DotA : เจาะลึกการปรับสมดุลฮีโร่เก่า ตัวไหนจะรุ่งตัวไหนจะริ่งต้องดู

แชร์เรื่องนี้:
DotA : เจาะลึกการปรับสมดุลฮีโร่เก่า ตัวไหนจะรุ่งตัวไหนจะริ่งต้องดู

      นอกจากการเพิ่มเติมฮีโร่ใหม่เข้ามา และการปรับความสามารถของฮีโร่เก่าตามที่ได้เห็นกันไปแล้ว แต่จะเห็นว่ามีฮีโร่อยู่หลายตัวที่โดนปรับจนเกือบจะกลายเป็นฮีโร่ใหม่ทีเดียว ในครั้งนี้เราจะมาเจาะลึกและวิเคราะห์ความสามารถที่เปลี่ยนแปลงไปกันครับ

Keeper of the Light

Illuminate
      ปรับปรุงการทำงานเวลาโจมตีใส่ยูนิตที่อยู่ใกล้มากๆ เพิ่มระยะการมองเห็นมากขึ้นเรื่อยๆขณะทำการชาร์จสกิล ภาพรวมเป็นการปรับสมดุลใหม่และเพื่อให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสกิลอื่นด้วย


Mana Leak
      การทำงานของ Mana Leak ตอนนี้จะคล้ายๆสกิล Rupture ของ Bloodseeker คือยิ่งเป้าหมายวิ่งก็ยิ่งเสียมานา มากขึ้น อัตราการเสียมานาคือ 3.5% / 4% / 4.5% / 5% ของมานาสูงสุด ต่อการวิ่งไปในระยะ 100 ตัวอย่างเช่น เมื่อโดน Mana Leak เลเวล 4 และวิ่งเป็นระยะ 1000 ก็จะเสียมานาไป 50% ของมานาสูงสุด ( สกิลมีผล 5/6/7/8วินาที ) ซึ่งถ้าขณะอยู่ในผลของ Mana Leak และสูญเสียมานาจนหมด ฮีโร่ตัวนั้นก็จะติดสตันเป็นเวลา 1.25/1.50/1.75/2 วินาที ตามระดับสกิล
      วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลง : การปรับครั้งนี้ทำให้ Mana Leak การเป็นสกิลแสบอีกสกิลหนึ่ง แม้ว่าผลในการดูดมานาจะไม่รุนแรงเท่าเวอร์ชั่นก่อนหน้า แต่ก็มีลูกเล่นให้ใช้งานได้หลากหลาย การที่สตันเป้าหมายเมื่อมานาหมดก็น่าสนใจมากทีเดียว เป็นสกิลที่ทำให้ KotL ซัพพอร์ทการวิ่งของเพื่อนร่วมทีมได้ดีขึ้น


Chakra
       เพิ่มระยะร่ายจาก 500 เป็น 900 และลด cooldown จาก 19 วินาทุกเลเวล เป็น 19/18/17/16 วินาทีตามระดับสกิล รวมทั้งลด mana cost ลงจาก 40/80/100/120 เป็น 40/55/70/85 แต่จะไม่มีบัพเพิ่มโบนัสดาเมจและ HP รีเจนแล้ว
      วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลง : ตอนนี้ Chakra กลายเป็นสกิลเติมมานาเต็มรูปแบบ สามารถฟื้นฟูมานาได้เยอะมาก มีคูลดาวน์น้อยลงใช้มานาก็น้อยลง นับว่าน่าใช้กว่าเดิมมากทีเดียว


Spirit Form
      แปลงร่าง KotL เป็นร่างจิต ความสามารถคงเดิมเกือบทุกประการ สิ่งที่เปลี่ยนไปคือเมื่อใช้ Illuminate ในร่างนี้จะไม่ต้อง Channeling ( สกิลจะถูกชาร์จต่อเองโดยร่างจิตอีกร่างหนึ่ง ) และมีสกิลใหม่มาให้ใช้งานด้วย

