน แต่ก็นะถ้าคุณอยากฟังผมก็จะพูด ก่อนอื่นผมอยากให้คุณเข้าใจก่อนนะว่าสรรพสิ่งนั้นขึ้นอยู่กับเวลา เหมือนที่เขาพูดกันว่าพอเวลาเปลี่ยน อะไรๆ ก็เปลี่ยนตาม คุณคงไม่ว่ากันนะ ถ้าผมจะขอพูดอะไรที่เป็นเชิงอภิปรัชญาสักหน่อย ยกตัวอย่างถ้าคุณมองย้อนกลับไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 คุณจะพบว่าตอนนั้นถ้าจะรบกันทีต้องยกเครื่องบินรบกันมาเป็นฝูง ฝูงละเป็นร้อยๆ ลำเข้าถล่มกัน ต่อมาในสงครามเกาหลี เหลือฝ่ายละ 50-60 ลำ เดี๋ยวนี้เป็นไง สงครามยุคใหม่ขอแค่เครื่องเจ๊ทเจ๋งๆ สักลำสองลำก็พอแล้ว มันก็เหมือนกับวงการเกมนี่แหละ ประเด็นที่ผมอยากจะบอกก็คือ จำนวนมันไม่สำคัญเท่ากับคุณภาพ ไม่มีประเทศไหนหรอกที่ต้องการฝูงบินรบขนาดใหญ่จำนวนมากมายแต่ล้าหลัง ไม่มีประสิทธิภาพ แต่จะดีกว่าถ้ามีเครื่องคุณภาพดีและทันสมัยแม้จะมีจำนวนไม่มาก ที่ผมจะบอกก็คือไม่มีบริษัทไหนสามารถจะทำการพัฒนาอะไรได้ในระดับสูงสุด (แบบตายตัว) ตลอดกาลหรอกนะ ดังนั้นมันก็ย่อมไม่มีผู้พัฒนาเกมหน้าไหนที่จะสามารถสร้างงานเกมที่ดีที่สุดตลอดกาลมาตอบสนองฮาร์ดแวร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา เพราะในที่สุดแล้วสิ่งที่ถูกสร้างหรือพัฒนาขึ้นมาในช่วงเวลาหนึ่งก็จะกลายเป็นสิ่งล้าสมัยของตลาดในวันใดวันหนึ่ง พอเข้าใจที่ผมพูดไหมล่ะ
EGM: ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณคิดว่าประเด็นที่คุณพูดมาเป็นสาเหตุที่ทำให้เกมตู้หรือเกมอาเขตในญี่ปุ่นเสื่อมความนิยมลงไปหรือเปล่าครับ เหมือนอย่างเซก้ากับบอร์ด Model 2 และ Model 3 เคยถูกจัดให้เป็นต้นแบบของภาพสมจริงในเกม พอ Xbox เข้ามาทุกอย่างก็เปลี่ยน เพราะต่างก็แห่ไปให้ความนิยมกับบรรดาผู้พัฒนาจากฟากตะวันตกซะเป็นส่วนใหญ่ ขนาดบรรดาผู้พัฒนาด้าน PC ยังข้ามสายมาพัฒนาเกี่ยวกับคอนโซลด้วยเลย
TI: อืม... ผมคิดว่าพวกคุณยังมีความสับสนอยู่บ้างนะในเรื่องของความแตกต่างทางการตลาด ผมว่าเราเอามาเปรียบกันไม่ได้หรอกนะกับตลาดของเกมตู้ในญี่ปุ่นกับในอเมริกาน่ะ เพราะมันไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง แม้แต่ในอเมริกาเองเราก็ไม่สามารถเอาตลาดเกมอาเขตของเขาไปเทียบกับตลาดเกม PC ได้เหมือนกัน เพราะมันมีจุดกำเนิดที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจเรื่องของตลาดเกมของแต่ละประเภทในแต่ละประเทศให้ดีเสียก่อนจะพูดเรื่องนี้กัน เอาเป็นว่าผมขอเสนออย่างนี้นะ ความสามารถทางเทคนิคของอเมริกาและญี่ปุ่นในการผลิตเกมที่ดีนั้นไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับลักษณะของตลาดที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่ผมอยากให้คุณพึงระลึกไว้ก็คือ การเกิดขึ้นของเกมตู้ในญี่ปุ่น และตอนที่มันถึงช่วงที่รุ่งโรจน์สุดๆ นั้นมันเป็นอะไรที่เฉพาะตัวมากๆ ถ้าสังเกตจะเห็นผู้ผลิตเกมกับตู้เกมเป็นบริษัทเดียวกัน
ดังนั้นในช่วงที่เกมตู้บูมสุดๆ บริษัทเกมมีหน้าที่อยู่ 3 อย่างคือ 1. สร้างเกมเพื่อป้อนตู้เกม 2. ต้องมั่นใจว่าบรรดาตู้เกมถูกนำไปวางไว้ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟ หรือมหาวิทยาลัย เพราะเป็นแหล่งที่พวกเขาจะสามารถโกยเงินได้ชัวร์ๆ และ 3. ต้องแน่ใจได้ว่าลูกค้าต้องกลับมาเล่นเกมนั้นอีกเพื่อใช้เป็นทุนในการสร้างเกมต่อไป เรียกว่ามันเป็นเหมือนระบบวงจรที่มีลักษณะปิดในญี่ปุ่นและยังคงตกทอดมาถึงทุกวันนี้ แต่การดึงดูดคนมาหาตู้เกมมันไม่เวิร์คแล้วไงในสมัยนี้ ใครจะมาเสียเวลาตกรถไฟ ด้วยการต้องมาเสียเงินกับตู้เกมอยู่อีก ความตกต่ำของเกมตู้ในญี่ปุ่นส่วนหนึ่งจึงเป็นผลมาจากวงจรที่ผมว่านี่แหละ
ที่พูดนี่ไม่ใช่เพราะความเมานะ แต่เป็นเพราะมองจากทัศนะอาชีพของผมเอง และคอยดูไปสิว่าอีกหน่อยมันก็จะไปเกิดขึ้นกับเกมคอนโซลตามบ้าน
EGM: คุณเคยพูดว่าคุณภูมิใจในตัวของคุณ Hideo Kojima และงาน Metal Gear Solid 4 ของเขา ซึ่งคุณพูดทำนองว่าเขาแสดงให้เห็นว่าญี่ปุ่นก็ยังคงมีนักพัฒนาเกมชั้นแนวหน้าอยู่
" จริงๆ แล้วคำพูดของผมมันแยกเป็น 2 ประเด็นนะ อย่างที่หนึ่งในฐานะนักบินรบ ผมรู้สึกได้ว่าทุกวันนี้ ในประเทศนี้ นักบินรบที่ฝีมือจริงๆ มีน้อยลงและน้อยลงทุกที ทั้งๆ ที่มีอะไรให้ต้องทำเยอะแยะ "
TI: จริงๆ แล้วคำพูดของผมมันแยกเป็น 2 ประเด็นนะ อย่างที่หนึ่งในฐานะนักบินรบ ผมรู้สึกได้ว่าทุกวันนี้ ในประเทศนี้ นักบินรบที่ฝีมือจริงๆ มีน้อยลงและน้อยลงทุกที ทั้งๆ ที่มีอะไรให้ต้องทำเยอะแยะ อีกประการหนึ่งก็คือ ผมตระหนักได้ว่าถึงเวลาที่ต้องย้ายจากเกมตู้ไปสู่เกมคอนโซลได้แล้ว ดังนั้นถ้าคิดอยากชนะในสมรภูมิรบแล้วละก็ ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่าเมื่อเวลาเปลี่ยนไปก็ต้องเปลี่ยนยุทธวิธีตามไปด้วย ไม่อย่างนั้นคุณต้องถูกยิงร่วงลงมาแน่ๆ ซึ่งผมคิดว่าคุณ Kojima เป็นประเภทเดียวกันกับผมนะ ผมถึงคิดว่าเขาคือเพื่อนนักบินร่วมสงครามกับผมไงครับ
