คุณเคยมีประสบการณ์อยู่บนที่สูงๆ แล้วเสียววาบๆ หายใจไม่ทั่วท้องมั้ย นั่นแหละความรู้สึกที่คุณจะได้จากเกมนี้ Mirror’s Edge เกมสายเลือดใหม่แนวใหม่ของทีม EA Dice ผู้สร้าง Batlefield 2142 และ Badcompany นั่นเอง
เกมแนวใหม่ที่ผู้สร้างให้คำจัดความว่าเป็นแนว First Person Action (FPA) หรือเกมแอ็กชั่นมุมมองบุคคลที่หนึ่ง แนวที่หลายคนแค่มองก็เกิดอาการวิงเวียนศรีษะหน้ามืดตาลายขึ้นมาทันที โอเคๆ ผมรู้ว่าอาการแบบนี้มันเป็นกันจริงๆ แต่อย่าพึ่งเบือนหน้าหนีเพราะเรื่องแบบนี้ครับ ไม่งั้นคุณจะพลาดโอกาสที่จะได้รับประสบการณ์ผาดโผนสุดเร้าใจในเกมแบบที่ไม่เคยพบมาก่อน (รับประกันว่าไม่มีมาก่อนแน่นอน ถ้ามีช่วยแย้งด้วยครับ) ประสบการณ์ผาดโผนที่ว่านี้ก็มาจากกีฬา Extreme ประเภทหนึ่งที่เรียกว่า “Parkour” ที่นางเอกในเกมนำมาใช้ ถ้าใครนึกไม่ออกก็ลองนึกถึงหนังที่เฉินหลงนำแสดงที่ชื่อ “วิ่งสู้ฟัด” หรือหนังไทยอย่าง “องค์บาก” ในฉากตอนแรกที่ จา พนม ต้องวิ่งกระโดดกระโจนทะยานข้ามหรือลอดสิ่งกีดขวางเฉพาะหน้านั่นล่ะครับใช่เลย ทีม Dice ได้ดึงอารมณ์ที่ว่านี้มาอัดแน่นใส่เข้าไปในเกมแบบเต็มๆ ทุกเสี้ยววินาทีของชีวิตคุณในเกมนี้จะถูกแขวนอยู่บนเส้นด้ายที่มีมัจจุราชคอยจ้องมองตลอดเวลา จากการกระโดดข้ามตึกสูงลิบลิ่วที่แค่ยืนมองก็ใจหวิวๆ แล้ว ยังมีไถลลงจากที่สูงพร้อมการปีนป่ายไต่ไปตามซอกตึกทุกรูปแบบ รวมถึงการแอบลอบเข้าไปในตึกเพื่อสืบข้อมูลและวิ่งหนียามรักษาความปลดอภัยและตำรวจทั่วเมืองที่ตามไล่ล่าเราแบบสุดชีวิต (อาชีพรันเนอร์ของนางเอกเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย) แต่อย่าคิดว่าจะได้วิ่งหนีทั้งเกมหรอกนะครับ ถึงเวลาต้องบู๊ขึ้นมานางเอกของเราก็ใช่ย่อย ในเกมจะมีท่าทางการต่อสู้ด้วยมือเปล่ามากมายหลายแบบน้องๆ จาพนมผสมจีจ้าเลยทีเดียว รวมถึงการปลดอาวุธปืนมาใช้ยิงกลับก็ยังได้ ซึ่งมีทั้งปืนพก ปืนลูกซอง ปืนกล ปืนไรเฟิล (มีฉากดวลข้ามตึกด้วย) ครบสูตรไม่ทิ้งลายคนทำเกม Battlefield จริงๆ
ถึงแม้ว่าตัวเกมจะมีทางเลือกให้คุณได้บู๊ แต่ในท้ายที่สุดแล้วความสนุกที่สุดของเกมก็ยังคงอยู่ที่การวิ่งกระโดดห้อยโหนโจนทะยานเพื่อหลบหนีศัตรูในเกมแบบหายใจรดต้นคอมากกว่า ถึงแม้คุณจะเล่นพลาดจนตายบ่อยๆ แต่ตัวเกมก็เปิดโอกาสให้คุณได้กลับมาเล่นใหม่แทบทุกย่างก้าวที่พลาดทันที (มีโหลดนิดหน่อย) ซึ่งถ้าคุณจดจำความผิดพลาดนั้นไว้แล้วแก้ไขมันได้ คุณจะสนุกไปกับการวิ่งแบบไม่แตะเบรคในเกมนี้อย่างแน่นอน แต่ถ้าคุณไม่ใช่คนแบบนั้นคุณก็คงเล่นไปได้ไม่นานและแทบเขวี้ยงจอยทิ้งแน่นอนเหมือนกัน