เผยเน้นๆไม่มีกั๊ก เทคนิคการเล่น Command & Conquer 3: Kane Wrath [Part II]

แชร์เรื่องนี้:
เผยเน้นๆไม่มีกั๊ก เทคนิคการเล่น Command & Conquer 3: Kane Wrath [Part II]

เทคนิคการเล่น Multiplayer 

วางแผนการเล่น 

     ผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จคือผู้ที่รู้ว่าควรทำอะไรหรือต้องทำอะไรบ้างตั้งแต่เริ่มต้นเกมไปจนจบ ดังนั้นคุณควรวางแผนการเล่นให้เหมาะสมกับฝ่ายที่เลือกเล่น และสไตล์ของตัวเอง เช่น ลำดับของสิ่งก่อสร้าง ลำดับการสร้างยูนิต เป็นต้น ผมคงไม่สามารถเจาะจงลงไปได้ว่าจะต้องสร้างก่อน เพราะสไตล์การเล่นนั้นไม่ตายตัว พยายามฝึกฝนการใช้คีย์ลัดต่างๆ ให้คล่อง ถ้าคุณเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ และไม่รู้ว่าฝ่ายที่คุณเล่นควรจะวางแผนการเล่นยังไง ผมแนะนำให้ลองฝึกกับ AI ในโหมด Skirmish ก่อนหรือจะหา Replay ของผู้เล่นคนอื่นๆ มาดูก็จะช่วยได้มาก เพราะเวลาทุกวินาทีในการเล่น Multiplayer นั้นมีค่ามาก การลังเลเพราะไม่รู้ว่าจะสร้างสิ่งก่อสร้างหรือยูนิตชนิดใดทำให้เสียเวลาไปเปล่าๆ โดยเฉพาะช่วงต้นเกมที่ต่างฝ่ายต่างต้องช่วงชิงความได้เปรียบ สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือทรัพยากร คุณไม่ควรปล่อยให้มีทรัพยากรค้างอยู่เป็นจำนวนมาก จงนำมันไปใช้อย่างชาญฉลาด เช่น ผลิตยูนิตหรืออัพเกรดเทคโนโลยี เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของกองทัพคุณตลอดเวลา สายการผลิตที่ว่างหมายถึงคุณกำลังเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

รู้จักแผนที่ และศัตรู

     ลำดับการสร้าง และแผนการเล่นช่วยให้การเปิดเกมของคุณลื่นไหล แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้คุณครอบครองความได้เปรียบในสนามรบ สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือความคุ้นเคยกับแผนที่ที่คุณกำลังเล่น จุดปะทะอยู่ตรงไหน? ทุ่ง Tiberium มีกี่แห่งอยู่ตรงไหนบ้าง? ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้คุณวางแผนการขยายฐานเพื่อเพิ่มทรัพยากรได้อย่างถูกที่ถูกเวลา และที่ลืมไม่ได้ก็คือ สิ่งก่อสร้างทางยุทธศาสตร์ เช่น Tiberium Spike หรือ EMP Control Center ผู้เล่นที่รู้ตำแหน่ง และจำนวนของสิ่งก่อสร้างเหล่านี้จะได้เปรียบอย่างมาก เพราะรู้ว่าจะต้องวางแผนการเล่นอย่างไร จะต้องยึดสิ่งก่อสร้างไหนก่อน คุณควรจะสร้างความคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้โดยลองเล่นแผนที่ต่างๆ ในโหมด Skirmish สักครั้งก่อนจะเล่น Multiplayer โดยเฉพาะแผนที่แบบ 1 Vs 1 ที่นิยมเล่นกันอย่าง Tournament Tower และ Tournament Rift เพื่อจดจำตำแหน่งจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ เมื่อคุ้นเคยกับแผนที่แล้ว สิ่งต่อมาที่ต้องรู้ก็คือศัตรูที่คุณกำลังต่อกรด้วยอยู่ อย่ารอช้าที่จะส่งยูนิตออกไปสำรวจฐานของคู่แข่งโดยเฉพาะช่วงต้นเกม ใช้ยูนิตทหารธรรมดาก็เพียงพอ เมื่อพบที่ตั้งของศัตรูคุณควรจดจำชนิดของสิ่งก่อสร้างต่างๆ เพื่อวางแผนรับมือหรือบุกโจมตี เช่น หากคุณเจอ War Factory 2 แห่ง นั่นแปลว่าศัตรูอาจจะกำลังวางแผนที่จะผลิตกองทัพยานพาหนะมาถล่มคุณก็เป็นได้ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ช่วยให้แผนการเล่นของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Tiberium spike หนึ่งในสิ่งก่อสร้างทางยุทธศาสตร์ที่ไม่ควรมองข้าม

