เวลาที่เราเล่นเกมต่างๆ อย่างพวกเกมคอนโซลทั้งหลาย ที่มีเหมือนๆ กันเกือบทุกเกมก็คือการเลือกระดับความยากในการเล่น ซึ่งในส่วนนี้ผู้เล่นบางคนมักเลือกโหมด "ปานกลาง" ไม่ก็ "ง่าย" เอาไว้ก่อน และส่วนใหญ่มักต้องการเล่นเพียงแค่จบๆ ไปเท่านั้น แต่การเลือกเล่นแบบนี้ทราบหรือเปล่าว่ามันไม่ใช่การจบอย่างแท้จริง และคุณอาจจะเข้าไม่ถึงรายละเอียดของเกมสุดโปรดนั้นเลยก็เป็นได้
ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการเลือกโหมดการเล่นซึ่งบางเกมอาจมีให้เลือกหลายระดับ และเกมดีๆ หลายๆ เกมเวลาที่คุณเลือกเล่นในระดับที่ยากขึ้นๆ มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงแค่จำนวนหรือความเก่งของศัตรูเพียงอย่างเดียว มันอาจจะเพิ่มความสามารถแปลกๆ เข้ามา เพิ่มศัตรูหน้าใหม่เข้ามา หรือบางเกมในระดับยากอาจจะมีเนื้อเรื่องหรือตัวละครใหม่โผล่ออกมาเลยก็เป็นได้
ถ้าให้เปรียบเทียบง่ายๆ ยกตัวอย่างเช่นเราเล่นเกมแนว Fighting หรือเกมแข่งขันกีฬาอย่าง Winning ในระดับแรก ในระดับง่ายสุดก็เป็นระดับปานกลาง คุณก็คงเตะ AI จนคว่ำได้ไม่ยาก หรือไม่ก็ลากบอลเดี่ยวเข้าไปยิงประตูได้สบายๆ แล้วถ้ามันเอาชนะได้ง่ายๆ เล่นๆ ไปด้วยวิธีเดิมๆ แบบนี้ตรงไหนมันคือความสนุก ความท้าทาย และความตื่นเต้นกันที่เกมๆ นั้นมีให้คุณกันละครับ
ลองเปลี่ยนมุมมองการเล่นดูไหมครับ? เปลี่ยนจากการเล่นแค่พบจบๆ ไปมาเป็นตั้งใจเล่นแบบจริงจังเพื่อตักตวงความสนุกของเกมที่คุณซื้อมาอย่างเต็มที่ ลองท้าทายความสามารถของตัวเองด้วยการเล่นในระดับยากดู คุณอาจได้พบเจอสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ ที่ผู้เล่นคนอื่นไม่เคยได้เห็น หรืออาจจะค้นพบว่าตัวคุณเองมีความสามารถมากกว่าที่คิด ไม่แน่นะครับ ด้านผู้พัฒนาเกมเองก็คงเตรียมอะไรเด็ดๆ เอาไว้ในระดับยากรอคุณเข้าไปค้นหาในระดับยากเหมือนกัน
ไม่ว่าจะเป็นเกมที่เล่นบนเครื่องไหน หรือเกมอะไร การที่คุณได้สัมผัสกับความยากของเกมที่เล่น มันมีข้อดีหลายอย่างนอกจากที่ผมได้นำเสนอมานี้ด้วยนะครับ เพราะมันอาจเป็นทำให้ความสามารถในการเล่นของคุณพัฒนาขึ้น เก่งขึ้น เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และเทคนิคมากขึ้น และคุณจะสามารถนำสิ่งที่ได้รับมาไปลุยกับเกมอื่นๆ ได้ต่อไป เอาเป็นว่าลองไปขุดเก่งดีๆ เก่าๆ ที่คุณเคยเล่นเคลียร์แล้วทั้งหลายมาลงเครื่อง แล้วปรับระดับของเกมเล่นใหม่ คุณจะรู้ว่าเล่นแล้ว "สนุก" กับเล่นแล้ว "สนุกสุดๆ" มันต่างกันแค่ไหน