มีร่างจิตช่วยชาร์จสกิลต่อให้แทน เลยทำอย่างอื่นได้
มีร่างจิตช่วยชาร์จสกิลต่อให้แทน เลยทำอย่างอื่นได้
Blinding Light (ได้หลังจากใช้ Spirit Form)
      ร่ายเวทย์แสงมีรัศมี 650 AoE ทำให้ศัตรูโดยรอบตาบอด และจะมีโอกาสโจมตีพลาด 80% เป็นเวลา 3/4/5 วินาที นอกจากนี้ยังกะแทกศัตรูในรัศมีถอยหลังไปอีกเป็นระยะ 250 ด้วย
Recall (ได้หลังจากใช้ Spirit Form)
      วาปฮีโร่พันธมิตรมาหา KotL รุปแบบสกิลจะเหมือน Town Portal อันปัจจุบัน คือหากฮีโร่ตัวนั้นโดนดาเมจจากฮีโร่ฝ่ายตรงข้าม การวาร์ปจะถูกยกเลิก


Enchantress

Untouchable
      สกิลนี้ถูกปรับเป้นสกิลธรรมดาแทน โดยมีอัตราการลดความเร็วในการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามลง 30% / 50% / 70% / 90% ตามระดับสกิล


Enchant
      ลดอายุของครีปที่ยึดมาได้ จากเดิม 120 วินาที เหลือแค่ 80 วินาที


Impetus
      สกิลนี้กลายเป็น Ultimate แทน ซึ่งมีโบนัสดาเมจ 15% / 20% / 25% ของระยะทาง ตามระดับของสกิล ( ตอนเป็นสกิลธรรมดา มีโบนัสดาเมจ 4% / 8% / 12% / 16% ตามระดับสกิล ) และใช้มานา 50/60/65 มานา ตามระดับสกิล และทุกเลเวลมีคูลดาวน์ 0 วินาที นอกจากนี้ เพราะการที่เป็นสกิล Ultimate สกิลนี้จึงสามารถยิงทะลุการต้านทานเวทย์ได้ เช่น Avatar ของ Black King Bar

ตัวสกิลเพียวๆก็มีโบนัสดาเมจขนาดนี้
ตัวสกิลเพียวๆก็มีโบนัสดาเมจขนาดนี้
      วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลง : การปรับนี้แน่นอนว่าทำให้ Enchantress มีควมสามารในการกดดันช่วงต้นเกมน้อยลง แต่ท้ายเกมจะยิ่งเก่งขึ้น ซึ่ง Impetus เลเวล 3 มีโบนัสดาเมจถึง 25% คิดง่ายๆว่าระยะโจมตีปกติของ Enchantress คือ 550 ถ้ายืนปาโดยต่างฝ่ายต่างไม่ขยับ ก็จะได้โบนัสดาเมจลูกละ 137 โดยประมาน เป็นดาเมจเพียวๆที่ไม่ต้องพึ่งไอเท็มใดๆ ซึ่งแรงกว่า Arcane orb ของ Obsidian Destroyer ซะอีก แต่ก็ใช้มานาเยอะขึ้นมากเช่นกัน แต่จุดอ่อนเดิมที่ไม่มีผลต่อเป้าหมายที่ต้านทานเวทย์อยู่ก็ถูกลบออกไปแล้ว เพราะกลายเป็นสกิล Ultimate นั่นเอง จึงได้สิทธิพิเศษ ยิงทะลุการต้านทานเวทย์มนต์ได้ นับว่าน่าสนใจมากครับ