Superweapon หรือ Epic Unit? 

     ไม่ว่าจะศัตรูของคุณจะเป็น AI หรือผู้เล่นด้วยกันเอง ผมเชื่อว่าหลายคนที่เล่นเกมนี้คงจะเคยถูกถล่มด้วยสุดยอดอาวุธมาแล้วอย่างแน่นอน พลังโจมตีของมันรุนแรง และไม่เสียทรัพยากรแม้แต่หน่วยเดียวตอนสั่งยิง ถ้าคุณเล่นโหมด Skirmish เป็นประจำคุณจะพบว่า ในทุกๆ เกม AI จะสร้าง Superweapon ไว้ค่อยถล่มคุณ แต่คำถามก็คือมันสมควรสร้างหรือไม่ เมื่อเล่นแบบผู้เล่นหลายคน ก่อนจะฟันธงลงไปว่าควรหรือไม่ นี่คือสิ่งที่คุณควรคำนึงถึง อย่างแรกก็คือค่าก่อสร้างที่สูงถึง 5000 หน่วย และเมื่อสร้างเสร็จ คุณต้องรอนาน 7 นาทีถึงจะยิงครั้งแรกได้ (สำหรับเกมนี้แค่ 2 นาทีก็ถือว่านานมากแล้ว) อย่างที่สองก็คือ เมื่อสร้างเสร็จมันก็จะประกาศให้ศัตรูของคุณรู้ ทั้งตำแหน่งที่ตั้ง สิ่งก่อสร้างใกล้เคียง และเวลาที่เริ่มนับถอยหลังก่อนพร้อมยิง แน่นอนว่าศัตรูของคุณคงไม่อยู่เฉยรอให้คุณถล่มฐานทัพอย่างสบายใจแน่ ตอนนี้ล่ะครับที่ Superweapon ของคุณจะตกเป็นเป้าหมายอันดับแรก ถ้าการป้องกันของคุณไม่รัดกุม การทำลายสิ่งก่อสร้างชนิดนี้เป็นเรื่องง่ายมากๆ แค่ส่ง Commando อ้อมไปด้านหลังฐานแล้วลอบเข้าไปวางระเบิดก็เป็นอันจบ หรือแค่ส่งยูนิตลุยเข้าไปดื้อๆ เลยก็สามารถทำลายได้ถ้าคุณไม่มียูนิตป้องกันอยู่ แต่มันก็คุ้มค่าถ้าคุณป้องกันไว้จนสามารถสั่งยิงครั้งแรกได้ เพราะการโจมตีเพียงครั้งเดียวอาจพลิกเกมจากที่คุณกำลังเสียเปรียบให้กลายเป็นผู้ชนะเลยก็ได้ สำหรับเกมผู้เล่นหลายคนแบบ 1 Vs 1 นั้นไม่นิยมสร้าง Superweapon เท่าไรนัก แทบจะไม่สร้างเลยก็ว่าได้ เพราะการป้องกันมันเป็นเรื่องค่อนข้างยุ่งยาก และด้วยค่าตัวของมันที่สูงถึง 5000 หน่วย ก็ไม่ค่อยจะคุ้มค่าต่อการสร้างเท่าไร จากสาเหตุนี้ผู้พัฒนาจึงได้มีการเพิ่ม Epic Unit เข้ามาเพื่อเป็นตัวเลือกแทน Superweapon ที่ไม่ได้รับความนิยม ด้วยค่าตัวที่เท่ากัน แต่เคลื่อนที่เข้าโจมตีได้โดยไม่ต้องรอเวลา สามารถอัพเกรดความสามารถโดยใช้ยูนิตทหารชนิดต่างๆ และนำไปประยุกต์ใช้กับแผนการเล่นได้หลากหลายเพราะมันมีความคล่องตัวสูงกว่า Superweapon ในหลายสถานการณ์มาก สำหรับเกม 2 Vs 2 หรือการเล่นเป็นทีมนั้น Superweapon ก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าอยู่ โดยผู้เล่นที่ร่วมทีมกันจะแบ่งหน้าที่ว่า ใครจะเล่นแบบไหน ส่วนมากแล้วผู้เล่นคนหนึ่งจะเล่นแบบโจมตีเร็ว เพื่อก่อกวนดึงความสนใจให้ศัตรูต้องส่งยูนิตมาป้องกัน ในขณะที่อีกคนไต่ระดับเทคโนโลยี ผลิตยูนิตเตรียมไว้บดขยี้ศัตรู รวมถึงสร้าง Superweapon เตรียมไว้ปิดเกม หากจะต้องเลือกระหว่าง Superweapon กับ Epic Unit คุณคงต้องชั่งน้ำหนักเอาเองจากสิ่งที่กล่าวไปแล้วว่าอย่างไหนเหมาะกับสไตล์การเล่นของคุณมากกว่ากัน

