ประเภท: ROLE-PLAYING GAME
ผู้พัฒนา: ASCARON ENTERTAINMENT
ผู้ผลิต: CDV
ผู้จัดจำหน่าย: -
Sacred ภาคแรกจัดเป็นเกม RPG สร้างสรรค์และมีขนาดมหึมา สร้างความประทับใจแก่พวกเราชาว PC Gamer จนต้องยกย่องให้เป็น RPG of the Year ประจำปี 2004 แต่เช่นเดียวกับทุกเกมซึ่งล้วนมีข้อตำหนิ ปัญหาใหญ่ของมันคือฉากต่อสู้เดินหน้าฟาดฟันซ้ำซากน่าเบื่อ รวมถึงระบบควบคุมตัวละครซึ่งให้ความรู้สึกขาดความแม่นยำเที่ยงตรง หลังจากได้ลองสัมผัสบางส่วนของเกมภาคต่อที่หลายคนเฝ้ารออย่างมุ่งหวัง ผมเชื่อว่า Sacred 2 จะสามารถแก้ไขส่วนบกพร่องที่ปรากฏในภาคแรก นำพวกเราเข้าสู่โลกเกมอันแสนประทับใจที่กว้างใหญ่และงดงามกว่าเดิม
เริ่มต้นเหตุการณ์ 2,000 ปีก่อน Sacred ภาคที่แล้ว เมื่อพลังมนตราซึ่งเรียกขานกันว่า T-Energy เกิดรั่วไหลเข้าสู่โลกแห่ง Ancaria เกินปริมาณจนเข้าขั้นวิกฤติ ทุกสรรพชีวิตติดเชื้อกลายพันธุ์ สภาพดินแดนถูกทำลายย่อยยับ ผมมีทางเลือกเดินสองสาย ด้านสว่างสาย Light พยายามชักนำ T-Energy กลับเข้าสู่ภาวะสมดุล หรือด้านมืดสาย Shadow หาวิธีครอบครองมันซะเอง สิ่งที่น่าสนใจพอๆ กันกับโครงเรื่องคือคำมั่นจากผู้พัฒนาว่ามีดินแดนซึ่งแตกต่างกันถึง 12 โซนให้ออกตระเวนกันสะใจ ตั้งแต่ป่าดงดิบที่โอบล้อมซากปรักชวนพิศวง, ทะเลทรายแห้งแล้งแหล่งพำนักของฝูงแมงป่อง, เกาะผลึกลาวาภูเขาไฟเต็มไปด้วยปีศาจสารพัดธาตุ, หนองน้ำที่ถูกยึดครองโดยเหล่าผีดิบ, จนถึงเขตเมืองใหญ่ถอดแบบความอลังการมาจากกรุงโรมเป็นต้น โลกเกมซึ่งถูกวาดขึ้นด้วยมือทั้งหมดแห่งนี้มีขนาดมโหฬารพันลึกเช่นเดียวกับภาคแรกของมัน ทีมพัฒนา Ascaron อ้างว่าหากจะเดินเท้าสำรวจให้ครบทุกตารางนิ้วคุณต้องใช้เวลาจริงถึง 6 ชั่วโมงเต็ม
สำหรับคลาสตัวละครทั้ง 6 มีเพียง 4 ประเภทเท่านั้นสามารถเลือกเล่นเส้นทางได้ทั้งด้านสว่าง Light และด้านมืด Shadow ยกเว้นแต่คลาส Seraphim ซึ่งจัดเป็นฝ่ายธรรมมะเลือกได้แค่สาย Light และคลาส Inquisitor ฝ่ายอธรรมถูกบังคับให้เดินสาย Shadow ผมเลือกเล่นตัวละครคลาส Shadow Warrior ซึ่งทรงพลังในการต่อสู้ระยะประชิด ใช้ไสยเวทโจมตีจากระยะไกล แถมพกด้วยอำนาจในการปลุกซากศพศัตรูมาช่วยรบ ส่วนคลาสอื่นๆ ประกอบด้วย High Elf มาพร้อมกับคาถาพลังธาตุ, Dryad เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะไกลเสริมด้วยมนตร์ดำวูดู, และ Temple Guardian นักรบไซบอร์คซึ่งสามารถใช้อาวุธจักรกล รูปลักษณ์ดูคล้าย Anubis ในตำนานอียิปต์
เกมอนุญาตให้เลือกพลังพิเศษทันทีที่เริ่มเรื่อง สร้างความรู้สึกว่าตัวละครของผมช่างเจ๋งซะนี่กระไร (ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วทักษะซึ่งได้มาตอนต้นจัดว่าอ่อนชั้น แต่มันจะค่อยๆ เพิ่มประสิทธิภาพเมื่อตัวละครไต่เลเวลที่สูงขึ้น) ผมยังสามารถกำหนดแนวทางพัฒนาพลังพิเศษเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น คุณเลือกได้ว่าจะให้คาถา Meteor Swarm (ฝนอุกกาบาต) มีผลบั่นทอนกำลังศัตรู "ฝูงใหญ่" แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก หรือมุ่งเน้น "เป้าหมายเฉพาะ" จนถึงตาย สุดท้ายผมยังมีเทพให้เลือกบูชาถึง 6 องค์ แต่ละองค์ต่างมีเควสต์ให้ทำพร้อมรางวัลตอบแทนชิ้นโตแตกต่างกันไป ช้อยส์ทางเลือกทั้งหมดส่งผลให้ตัวละครใน Sacred 2 มีโอกาสพัฒนาคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำแม้ว่าคุณจะเลือกตัวละครคลาสเดียวกันก็ตาม และนั่นรวมถึงการเล่นเกมใหม่ได้หลายๆ รอบด้วยแทคติกไม่จำเจ
ผมพบม้าเป็นพาหนะขับขี่แทบจะทันทีตอนเริ่มเกม (เยี่ยมมากที่ไม่ต้องเสียเวลาเล่นหลายชั่วโมงให้เสียอารมณ์กว่าจะได้มา) แต่ละคลาสยังมีพาหนะพิเศษแตกต่างกันไป อย่างเช่น Shadow Warrior ของผมมี Hell Hound ซึ่งดูแล้วเหมือนกิ้งก่าหน้าตาประหลาดมากกว่าหมายักษ์จากนรกตามชื่อของมัน หรือคลาส Seraphim มีเสือเขี้ยวดาบให้ขึ้นขี่ เป็นต้น นอกจากพาหนะของแต่ละอาชีพจะนับเป็นตัวละครร่วมทีมแล้ว พวกมันยังมาพร้อมชุดเกราะ, อุปกรณ์เสริม และรูปแบบการโจมตีไม่ซ้ำกัน
ผมชอบเสน่ห์กราฟิก "สองมิติ" ในภาคแรก (แม้เทคโนโลยีจะตกยุคไปแล้วก็ตาม) แต่ Sacred 2 มีการเรนเดอร์ตัวละครและสภาพแวดล้อมแบบ "สามมิติ" ซึ่งนอกจากจะไม่ได้ส่งผลเสียต่อรายละเอียดยิบย่อยที่ปรากฏในโลกเกมต้นตำรับแล้ว ยังช่วยให้คุณดำดิ่งสู่จินตนาการได้อย่างเต็มอิ่มยิ่งขึ้น และดูเหมือนว่าข้อด้อยจากภาพสองมิติที่เคยทำให้ระบบการควบคุมเกมเป็นไปอย่างยากลำบากได้ถูกแก้ไขโดยภาพสามมิติในภาคนี้ กราฟิกสามมิติยังช่วยให้การสำรวจโลกเกมมีลูกเล่นน่าสนใจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสภาพผืนดินที่เป็นเนินเขาหรือหุบผาซึ่งส่งผลต่อแทคติกในการรบ
ระหว่างการผจญภัยช่วงสั้นๆ ของผม โลกเกมค่อยๆ ผันแปรไปตามสภาพกลางวันจนถึงยามค่ำคืนด้วยเอฟเฟ็กต์ Dynamic Lighting สมบูรณ์แบบ เวลาในการโหลดเปลี่ยนฉากน้อยนิดจนแทบไม่รู้สึก ขณะตัวละครกำลังเดินฝ่าไปตามท้องทุ่งที่มีหญ้าท่วมสูงบดบังทัศนะวิสัยบางส่วน ภาพที่ปรากฏอุดมไปด้วยรายละเอียดด้านกราฟิกซึ่งออกแบบได้อย่างชาญฉลาด Sacred ภาคแรกเน้นฉากต่อสู้แทบจะทุกๆ ห้าก้าวเดิน แต่สำหรับภาคนี้ AI ควบคุมการรบทำได้สมจริงน่าประทับใจ ศัตรูที่ควบคุมโดย AI ชาญฉลาดถึงขั้นที่ว่าพวกมันจะล่าถอยหากประเมินกำลังแล้วพบว่าด้อยกว่า และจะบุกโจมตีต่อเมื่อขุมกำลังเหนือกว่าหรือแข็งแกร่งพอจะพิชิตคุณ พวกมันจะแตกหนีหากผู้นำกลุ่มถูกสังหาร กลยุทธ์โค่นฝูงโจรให้พิชิตหัวหน้าก่อนช่วยชีวิตผมไว้ได้หลายครั้งทีเดียว
แน่นอนว่า Sacred 2 ไม่มีทางหลุดพ้นไปจากความเป็นเกมโคลนของ Diablo ทว่ามันได้ถูกขัดเกลาจนมีโลกเกมที่ใหญ่กว่า ลึกซึ้งกว่า และชวนให้หวนกลับมาเล่นซ้ำใหม่หลายๆ รอบยิ่งกว่าภาคต้นตำรับ ด้วยรูปแบบท่องทะยานได้อย่างเปิดกว้างอิสระโดดเด่นผิดแผกจากเกม Action RPG ส่วนใหญ่ทำให้มันมีสิทธิ์สูงที่จะประสบความสำเร็จ นั่นยังไม่นับรวมถึงการผจญภัยผ่านแคมเปญในแบบ Multiplayer ซึ่งผมเฝ้าคอยด้วยใจจดจ่อ