THE SIMS 3 : โลกอิสระไร้ขอบเขต และชาวซิมส์ที่ไม่โง่อีกต่อไป

แชร์เรื่องนี้:
THE SIMS 3 : โลกอิสระไร้ขอบเขต และชาวซิมส์ที่ไม่โง่อีกต่อไป


ประเภท: SIMULATION
ผู้พัฒนา: EA
ผู้ผลิต: EA
ผู้จัดจำหน่าย: EA
เว็บไซต์: www.thesims.com

กำหนดวางจำหน่าย: 2009

     ภาคต่อของซีรีส์เกมที่ได้รับความนิยมระดับโลกนี้จะใช้กลเม็ดแบบไหนในการดึงความสนใจของเหล่าฮาร์ดคอร์เกมเมอร์อย่างคุณ 

     หลังจากสองภาคหลักกับอีก 14 ภาคเสริม ถือได้ว่า The Sims คือการสถาปนาอาณาจักรให้กับทาง Electronic Arts ด้วยยอดรวมกว่า 100 ล้านก๊อบปี้ที่สามารถขายได้ทั่วโลก ซึ่งสามารถสร้างกระแสวัฒนธรรมการเล่นอย่างที่แทบไม่มีเกมไหนทำได้ แถมยังเป็นการเปิดตลาดสู่นักเล่นเกมกลุ่มใหม่พูดตรงๆ ก็คือมันสามารถดึงความสนใจจากนักเล่นเกมที่เป็นผู้หญิง ทั้งน้องสาวคุณ, แฟนคุณ, รวมถึงคุณแม่ของคุณ ต่างก็ชอบเกมนี้กันทั้งนั้น

     ด้วยความสำเร็จระดับนั้น คงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจที่ภาค 3 ของเกม The Sims กำลังเริ่มถูกพัฒนาขึ้นแล้ว “เมื่อเราเริ่มงานพัฒนา The Sims 3 ผมกำหนดเป้าหมายสองอย่างให้กับทีมพัฒนา” Rod Humble ผู้ซึ่งเป็น Creative Director ของ The Sims 3 กล่าว “หนึ่งคือ จะไม่ถือว่ามันใช้ได้จนกว่าชาวซิมส์ของคุณจะสามารถเดินข้ามถนนไปและเห็นลูกๆ ของเพื่อนบ้านกำลังเล่นอยู่ในพื้นที่ของพวกเขาได้ทันที และสองคือจะไม่มีสถานการณ์กรงแฮมสเตอร์อีกต่อไป (ตัวแฮมสเตอร์มักมีพฤติกรรมปัสสาวะเรี่ยราดตลอดเวลา)

     สถานะ “กรงแฮมสเตอร์” หมายถึงการที่นักเล่นเกมมักจะบ่นว่า The Sims ไม่ใช่เกมที่ให้คุณกำหนดแนวดำเนินชีวิตให้กับสิ่งมีชีวิตที่สามารถดูแลตัวเองได้หรอก แต่ให้คุณเป็นพยาบาลคอยดูแลเด็กที่ไม่สามารถขับถ่ายเองได้อย่างเหมาะสมต่างหาก เป้าหมายอย่างแรกคือการสร้างส่วนที่น่าสนใจของเกม ซึ่งหลักๆ คือ “การกำหนดแนวทางชีวิตให้ชาวซิมส์ตั้งแต่เกิดจนตาย” ให้น่าสนใจมากขึ้น

     Humble และทีมงานจะเอาส่วนที่น่าเบื่ออย่างการต้องคอยจูงมือชาวซิมส์ไปตลอดทางถึงตู้เย็นเพื่อให้เขากินของว่างออกไป และแทนที่ด้วยปุ่มที่ทำงานด้วยการกดเพียงคลิกเดียวเพื่อให้ชาวซิมส์หาอาหารให้ตัวเอง คุณสมบัตินี้จะทำให้คุณมีเวลาสำหรับสิ่งที่น่าสนใจกว่า อย่างเช่น ช่องเก็บรายการทรัพย์สินแบบใหม่ รวมถึงระบบ ภารกิจ/ของรางวัล ที่ให้ประโยชน์กับชาวซิมส์ได้อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจงที่ไม่เคยมีในเกมภาคก่อนๆ อย่างเช่น การเตรียมอาหารมื้อพิเศษสำหรับวันวาเลนไทน์ หรือการนำงานพิเศษกลับมาทำต่อที่บ้านเพื่อการเลื่อนตำแหน่ง เป็นต้น

     ในคราวนี้เกมจะให้ความสำคัญกับภาพรวมของการดำเนินชีวิตมากว่าการต้องคอยตรากตรำกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ชาวซิมส์จะสามารถประกอบอาหารได้เองโดยไม่ต้องคอยรับคำสั่งโดยละเอียดจากคุณอีกต่อไป

วัตถุดิบที่ปลูกอย่างมีคุณภาพจะทำให้ได้อาหารที่มีคุณค่าสูงขึ้น ซึ่งนำไปสู่ความสุขของชาวซิมส์

     คุณสมบัติอีกอย่างที่ถูกถอดออกไปก็คือแถบสถานะต่างๆ ที่เป็นตัวกำหนดระดับอารมณ์ของชาวซิมส์ซึ่งจะถูกแทนที่ด้วยระบบใหม่ที่ดูมีชีวิตกว่า ซึ่งจะช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นหรือทำร้ายความรู้สึกตามแต่สถานการณ์ที่ชาวซิมส์ได้เผชิญ อย่างเช่น การจากไปของชาวซิมส์อันเป็นที่รัก, การได้วู้ฮู, หรือการฉี่ราดกางเกง