กลยุทธ์ที่นิยมใช้

Rushing

      เป็นการบุกโจมตีอย่างเร็วโดยศัตรูไม่ทันตั้งตัว จุดประสงค์คือการพิชิตศัตรูให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ถ้าช่วงต้นเกมคุณเร็วพอ คุณอาจจะบุกไปเจอฐานทัพศัตรูที่ไร้การป้องกัน และจบเกมโดยง่าย วิธีนี้เน้นการปั้มยูนิตทหารราบหรือยานพาหนะแล้วส่งไปถล่มศัตรูเป็นระยะๆ การเล่นเกมเร็วเหมาะสำหรับทุกฝ่ายแต่ที่ดูจะเชี่ยวชาญที่สุดก็คือ Nod ยูนิตอย่าง Raider buggy, Scorpion Tank และ Fanatics คือตัวอันตรายช่วงต้นเกมอย่างแท้จริง หากอัพเกรดความสามารถ และโจมตีคู่กับ Flame Tank จะทำให้ปิดเกมได้เร็วขึ้น สำหรับฝ่าย Scrin ยูนิตที่เหมาะสำหรับกลยุทธ์นี้คือ Buzzer ซึ่งมีราคาถูก และเคลื่อนที่เร็ว ใช้จัดการทหารราบศัตรูได้อย่างดี อีกตัวเลือกหนึ่งก็คือ Seeker ที่สามารถโจมตียานพาหนะ และสิ่งก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นอันตรายต่อ Harvester ของศัตรูอย่างมาก ยิ่งใช่คู่กับ Buzzer ก็จะเป็นตัวอันตรายต่อทหารราบด้วย สำหรับ GDI นั้นค่อนข้างมีปัญหากับการเล่นวิธีนี้ในช่วงแรกอยู่บ้าง เพราะยานพาหนะที่เคลื่อนที่เร็วที่สุดก็ยังช้ากว่าฝ่ายอื่น การโจมตีช่วงต้นเกมต้องใช้ทหารราบคู่กับยานพาหนะจึงจะมีประสิทธิภาพ เช่น ใช้ APC ที่บรรทุก Missile Squad บุกเข้าไปสร้างความปั่นป่วน ตามด้วย Predator Tank เข้าไปปิดเกม สำหรับกลยุทธ์อย่าง Engineer Rush ที่เคยนิยมใช้กันโดยส่ง Engineer ขึ้น APC บุกไปยึดฐานศัตรูตั้งแต่ต้นเกม มาในภาคนี้มันใช้ได้ไม่ดีเหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะ Engineer จะมีการหน่วงเวลาก่อนยึดสิ่งก่อสร้างประมาณ 3 วินาที ถ้าศัตรูมียูนิตป้องกันอยู่ Engineer มักจะไม่รอดจนยึดสิ่งก่อสร้างสำเร็จ ทำให้ตัวเลือกการเล่นเกมเร็วช่วงต้นเกมของ GDI น้อยลงไปอีก ช่วงกลางเกมอากาศยานก็เป็นยูนิตที่น่าสนใจโดยเฉพาะยูนิตใหม่อย่าง Hammer Head ที่บรรทุก Missile Squad หรือ Zone Trooper, Zone Raider ส่งเข้าโจมตีสิ่งก่อสร้างสำคัญ ตามปิดท้ายด้วยยานเกราะอย่าง Mammoth Tank และ Juggernaut อย่างไรก็ตามการสร้างยูนิตจำนวนมากเพื่อส่งไปโจมตีศัตรูเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถทำให้คุณชนะได้ มันยังขึ้นกับทักษะการควบคุมยูนิตต่างๆ ของคุณอีกด้วย

