ประเภท: ACTION
ผู้พัฒนา: UBISOFT MONTREAL
ผู้ผลิต: UBISOFT
ผู้จัดจำหน่าย: NEW ERA
เครื่องที่ต้องการ: DUAL-CORE 2.6GHz CPU, 1GB RAM, 8GB HD, 256MB SHADER MODEL 3.0-CAPABLE 3D Card
เครื่องที่แนะนำ: CORE 2 DUO 2.4GHz CPU, 2GB RAM, 512MB 3D CARD, XBOX 360 GAMEPAD FOR WINDOWS
จำนวนผู้เล่นสูงสุด: 1
ESRB RATING: M
แอ็กชั่นฮีโร่ทั่วไปในวิดีโอเกมมักจะมีรูปแบบง่ายๆ ที่เดินตามแบบฉบับของพระเอกอย่างอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ ทั้งในด้านรูปธรรมและแนวความคิด (ทุกคนรู้จัก Duke Nukem ใช่มั้ย?) แต่ใน Assassin’s Creed เราจะได้พบกับวีรบุรุษที่น่าจดจำซึ่งยอมแลกร่างกายที่ใหญ่โตที่บึกบึน (และภาษาที่หยาบคาย) เพื่อให้ได้มาซึ่งทักษะความคล่องแคล่วทางร่างกายที่เหลือเชื่อและเชิงดาบที่แสนร้ายกาจ ทักษะเย้ยความตายในสไตล์ “Freerunning” ที่ Altair ใช้นั้นเป็นคุณสมบัติสำคัญอันแสนโลดโผนในเกมที่พอร์ทจากคอนโซล และถือเป็นการปฏิวัติวงการแอ็กชั่นเกมด้วยการผสมผสานรูปแบบการเล่นแนวลอบเร้น, การทรงตัว และโลกที่เปิดกว้างได้อย่างลงตัว
Altair คือมือสังหารในศตวรรษที่ 12 แต่เกมจะเริ่มเดินเนื้อเรื่องหลักในยุคปัจจุบัน เพื่อไม่ให้เป็นการทำลายอรรถรสของเนื้อเรื่อง เราขอบอกแค่ว่าคุณจะได้พบกับประสบการณ์ที่เป็น “ความทรงจำ” ของ Altair ผ่านทางอุปกรณ์สร้างประสบการณ์เสมือนจริงที่มีชื่อว่า Animus ในฐานะที่คุณได้ย้อนกลับไปใช้ชีวิตเป็น Altair คุณมีภารกิจในการลอบสังหารเป้าหมายเก้าราย โดยคุณสามารถรีโหลดความทรงจำก่อนหน้าขึ้นมาใหม่ได้หากพลาดท่าเสียชีวิต ซึ่งก็คือการสูญเสียการเชื่อมต่อกับความทรงจำของ Altair นั่นเอง ในขณะที่เนื้อหาในส่วน Sci-fi นั้นเป็นเพียงส่วนน้อยในเกม (ไม่ใช่ส่วนที่คุณจะต้องเล่นอย่างจริงจัง) ผมพบว่าอุปกรณ์ Animus นั้นเป็นการวางโครงเรื่องที่ชาญฉลาดที่สามารถอุดช่องโหว่เรื่องความสมเหตุสมผลของเรื่องราวได้ (อย่างเช่น ทำไมผมจึงไม่สามารถเที่ยวไล่ฆ่าคนสำคัญคนไหนก็ได้ตามใจชอบ?)