Bounty Hunter

Track
ตอนนี้พันธมิตรทุกตัวที่อยู่ใกล้ๆกับเป้าหมายที่โดนสกิล Track จะได้รับโบนัสความเร็วในการวิ่ง 20% เช่นเดียวกับ Bounty Hunter และไม่ว่าใครเป็นคนฆ่าก็ตาม หากเป้าหมายที่ติดสกิล Track ตายลง Bounty Hunter ก็จะได้รับเงินค่าหัวทันที อัตราเงินค่าหัวคือ 75/150/225 ตามระดับสกิล
      วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลง : นับว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพที่น่าสนใจมาก ทั้งการทำให้พันธมิตรได้ Move Speed ด้วย และใครฆ่าก็ตามเราก็ได้ค่าหัว ทำให้เป็นฮีโร่ที่เล่นเป็นทีมได้ดีขึ้นมาก ลดปัญหาการฉายเดี่ยวหรือ Steal Kill เพราะโลภค่าหัวลงไปเยอะทีเดียว


Brood Mother

Spine Web
ลดระยะการมองเห็นของ Web ลง และลด cooldown ลงจาก 90/65/70/45 เหลือ 90/70/50/30 รวมทั้งลด Mana Cost ลงจาก 140 มนาทุกเลเวล เป็น 50 มานาทุกเลเวลแทน


Insatiable Hunger
ปรับเพิ่มโบนัสดาเมจขึ้นจาก 60/75/90 เป็น 60/80/100 แต่ลดอัตราการดูดเลือดลงจาก 40/60/80% เหลือ 40/55/70% แทน และลดระยะเวลาเกิดผลจาก 20 วินาทีลง เหลือ 12 วินาทีแทน
      วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลง : การปรับนี้จัดว่าเป็นการลดประสิทธิภาพลงก็ว่าได้ เพราะถูกลดเวลาเกิดผลลงถึง 8 วินาที แต่อย่างไรก็ตาม Insatiable Hunger จัดเป็นสกิลที่ค่อนข้าง “ดีเกินมาตรฐาน” สกิลหนึ่งอยู่แล้ว เพราะมี cooldown น้อย ใช้มานาน้อย เกิดผลรุนแรง การปรับนี้แม้จะเป็นการปรับลด แต่นับได้ว่าเหมาะสมแล้ว


Beast Master

Call of the Wild
      ลด cooldown จาก 45/50/55/60 วินาทีตามระดับสกิล เหลือ 40 นาที ทุกระดับสกิล และปรับอายุการใช้งานจาก 60/70/80/90 วินาทีตามระดับสกิล เหลือ 60 วินาทีทุกระดับสกิลแทน
Greater hawk
      ไม่มี Permanent Invisibility แล้ว แต่มีสกิล Invisibility แบบเรียกใช้แทน สามารถหายตัวได้นาน 5 วินาที ใช้เวลา fade 1 วินาที มีคูลดาวน์ 30 วินาที นอกจากนี้ก็เพิ่ม HP จาก 25 เป็น 200 ลดเงินค่าหัวลง จาก 100 เหลือ 40 และเพิ่มความเร็วในการบิน จาก 280 เป็น 400
Greater Quillbeast
      ลด HP ลงจาก 700 เหลือ 500 น้อยลงจากเดิมถึง 200 หน่วย
      วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลง : การปรับนี้ทำให้การใช้ Hawk ในการสอดแนมต้องใส่ใจมากขึ้น และการที่ Quillbeast ถูกลด HP ลงก็ทำให้ความสามารถในการ Jungling ลดลงเล็กน้อยด้วย

งานนี้ถ้าจะเล่น Beast Master คงต้องฝึกการควบคุมกันหน่อย
งานนี้ถ้าจะเล่น Beast Master คงต้องฝึกการควบคุมกันหน่อย

      ฮีโร่เก่าที่โดนปรับสมดุลนอกจากนี้ยังมีอีกหลายตัว ถ้ามองรวมๆ จะเห็นว่าเป็นการปรับฮีโร่ที่ถูกมองว่าโกงให้อ่อนลง และฮีโร่ที่แทบไม่มีคนแตะให้เก่งและน่าเล่นขึ้นมา แต่การปรับนี้จะสมดุลจริงหรือไม่ ก็คงต้องติดตามดูความคืบหน้ากันต่อไป

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