Flanking

      Flanking หรือยุทธวิธีโจมตีโอบล้อม ในการเล่น Multiplayer นั้น ผู้เล่นส่วนใหญ่จะวางแนวป้องกันเฉพาะด้านหน้าฐานหรือบริเวณจุดที่ปะทะกัน โดยที่ลืมป้องกันด้านข้างหรือด้านหลังที่มีสิ่งก่อสร้างสำคัญเช่น Construction Yard หรือ Power Plant ตั้งอยู่ การละเลยสิ่งนี้อาจจะพลิกเกมจากที่กำลังได้เปรียบกลายเป็นพ่ายแพ้ไปเลยก็ได้ หลายๆ คนนิยมใช้วิธีนี้ในการเข้าตีฐานทัพที่ไม่สามารถบุกเข้าไปตรงๆ ได้ เริ่มด้วยการแบ่งกองกำลังที่จะบุกโจมตีออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกมีหน้าที่ดึงความสนใจของศัตรูโดยส่งยูนิต จำนวนหนึ่งเข้าโจมตีฐานทัพโดยตรงจนศัตรูส่งยูนิตออกมาป้องกัน พยายามรักษาชีวิตยูนิตเหล่านี้ไว้เพราะเราต้องการแค่ดึงความสนใจเท่านั้น ขณะเดียวกันให้ส่งกองกำลังอีกส่วนหนึ่งที่มีอำนาจการยิงหรือจำนวนที่เยอะกว่าอ้อมไปทางด้านหลังหรือด้านข้างฐาน แล้วจัดการสิ่งก่อสร้างสำคัญที่กล่าวมา การบุกโจมตีเช่นนี้จะสร้างความเสียหายต่อศัตรูอย่างมาก อาจถึงขั้นจบเกมเลยทีเดียว กองกำลังที่ใช้อ้อมโจมตีอาจไม่ต้องมีจำนวนเยอะก็ได้ เช่น คุณอาจใช้แค่ Reckoner 1-2 คัน บรรจุ Commando ส่งเข้าไปถล่มฐานก็ได้ ผมเคยเจอผู้เล่นฝ่าย Nod คนหนึ่งที่ใช้วิธีโจมตีโอบล้อม โดยส่ง Emissary เลาะตามขอบแผนที่ไปตั้งฐานเล็กๆ แล้วสร้าง War Factory บริเวณมุมแผนซึ่งเป็นจุดอับหลังฐานของศัตรู จากนั้นก็ดึงความสนใจไปที่บริเวณด้านหน้าฐาน เพื่อเปิดโอกาสให้ยูนิตที่รออยู่ด้านหลังเข้าโจมตี กว่าศัตรูจะรู้ตัว ฐานทัพก็ถูกทำลายไปกว่าครึ่งแล้ว สิ่งที่สำคัญสำหรับวิธีนี้ก็คือ ศัตรูจะต้องไม่รู้ว่าคุณส่งกองกำลังอ้อมไปโจมตีโดยเด็ดขาด ถ้าเกิดถูกตรวจพบควรสั่งยูนิตของเรากลับมาฐานทัพทันที ดังนั้นวิธีการป้องกันการถูกตีโอบก็คือ คุณควรจะส่งยูนิตออกไปสำรวจหรือทิ้งยูนิตไว้บริเวณจุดอับต่างๆ เช่น ตามขอบหรือมุมแผนที่เพื่อคุณจะได้มองเห็นบริเวณนั้น และเตรียมรับมือได้ทันหากศัตรูแอบส่งยูนิตมา