คุณมีเป้าหมายสำคัญเก้ารายซึ่งประกอบไปด้วย พ่อค้าทาส, ผู้ปกครองดินแดนด้วยการกดขี่ และผู้นำทางศาสนาที่คดโกง ซึ่งแต่ละคนก็มีภูมิหลังที่แตกต่างกันไปแต่ล้วนมีโยงใยเกี่ยวข้องกันที่เป็นชนวนให้เกิดสงครามครูเสด เพื่อเปิดโปงความลับของเป้าหมายและทำการปลิดชีพพวกมัน คุณต้องทำภารกิจย่อยต่างๆ ในนครที่เป็นศูนย์กลางความรุ่งเรืองในยุคกลางสามแห่งคือ Jerusalem, Acre และ Damascus ให้สำเร็จ การได้สำรวจและค้นหาข้อมูลในเมืองทั้งสามเพื่อทำให้ภารกิจสมบูรณ์นั้นเป็นประสบการณ์ที่เหลือเชื่อ เพราะโลกในเกม Assassin’s Creed พูดได้ว่าเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกราวกับว่าได้ไปอยู่ในสถานที่จริงมากที่สุดเท่าที่ผมได้เคยสัมผัสมา
นครใหญ่แต่ละแห่งนั้นแบ่งออกเป็นสามเขตการปกครอง ซึ่งจะค่อยๆ ถูกปลดล็อกไปเมื่อคุณสามารถสังหารเป้าหมายหลักได้ แต่แค่เพียงพื้นที่ย่อยส่วนเดียวในเมืองแต่ละแห่งก็เพียงพอที่จะทำให้คุณต้องใช้เวลานับชั่วโมงในการสำรวจ คุณจะเคลื่อนที่ไปยังพื้นที่ต่างๆ ด้วยการโจนอย่างคล่องแคล่วไปตามหลังคาอาคารบ้านเรือน, ไต่กำแพง หรือปีนป่ายไปบนคานไม้ของสิ่งก่อสร้างที่อยู่เหนือใจกลางเมืองที่หนาแน่นไปด้วยผู้คน การเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วและโลดโผนในเกมนั้นไม่ใช่เรื่องยากลำบาก เพียงแค่คุณกดปุ่ม “Action” ค้างไว้แล้วเลือกเคลื่อนที่ด้วยปุ่มทิศทาง ระบบการควบคุมด้วยคีย์บอร์ดและเมาส์แบบใหม่นั้นทำได้ไม่เลว แต่ผมพบว่าการใช้เกมแพดของ Xbox 360 นั้นคล่องตัวกว่ามาก และไม่ว่าคุณจะเลือกใช้แบบไหนระบบควบคุมของเกมที่โอนอ่อนผ่อนตามให้ผู้เล่นก็ทำให้การปีนป่ายและการกระโดดทำได้ง่ายจนคุณสามารถเพลิดเพลินไปกับท่วงท่าที่ลื่นไหลของตัวละครและความผาดโผนที่แสนตื่นเต้นได้ บ่อยครั้งที่ผมพบว่าตัวเองมักจะละเลยภารกิจและมัวแต่โจนทะยานไปมาตามหลังคา พยายามจดจำเส้นทางและทดลองดูว่าผมจะวิ่งได้ต่อเนื่องยาวนานแค่ไหนโดยไม่มีสะดุดเลย
คุณจะต้องหลงใหลไปกับรายละเอียดจำนวนมากของสิ่งแวดล้อมที่มีชีวิตในโลกของเกม ท้องถนนของเมืองที่มีชีวิตชีวาด้วยประชากรนับพันที่กำลังดำเนินชีวิตประจำวันของตัวเอง ที่ยอดเยี่ยมไปกว่านั้นก็คือตัวละคร NPC แต่ละตัวจะมีพฤติกรรมตามจุดมุ่งหมายของตัวเอง อย่างพวกขอทานที่จะตามเกาะคุณจนเคลื่อนไหวไม่สะดวก หรือพวกกลุ่มโจรนอกกฎหมายที่จะยื่นมือช่วยเหลือเมื่อคุณถูกพวกทหารยามไล่ตาม การสัญจรผ่านฝูงชนจะมีความท้าทายในแบบต่างๆ ของมันเอง เนื่องตัวละคร NPC ประเภทต่างๆ จะตอบสนองต่อคุณแตกต่างกันไปตามแต่พฤติกรรมที่คุณแสดงออกต่อหน้าพวกเขา การลอบเร้นใน Assassin’s Creed มีทั้งการต้องทำตัวให้กลมกลืนกับสังคมรวมถึงการซ่อนเร้นในเงามืด ซึ่งเป็นหลักการที่เป็นธรรมชาติและสามารถนำคุณไปสู่สถานการณ์ที่กดดันได้เช่นเดียวกัน
เมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับศัตรู เกมจะเปลี่ยนเข้าสู่โหมดต่อสู้อย่างราบรื่น ซึ่งคุณต้องทำการล็อกศัตรูเป้าหมายเพื่อให้มันได้ลิ้มรสคมดาบของคุณ การต่อสู้จะเป็นไปแบบรีลไทม์แต่ให้ความรู้สึกเกือบจะเป็นเทิร์นเบส โดยศัตรูจะโจมตีคุณทีละคน ทำให้คุณมีโอกาสที่จะป้องกันด้วยความว่องไว, จับ และโต้ตอบการโจมตีกลับไป การรับมือกับทหารนับโหลนั้นจะเป็นเรื่องง่ายหากคุณได้เรียนรู้พื้นฐานในการตอบโต้การโจมตีแล้ว แต่การดวลกับพวกศัตรูที่มีฝีมืออย่างพวก Templar Knight ในช่วงหลังของเกมจำเป็นต้องอาศัยจังหวะเวลาในการออกคำสั่งที่เที่ยงตรง การเคลื่อนไหวในโหมด Freerunning นั้นทำให้การต่อสู้เต็มไปด้วยท่วงท่าอันสุดยอด ผนวกด้วยมุมกล้องที่คอยปรับเปลี่ยนเพื่อให้คุณได้เห็นมุมมองที่น่าประทับใจที่สุดในการสังหาร
นอกเหนือจากภารกิจย่อยสี่รูปแบบที่พอร์ทมาจากเกมในเวอร์ชั่นคอนโซลแล้ว (การลอบดักฟัง, โจรกรรม, การหาข่าว และเก็บธง) เกมในเวอร์ชั่นพีซียังได้มีการเพิ่มภารกิจย่อยใหม่อีกสี่รูปแบบคือ การลอบสังหารพลธนู, การวิ่งแข่งบนหลังคา, การทำลายร้านค้า และการคุ้มกันพยาน ซึ่งเพียงพอต่อการเพิ่มความหลากหลายให้กับเกม แต่ในขณะที่แนวทางนี้น่าชื่นชมผมกลับรู้สึกผิดหวังที่ภารกิจใหม่เหล่านี้ขาดเนื้อหาในเชิงลึกซึ่งต่างจากภารกิจหลัก ผมหวังอยากให้ภารกิจย่อยต่างๆ น่าจะช่วยเปิดเผยปมเรื่องราวที่ซ่อนอยู่เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ผมทำมันให้สมบูรณ์ แทนที่จะแค่ทำมันเพื่อให้เกมดำเนินต่อไปได้
Assassin’s Creed ต้องการทรัพยากรเครื่องสูงยิ่งแม้แต่ที่การตั้งค่ากราฟิกที่ระดับต่ำสุดก็ตาม หากเครื่องคุณแรงพอที่จะตั้งค่าทั้งหมดไว้ที่ระดับสูงสุดได้ ภาพที่ได้จะเป็นหนึ่งในเกมที่สวยงามที่สุดเท่าที่คุณเคยพบมาเลยทีเดียว แต่แรงดึงดูดทางสายตาที่จริงแล้วยังเป็นรองคุณสมบัติด้านแอ็กชั่นที่น่าทึ่ง Altair ในเกมสามารถถ่ายทอดความยอดเยี่ยมได้ไม่แพ้ของตัวละครจากการ์ตูนอย่างไอ้แมงมุมหรือแบทแมน เขาคือแบบฉบับของฮีโร่ที่นักเล่นเกมทุกคนฝันอยากจะเป็นเมื่อเติบโตขึ้น