      การสร้างบุคลิกชาวให้กับชาวซิมส์จะมีรายละเอียดสูงกว่าใน The Sims 2 มาก ไม่ใช่แค่การกำหนดค่าต่างๆ เป็นตัวเลขอย่าง สามคะแนนสำหรับความสุภาพ หรือห้าคะแนนสำหรับความสร้างสรรค์อีกต่อไป ทีมพัฒนาจะนำเสนอระบบใหม่ของลักษณะนิสัยแบบต่างๆ (ซึ่งคุณสามารถเลือกได้ถึงหกด้านในเวลาเดียวกัน) ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดลักษณะของชาวซิมส์ โดยเลือกจากคำนิยามอย่าง ชั่วร้าย, ขี้เล่น หรืออัจฉริยะ เป็นต้น มันเป็นระบบที่ได้ต้นแบบมาจากวิธีที่คนเราใช้ในการนิยามบุคลิกของตัวเอง

     และคุณสมบัติอะไรที่พูดเกี่ยวกับลูกๆ ของเพื่อนบ้านนะ?

     Humble ต้องการที่จะทำลายกำแพงและมอบอิสระให้กับชาวซิมส์ในการตระเวนไปยังส่วนต่างๆ ในเมืองได้อย่างอิสระ ไม่ใช่ถูกจองจำอยู่ในสิ่งที่เรียกว่า “พื้นที่” อย่างในเกมภาคก่อนๆ เขาต้องการทำให้เกมกลายเป็นโลกที่เปิดกว้างซึ่งชาวซิมส์สามารถเดินเตร็ดเตร่ไปยังที่ที่ต้องการ, พบเพื่อนๆ, ไปทำงาน หรือมีปฏิสัมพันธ์กับใครก็ได้ตามต้องการ จากเดโมเกมได้แสดงให้เราเห็นภาพมุมกล้องจับอยู่ที่ตัวละครหลักคนหนึ่ง จากนั้นภาพค่อยๆ ซูมออกไปจนกระทั่งเห็นพื้นที่ละแวกเพื่อนบ้านทั้งหมด ซึ่งมันถ่ายทอดให้เห็นชีวิตแบบอเมริกันในแถบมิดเวสต์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ คุณจะได้เห็นชาวซิมส์เดินไปมาบนบาทวิถี, ทักทายกันและกัน หรือหยุดแวะพูดคุย ในขณะที่มียวดยานวิ่งผ่านไปมาบนท้องถนน มันทำให้รู้สึกถึงความมีชีวิตชีวาของเมืองที่เปิดกว้าง ที่ที่ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆ ล้วนเกิดขึ้นได้

      เป็นครั้งแรกที่ชาวซิมส์ของคุณจะได้ออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่หายไปจากพื้นที่

      ระบบการปรับแต่งลักษณะภายนอกของชาวซิมส์ก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน ด้วยการคลิกปุ่มที่ไม่ซับซ้อนเพียงสองสามครั้งคุณก็สามารถที่จะกำหนดน้ำหนักให้กับชาวซิมส์ของคุณตั้งแต่แบบเจ้าเนื้อไปจนถึงผอมแบบหนังหุ้มกระดูก ลักษณะรายละเอียดบนใบหน้าที่ให้คุณปรับเปลี่ยนได้ก็พัฒนาขึ้น, ผิวหนังดูสมจริงขึ้น, ส่วนทรงผมก็สามารถพลิ้วไสวเหมือนที่คุณได้เห็นจากโฆษณายาสระผมทั้งหลาย
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนคือการไม่มีระบบหลายผู้เล่น คุณยังคงไม่สามารถเชิญเพื่อนมาเยือนละแวกเพื่อนบ้านของคุณได้ ตามที่ EA ได้ทำการวิจัยพบว่า ผู้เล่นไม่ต้องการที่จะเสี่ยงให้มีผู้เล่นคนอื่นเข้ามาสร้างความวุ่นวายในละแวกเพื่อนบ้านของพวกเขา แต่งานวิจัยก็แสดงให้เห็นด้วยว่าคนที่เล่นเกม The Sims ก็นิยมใช้ Facebook (ระบบเครือข่ายที่ช่วยให้คุณติดต่อกับผู้คนในละแวกเดียวกัน) ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเกมจึงน่าจะใช้ประโยชน์จะสังคมออนไลน์ได้บ้าง

       ฉากสภาพแวดล้อมคือตัวอย่างที่ดีที่สุดในเรื่องกราฟิกที่พัฒนาขึ้นจาก The Sims 2 เอฟเฟ็กต์การให้แสงเงาตามช่วงเวลาของวันช่วยทำให้ทุกอย่างดูสมจริงยิ่งขึ้น

     สิ่งที่ EA ไม่ได้กล่าวถึงคือภาคเสริมที่จะต้องมีตามมาอย่างแน่นอน ในขณะที่รูปแบบของโลกที่เปิดกว้างของ The Sims 3 ได้แสดงให้เห็นศักยภาพอันน่าเกรงขาม Humble กลับไม่ได้เปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจนนักแต่พูดทิ้งท้ายให้เราอยากรู้อยากเห็นว่า “ข้อเท็จจริงที่มันเป็นโลกเปิดกว้างไร้รอยต่อทำให้ที่สุดแล้ว ผมก็ไม่อยากจะเปิดเผยแผนในการพัฒนาภาคเสริมของเรามากนักหรอกนะ The Sims 3 อาจขยายขอบเขตออกไปกลายเป็นโลกที่ไร้รอยต่อทั้งใบ ลองนึกภาพประเทศในโลกของชาวซิมส์ที่ซึ่งคุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระดูสิ”

     ทีนี้ล่ะน้องสาวคุณจะมายึดเอาคอมพ์ของคุณไปทั้งวัน จนคุณไม่สามารถเล่นอย่างอื่นได้อีกเลย


 

 

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