Hit and Run 

     คือการลอบโจมตีหรือยุทธวิธีตีหัวเข้าบ้าน จุดประสงค์ของการลอบโจมตีคือการก่อกวนตัดกำลังหรือถ่วงเวลาศัตรู การลอบโจมตีทำได้หลายลักษณะขึ้นอยู่กับฝ่ายที่เล่น วิธีลอบโจมตีที่นิยมทำกันอย่างมากช่วงต้นเกม คือการลอบทำลาย Harvester ของศัตรูเพื่อตัดทรัพยากร วิธีนี้ให้ผลดีมาก ยูนิตที่ใช้มักจะเป็นยานพาหนะที่เคลื่อนที่ได้เร็วเน้นความคล่องตัวมากกว่าพลังโจมตี สำหรับช่วงกลางเกมที่ทรัพยากรต่างๆ เริ่มร่อยหรอ เป้าหมายของการลอบโจมตีจะอยู่ที่สิ่งก่อสร้างการผลิต และ Power Plant เพื่อตัดพลังงาน หรือหยุดการผลิตของศัตรู หากทำลายได้จะสร้างความได้เปรียบอย่างมาก เพราะศัตรูจะต้องเสียทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อสร้างสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ใหม่ สิ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อใช้วิธีนี้คือ หากลอบโจมตีไม่สำเร็จก็ไม่ควรปล่อยให้ยูนิตของเราถูกทำลาย ควรนำกลับมายัง War Factory เพื่อซ่อมแซมไว้ใช้จะดีกว่า การเคลื่อนที่ถอยทัพทุกครั้งควรใช้การเคลื่อนที่ถอยหลัง (D) เพื่อเพิ่มโอกาสรอดของยูนิต กลยุทธ์นี้เหมาะสมกับทุกฝ่ายควรนำไปปรับใช้กับแผนการเล่นของคุณ

การลอบโจมตี Harvester ช่วงต้นเกมเป็นสิ่งที่ควรทำ

เทคนิคอื่นๆ

MARV Super Harvester (GDI) 