ในรอบแรกที่คุณเล่นแม้ว่าจะมีไกด์นำทาง (ตรงไหนมีสีแดงหรือฟ้านั่นล่ะคือเส้นทางที่คุณจะต้องไป) คุณก็ต้องลองผิดลองถูกอยู่บ่อยครั้งทีเดียว แต่เมื่อคุณเล่นซ้ำอีกครั้งในด่านที่คุณผ่านมา คุณจะรู้สึกว่าเกมนี้สนุกขึ้นๆ น่าสนใจขึ้น ยิ่งทำเวลาได้ไวและค้นหาเส้นทางใหม่ๆ ก็ยิ่งสนุกขึ้นเรื่อยๆ อารมณ์แบบนี้หาไม่ค่อยได้นักในเกมปัจจุบันที่การเล่นซ้ำมักจะทำให้สนุกลดน้อยลง ซึ่งเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับเกมนี้ แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ ถ้าคุณท้อเมื่อไหร่เกมก็จะหมดสนุกขึ้นมาทันที ตรงจุดนี้ก็ต้องขอตำหนิทีมพัฒนาสักหน่อยว่า แนวเกมใหม่แบบนี้ไม่ควรทำออกมายากเกินระดับที่ผู้เล่นทั่วไปเล่นได้ ซึ่งอาจจะทำให้เกมนี้เสี่ยงต่อการแป๊กแบบปากต่อปากของผู้เล่นได้ทันที ไม่รวมถึงมุมมองบุลคลที่หนึ่งที่เป็นข้อกังขาในใจของคนที่เกลียดแนวนี้ด้วย (แม้ว่ามุมมองในเกมนี้จะถูกขัดเกลาไม่ให้แกว่งมากจนเวียนหัวก็ตาม) และดูเหมือนผู้สร้างจะพยายามให้ผู้เล่นได้สัมผัสกับที่สูงมากไปหน่อย ทั้งๆ ฉากการไล่ล่าบนพื้นถนนด้านล่างก็ทำออกมาได้สนุกน่าตื่นเต้นดีแท้ๆ แต่กลับถูกละเลยจนแทบไม่ให้ความสำคัญ
ส่วนประกอบอื่นของเกมทำออกมาได้ลงตัวมากๆ ทั้งฉากที่ออกแบบได้สวยสดงดงาม มีการใช้โทนสีขาวตัดกับสีจัดจ้านได้อย่างมีศิลปะ ดนตรีประกอบในเกมที่ทำได้ระทึกใจทุกครั้งเมื่อมีการไล่ล่าเกิดขึ้น รวมถึงเพลงประกอบ Still Alive ที่ไพเราะและเข้ากับเกมได้อย่างเหมาะเจาะมาก (ทดลองฟังได้ที่คลิป youtube ด้านล่าง) และการควบคุมที่ง่ายและลึกไปพร้อมๆ กัน (ปุ่มเดียวทำหน้าที่สารพัดตามจังหวะการใช้งาน) เรื่องราวที่แปลกใหม่น่าติดตาม ทั้งยังกล้าฉีกรูปแบบคัทซีนด้วยการใช้การ์ตูนแอนิเมชั่นเล่าเรื่องราวระหว่างฉาก ทั้งหมดนี้เรียกได้ว่าเป็นการนำเสนอที่โดดเด่นเข้าตามากๆ เทใจให้คะแนนในส่วนนี้เต็มได้เลย
สุดท้ายนี้ไม่อยากให้คุณพลาดที่จะลองหรือมองข้ามไป สำหรับเกมนี้ถ้าไม่ชอบก็คงเกลียดไปเลย แต่ว่าจะเป็นแบบไหนก็คงขึ้นอยู่กับคุณเองแล้วล่ะครับ
* หมายเหตุนี่เป็นการทดสอบเล่นจากบริษัท EA ด้วยระยะเวลาที่จำกัด ทำให้ไม่สามารถรีวิวแบบละเอียดทุกโหมดการเล่นได้ครับ
แพลตฟอร์ม: PS3 / Xbox 360 / PC
แนวเกม: แอ็กชั่นมุมมองบุคคลที่หนึ่ง
ผู้จัดจำหน่าย: EA
ผู้พัฒนา: EA Dice
วันวางจำหน่าย: 11 พฤศจิกายน 2551(XB360/PS3) PC ต้นปี 2552
http://www.youtube.com/watch?v=TERyxFfMqDk Still Alive เพลงประกอบเกม Miror's Edge