EGM: แล้วคุณคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกที่ขำไม่ออกไหมที่ PS3 และฮาร์ดแวร์อันแสนซับซ้อนของมันทำให้เกิดช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างผู้พัฒนาเกมระดับท็อปกับผู้พัฒนาเกมรายเล็กกว่าของคนญี่ปุ่น เพราะมีเพียงไม่กี่รายของบรรดาทีมเล็กๆ ที่สามารถเข้าถึง PS3 ได้ เพราะว่ามันยากเกินกว่าที่นักพัฒนาเกมส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นจะเอื้อมถึง ในขณะที่นักพัฒนาเกมของตะวันตกเองส่วนใหญ่ต่างก็ทำงานให้กับ Xbox 360 ครับ
TI: อย่างแรก ผมคิดว่า PS3 (ในสมัยของ CEO Ken และประธานโซนี่คนก่อน) พยามยามทำให้เกิดคอมพิวเตอร์ที่มีความเฉพาะตัวของญี่ปุ่นให้ได้ระดับเดียวกันกับมาตรฐานของอินเทล ผมนับถือเขานะในแง่นี้ แต่ในฐานะของคนออกรบ เครื่องบินที่ทรงพลังและง่ายต่อการบินย่อมนำมาซึ่งชัยชนะมาให้เราๆ ได้ง่ายกว่า และเมื่อเป้าหมายคือการชนะ ผมก็เลยเลือกที่จะขับ 360 มากกว่า
EGM: คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเกมแนวใหม่ๆ มักจะได้รางวัลน้อยกว่าเกมแบบว่า ภาคต่อแนวเดิมๆ อาจจะยกเว้น Wii Fit และ Brain Age แต่หลายครั้งที่เกมอย่าง Okami มียอดขายแค่ 4,000 ก๊อบปี้ในญี่ปุ่น ในขณะที่เกมอย่าง Final Fantasy, Dragon Quest และ Monster Hunter มีคนแห่ไปซื้อกันอย่างล้นหลาม
TI: ผมว่าคุณมองโลกง่ายเกินไปนะ ลูกสาวของผมเคยพยายามที่จะเล่นเกม Okami แต่แล้วเธอก็เบื่อ ผมเองก็เคยลองเล่นนะเกมนี้ ผมก็เบื่อยิ่งกว่าลูกสาวของผมซะอีก ผมไม่ได้บอกว่าเกมมันแย่นะ แบบว่ามันมีลักษณะเฉพาะตัวที่สูงมาก แต่นั่นไม่ได้หมายความมันจะเป็นเครื่องบินรบที่ทรงพลังซะหน่อย
EGM: เป็นเรื่องแปลกนะนี่ เพราะซีรีส์เกมต่างๆ ที่คุณสร้าง ทางคุณ Hideki Kamiya ไดเร็กเตอร์แห่ง Okami ก็บอกว่าเขาไม่เคยเล่นเลย เพราะมันไม่ดึงดูดเขาแม้แต่น้อย เขาให้คำอธิบายว่า เหมือนเวลาที่คุณได้ดูหนังตัวอย่าง ถ้ามันไม่น่าสนใจ เราก็เลือกที่จะไม่ไปดู ซึ่งก็เหมือนที่ซีรีส์ Ninja Gaiden ไม่เคยทำให้เขาสนใจได้เลยสักนิดน่ะครับ
TI: อ่ะ นั่นต้องบอกว่าไม่เป็นการแฟร์สำหรับผมเลยนะ เพราะสิ่งที่ผมพูดนั้น เกิดขึ้นหลังจากที่ผมได้ลองเล่นเกมไปแล้วนะ ผมน่ะเล่น Tekken 1–5 เลยนะ แต่ผมจำไม่ได้หรอกว่าอันไหนเป็นอันไหน รู้แต่ว่าเล่นหมด ดังนั้นไอ้ที่ผมเคยได้ยินเขาบอกว่าเกมแนวแอ็กชั่นมันย่ำอยู่กับที่มา 8 ปีแล้วน่ะ เขารู้ได้ไง คุณช่วยบอกผมที