      ด้วยความสามารถเก็บเกี่ยว Tiberium และติดอาวุธได้หลากหลายชนิด MARV จึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ผู้เล่นนิยมใช้เก็บทรัพยากรในแนวหน้า อาวุธที่ปรับแต่งในกรณีเช่นนี้ จะใช้ Engineer + Rocket Squad อย่างละ 2 หน่วย เข้าประจำการเพื่อเพิ่มความสามารถในการต่อต้านอากาศยาน และซ่อมแซมตัวเอง หรือจะใช้ Rocket Squad เพียงอย่างเดียวก็ได้ เมื่อเคลื่อนที่ผ่านทุ่ง Tiberium ทรัพยากรจะถูกเก็บเข้าสู่คลังทันทีโดยไม่ต้องกลับไปยัง Refinery เหมือน Harvester ทั่วไป Tiberium สีเขียวจะให้ทรัพยากร 350 หน่วย และสีฟ้าให้ 700 หน่วย ต่อหนึ่งช่อง และมันเป็นยานยนต์ชนิดเดียวในเกมที่สามารถเคลื่อนที่ทับยานพาหนะศัตรูได้ (ไม่รวม Walker) การจัดการยานยนต์ศัตรูจึงเป็นเรื่องง่ายแม้แต่ยูนิตล่องหนอย่าง Harvester ของ Nod ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องมองเห็น แค่เคลื่อนที่ไปรอบๆ แล้วขับทับมันเท่านั้น ก็สามารถทำลายได้แล้ว

MARV เก็บแร่ได้รวดเร็วทันใจแถมยังติดอาวุธได้หลายชนิด

Alternative’s Teleporting Time Bomb (Scrin)

      เทคนิคนี้มีประสิทธิภาพสูงมาก แต่การใช้งานนั้นก็ยากมาก ต้องอาศัยการฝึกฝน และกะจังหวะเวลาให้พอดี ต้องขออธิบายก่อนว่าลำแสงที่ยิงออกมาจาก Mother Ship นั้น เมื่อยิงถูกสิ่งก่อสร้างหรือยูนิตจะทำให้สิ่งนั้นกลายเป็นสีขาว และระเบิดออก พร้อมกับปล่อยคลื่นพลังงานสร้างความเสียหายให้กับสิ่งที่อยู่ใกล้เคียง และระเบิดต่อๆ กันไปเหมือนการล้มของโดมิโน แต่ Mother Ship เคลื่อนที่ช้า และเปราะบางจึงยากที่จะรอดไปถึงฐานศัตรูเพื่อยิงลำแสงนี้ เทคนิคนี้ทำให้คุณสามารถใช้อาวุธของ Mother Ship ถล่มศัตรูด้วยโดยไม่จำเป็นต้องส่ง Mother Shipเข้าไปโจมตีเอง แต่จะอาศัยการเทเลพอร์ตยูนิตของเราที่ถูกลำแสงเข้าไประเบิดใส่ศัตรู สิ่งที่จำเป็นสำหรับเทคนิคนี้คือ Mother Ship, Master Mind (หรือ Prodigy) และยูนิตทหารราบอะไรก็ได้ 2-3 ยูนิต อย่างแรกให้สร้าง Signal Transmitter แล้วเรียก Mother Ship ลงมา สั่ง Mother Ship เคลื่อนที่ไปยังบริเวณโล่งๆ ห่างจากสิ่งก่อสร้างของคุณ แล้วสร้าง Master Mind กับยูนิตทหารราบที่จะใช้เทเลพอร์ต มารอไว้ จากนั้นให้ส่ง Master Mind ไปยังแนวหน้าสนามรบหรือเข้าไปใกล้กับฐานทัพศัตรูเพื่อรอใช้คำสั่งเทเลพอร์ต ขั้นตอนต่อจากนี้สำคัญมากต้องกะจังหวะให้ดี ให้นำยูนิตทหารราบที่เตรียมไว้ทั้งหมดเข้าไปอยู่ใต้ Mother Ship แต่ให้ยืนกระจายๆ กัน แล้วสั่ง Mother Ship ยิงแสงลงมาใส่ยูนิตกลุ่มนั้น ยูนิตที่โดนลำแสงเต็มๆ จะถูกทำลายทันทีแต่ยูนิตใกล้เคียงจะกลายเป็นสีขาว คุณมีเวลา 2 วินาทีก่อนที่ยูนิตสีขาวนี้จะระเบิดออก ให้รีบสั่งเทเลพอร์ทยูนิตนี้เข้าไปใกล้สิ่งก่อสร้างของศัตรูแล้วสั่ง Master Mind หนีออกมา หากทำถูกจังหวะเวลา สิ่งก่อสร้างของศัตรูจะกลายเป็นสีขาวแล้วระเบิดปล่อยพลังงานออกมา ยิ่งสิ่งก่อสร้างอยู่ใกล้ๆ กันก็จะระเบิดต่อๆ กันไปจนหมด พยายามใช้การกำหนดกลุ่มยูนิต และคีย์ลัดเข้าช่วย จะทำให้คุณใช้เทคนิคนี้ได้สะดวกขึ้น

