Dragon Ball Z: Burst Limit เหล้าเก่าในขวดใหม่

แชร์เรื่องนี้:
Dragon Ball Z: Burst Limit เหล้าเก่าในขวดใหม่

Dragon Ball Z: Burst Limit

 

ผู้จัดจำหน่าย: Atari
ผู้พัฒนา: Dimps
จำนวนผู้เล่น: 1-2 คน
ESRB: 13 ปีขึ้นไป
PS3/XB360

ข้อดี: มีฟีเจอร์เอาใจแฟนๆ ดราก้อนบอลเพียบ ระบบการต่อสู้ก็เรียนรู้ได้ง่าย
ข้อเสีย: มีการพัฒนาจากเกมต่อสู้ซีรีส์ DBZ ภาคก่อนๆ น้อยมาก
คำแนะนำจากพวกเรา: ทำไมไม่ใส่เนื้อเรื่องของจอมมารบูมาด้วยล่ะ?

     ANTHONY: ภาคล่าสุดของเกมในตระกูลดราก้อนบอลก็ยังคงเน้นเอาใจแฟนการ์ตูนเรื่องนี้เป็นหลักเหมือนเคยครับ ระบบมัลติเพลเยอร์เป็นจุดแข็งของเกมภาคนี้ (พิกโกโร่เจ๋งมากๆ) ส่วนทางด้านโหมดเล่นคนเดียวนั้นก็มีระดับความยากง่ายในการต่อสู้ตั้งแต่ง่ายเกินไป ไปจนถึงยากจนชวนหงุดหงิด โดยรวมถึงแม้ว่าเกมนี้จะยังสนุกอยู่ แต่เนื้อเรื่องและบรรดาตัวละครก็ดูจะได้รับการปรับปรุงน้อยมากจนดูจะเหมาะกับพวกแฟนพันธุ์แท้ดราก้อนบอลมากกว่าขาจรเกมไฟท์ติ้งทั่วไป

     และไม่ว่าคุณจะรักซีรีส์ดราก้อนบอลแค่ไหนก็น่าจะยังผิดหวังกันนะครับ ที่เกมภาคนี้ออกมาคล้ายกับซีรีส์ Budokai ในเครื่องรุ่นก่อนมากไปหน่อย เพราะทั้งระบบการต่อสู้และมิชชั่นตามเนื้อเรื่องก็ดูจะอิงจากเกมภาคก่อนๆ และมาปะหน้าด้วยการเรียกชื่อใหม่ๆ แทน จะมีของใหม่จริงๆ ที่เพิ่มมาก็แค่โหมด “Drama Pieces” (ฉากคัตซีนที่กดข้ามไม่ได้ และจะเกิดขึ้นเมื่อทำตามข้อแม้บางอย่างในระหว่างการต่อสู้ได้) หงอคงและเพื่อนๆ ในภาคนี้ดูดีกว่าทุกภาคที่ผ่านมาครับ แต่มันจะเยี่ยมกว่านี้มากถ้าภาคนี้จะมีองค์ประกอบใหม่ๆ มากกว่านี้เพราะผมเองก็เริ่มเบื่อกับเนื้อเรื่องเดิมๆ ที่ดูและเล่นมาหลายรอบของเรื่องนี้แล้วเหมือนกันนะครับเนี่ย

     RICHARD: ผมบอกกับตา Anthony ว่า “ขออีกเกมน่า” หลังจากสู้กันแบบสูสีไปหมาดๆ แล้วหนึ่งแมตช์ก็กลายเป็นสิบแมตช์ เพราะผมยิ่งเล่นก็ยิ่งชอบเกมภาคใหม่ที่สวยปิ๊งเกมนี้ ถึงแม้ว่าระบบการต่อสู้จะยังเดิมๆ ไม่มีอะไรใหม่ แต่งานทางด้านภาพของ Burst Limit นี่ก็ถือว่าพัฒนาขึ้นสูงมากครับ ที่ผมคิดไม่เหมือนกับ Anthony เขาก็คือ ผมชอบที่ภาคนี้แบ่งการเล่าเรื่องออกมาเป็นส่วนสั้นๆ (ผมรู้สึกว่าภาคก่อนๆ นี้เนื้อเรื่องจะดูมีมากและเยิ่นเย้อเฟ้อไปหน่อย) แต่ผมรู้สึกว่าฟีเจอร์ Drama Pieces นั้นกลับทำให้โมเมนตัมความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างการสู้เสียไปเหมือนกันนะ ถ้าตัดฟีเจอร์นี้ออกไปละก็ผมว่า Burst Limit จะเป็นเกมที่บันเทิงสมบูรณ์แบบกว่านี้มากครับ

     MILKMAN: ผมก็คิดไม่เหมือนกับน้อง Anthony เขานะครับ เพราะผมเองไม่มีปัญหาอะไรกับเล่าเนื้อเรื่องเดิมๆ เก่าๆ ร่วม 20 ปีของเรื่องนี้เลย (การ์ตูนอายุยืนอย่างดราก้อนบอลยังไงก็ต้องผ่านการถ่ายทอดมาหลายครั้งอยู่แล้วจนป่านนี้) ผมว่า Burst Limit นี่ถือเป็นเกมไฟท์ติ้งที่สนุกเกมนึงเลยนะครับ เรียกว่าสนุกไม่แพ้เกมการ์ตูนรุ่นน้องอย่าง Naruto เลย ตัวเกมอาจจะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ไปจากภาคก่อนๆ มากนัก แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้สวยตระการตาและมีแอ็กชั่นที่สนุกฉับไวและมีเทคนิคการเล่นต่างๆ ที่หลากหลายอยู่ในระบบการเล่น ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับ Richard เลยครับที่ว่าเกมแบบนี้มันต้อง “ขออีกตาน่า” ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่เป็นเกมที่ยอดเยี่ยมสำหรับแฟนๆ ดราก้อนบอลและทำออกมาได้สมชื่อเสียงของการ์ตูนคลาสสิกเรื่องนี้จริงๆ ครับ
 





แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