EGM: คืองี้ครับ เขาบอกว่าตั้งแต่เขาวางรากฐานให้กับเกมแอ็กชั่น 3D สมัยใหม่ ตอนที่สร้าง Devil May Cry เขายังไม่เห็นงานไหนที่ก้าวหน้าไปกว่างานของเขา ซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกผิดหวังมากๆ เพราะงานเกมแอ็กชั่นที่เกิดขึ้นหลังๆ ก็มักเดินตามเกมที่เขาสร้างไว้ไม่ได้ดีไปกว่า Devil May Cry ของเขาเลย รวมทั้งงานเกมของคุณด้วยน่ะครับ
TI: โอ้...ว่าแต่เขาไปหลับที่โลกไหนมาตั้ง 8 ปีเนี่ย
EGM: คุณไม่คิดอย่างเขาเหรอครับ
TI: คุณรู้ไหมมีคนอยู่ 2 ประเภทที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง คือพวกที่ชอบเถียงข้างๆ คูๆ กับพวกที่ดีแต่ฝอย พวกนี้เป็นพวกที่พูดๆ เพราะต้องการปิดบังความไม่เอาไหนของตัวเอง เหมือนอย่างสำนวนที่เขาพูดว่า หมาเห่ามักไม่กัดน่ะ ผมก็ได้แต่หวังว่าเขาคนนั้นจะไม่เป็นแบบที่ผมพูดอย่างหลังหรอกนะ แต่อยากจะเตือนว่าอีก 8 ปีต่อไปนี้อย่ามัวแต่นอนหลับอยู่อีกล่ะ (แหกตา) ตื่นมาดูอะไรๆ บ้างนะ
EGM: แล้วตอนนี้ในวันวันหนึ่ง คุณทำอะไรบ้าง ทำเกมใหม่อยู่หรือเปล่าครับ
TI: ตอนนี้ก็มีถ่ายรูป บางทีก็ต่อโมเดลรถไฟ ออกมาดื่มเหล้า และแน่นอน เล่นพนัน ผมน่ะไม่ใช่ประเภทที่จะกลับมานั่งเฉยๆ ได้นานหรอกนะ ดังนั้นแน่นอนสำหรับงานเกม ผมกำลังวางแผนทำอะไรบางอย่างที่ทุกคนต้องอึ้งไปตามๆ กัน
EGM: คุณคิดไหมว่ามีอะไรอีกไหมในยุคนี้ที่คุณยังไม่เคยได้ลองทำครับ
TI: ถ้าจะมี สิ่งเหล่านั้นคงไม่ใช่อะไรที่มีผลต่อสงครามของผม ผมคิดว่านั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด การสร้างสรรค์งานดีๆ นั้นไม่ได้อยู่ที่พลังของเครื่องจักรเสมอไป และจะใช้อะไรเป็นตัวตัดสินความสำเร็จนั้น อย่างที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้ว่าผมมีอะไรบางอย่างที่จะบอกให้พวกคุณรู้ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่แล้วมันก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ผมต้องเลื่อนมันออกอีก ซึ่งอันนี้ต้องขอโทษบรรดาแฟนเกมเป็นอย่างยิ่ง และก็อย่างที่พูดไปแล้วเหมือนกันว่า เวลาของผมกำลังจะมาถึงแล้วในเร็วๆ นี้ และหวังว่าทุกคนจะยังรอเวลานั้นของผมอยู่เหมือนกัน ผมอยากจะให้คุณจำไว้อย่างว่า ผมจะไม่สละเครื่องบินอย่างเด็ดขาด นอกจากจะมั่นใจว่าชัยชนะจะเป็นของผม
เราหวังจะเห็นผลงานที่ยอดเยี่ยมกว่า Ninja Gaiden II เกิดขึ้นกับโปรเจ็กต์เกมใหม่ของ Itagaki