Redemption Power (Nod)

      พลังพิเศษนี้ทำให้ยูนิต Militant Squad ที่ถูกสังหารภายในบริเวณที่กำหนดกลายเป็น Awakened การใช้แต่ละครั้งคุณจะเสียทรัพยากร 1,500 หน่วย เทคนิคนี้ทำให้ Nod ฝ่ายหลักมี Awakened ไว้ใช้งาน คุณจะใช้พลังพิเศษนี่ได้เมื่อสร้าง Tech Lab จากนั้นให้สร้าง Militant Squad ตามจำนวนที่ต้องการแล้วใช้ Redemption บริเวณที่ Militant Squad ยืนรวมกันอยู่ ให้จัดการสังหาร Militant Squad ที่ยืนอยู่ในรัศมีของพลังนี้ทั้งหมดโดยใช้ Force Attack (Ctrl) หรือพลังพิเศษอย่าง Cloaking Field ก็ได้ (แต่เสียทรัพยากรเพิ่มเมื่อใช้ครั้งละ 3,000 หน่วย) แค่นี้คุณก็สามารถสร้าง Awakened ไว้ใช้ได้แล้ว

Cloaking Field + Redeemer (Nod)

     เทคนิคนี้เน้นการใช้ Rage Generator ของ Redeemer เพื่อให้ศัตรูฆ่ากันเอง ก่อนอื่นให้คุณสร้าง Redeemer และบรรจุ Saboteur 2 ยูนิตเพื่อเพิ่มความสามารถในการซ่อมแซมตัวเอง จากนั้นใช้ Cloaking Field ใส่ Redeemer เพื่อให้ล่องหน ขั้นตอนทั้งหมดนี้ใช้ทรัพยากร 9,000 หน่วย วิธีใช้งานคุณแค่ส่ง Redeemer ออกไปหากองทัพของศัตรูแล้วใช้ Rage Generator ตอนแรกศัตรูจะรุมยิงคุณอย่างเดียว ให้เดินหนีออกมาจนพ้นระยะหรือรอจน Redeemer ล่องหนหายไป แล้วปล่อยให้ศัตรูฆ่ากันเองจนหมด เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับวิธีนี้ควรจะส่ง Redeemer ออกไปเพียงยูนิตเดียวไม่ควรมียูนิตอื่นๆ ตามไปด้วย เพราะศัตรูจะไม่ยิงกันเองถ้ายังมียูนิตของคุณอยู่ในบริเวณนั้น

EMP Attack (Nod)

      เทคนิคการใช้ EMP ของ Nod ที่นิยมกันคือการส่งยูนิต Raider Buggy วิ่งเข้าไปใช้ EMP Burst เพื่อปิดการทำงานของป้อมปืนหรือยานพาหนะของศัตรูให้ยูนิตอื่นมาจัดการ เมื่อกดใช้ EMP Burst สิ่งก่อสร้างหรือยานพาหนะที่อยู่ในรัศมี รวมทั้ง Raider Buggy จะถูกปิดการทำงานลงเป็นเวลา 10 วินาที ช่วงนี้ Raider Buggy จะไม่สามารถเคลื่อนที่หรือป้องกันตัวเองได้ ต้องพึ่งพายูนิตชนิดอื่นอย่างเดียว แต่คุณจะไม่ต้องรอถึง 10 วินาทีถ้าคุณมี Temple of Nod แค่กดใช้ความสามารถ Master Computer Countermeasures ยูนิตหรือสิ่งก่อสร้างของคุณที่ถูก EMP โจมตีจะกลับเป็นปกติ วิธีนี้จะมีประสิทธิภาพเมื่อกำหนดกลุ่มยูนิตและ Temple of Nod ด้วยหมายเลข แต่การใช้ Master Computer Countermeasures คู่กับ Raider Buggy จะให้ผล 2 กรณีดังนี้

     ในกรณีที่กดใช้ EMP Burst จาก Raider Buggy เพียงคันเดียว เมื่อกดใช้ Master Computer Countermeasures ยูนิตและสิ่งก่อสร้างของคุณที่ถูก EMP รวมทั้งตัว Raider Buggy เองจะกลับคืนสู่สภาพปกติทันที

     กรณีที่นำ Raider Buggyไปโจมตีหลายๆ คันแล้วกดใช้ EMP Burst พร้อมกันโดยที่แต่ละคันอยู่ในรัศมีของ EMP ซึ่งกันและกัน (ตัวอย่างเช่น Raider Buggy 4 คันอยู่รวมกันเป็นกระจุกแล้วกด EMP Burst พร้อมกันนั่นล่ะครับ) เมื่อกดใช้ Master Computer Countermeasures จะเกิดการระเบิดคลื่น EMP ออกมาเป็นวงเล็กๆจาก Raider Buggy ยูนิตหรือสิ่งก่อสร้างที่เข้ามาโดนคลื่นนี้ก็จะถูกปิดการทำงานไปด้วย (10 วินาที) แต่ Raider Buggy จะไม่กลับคืนสู่สภาพเดิมทันที จะใช้เวลานานแค่ไหนก็อยู่ที่จำนวน Raider Buggy ที่กดใช้ EMP Burst

      สำหรับกรณีที่ 2 หากคุณไม่กดใช้ Master Computer Countermeasures แล้วรอจนถึง 10 วินาที ก็จะมีการระเบิดคลื่น EMP ออกมาอีกเช่นกัน หลังจากทดสอบดูหลายครั้ง ผมพบว่าในกรณีที่ใช้ Raider Buggy 2 คันจะต้องใช้เวลา 20 วินาที จึงจะคืนสู่สภาพปกติ และมีการระเบิดของคลื่น EMP 1 ครั้งตอน 10 วินาทีแรก (อะไรก็ตามที่โดน EMP ระลอกหลังนี้จะถูกปิดไปด้วย 20 วินาที) และหากใช้ 4 คัน Raider Buggy จะหยุดทำงาน 40 วินาที มีการระเบิดคลื่น EMP ออกมา 3 ครั้ง (ทุกๆ 10 วินาที) หมายความว่ายูนิตหรือสิ่งก่อสร้างของศัตรูที่ถูกคลื่น EMP จะถูกปิดการทำงานรวมทั้งหมด 40 แต่ Raider Buggy ที่กดใช้ EMP Burst ต้องเหลือรอดครบด้วยนะครับ ซึ่งในเวลาเล่นจริงๆ โอกาสที่จะทำได้เช่นนี้ค่อนข้างยากเพราะ Raider Buggy มักจะถูกทำลายหมด คุณอาจจะนำวิธีนี้ไปปรับใช้กับการลอบโจมตีหรือการตีโอบล้อมดูก็ได้ครับ

ใช้ EMP สร้างความได้เปรียบในการบุกโจมตี

       เทคนิคที่นำเสนอมานี้เป็นเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น ยังมีเทคนิคอีกมากมายที่ไม่สามารถนำเสนอได้เนื่องด้วยหน้ากระดาษที่จำกัด หวังว่าเทคนิคที่นำเสนอจะเป็นประโยชน์ในการเล่นเกมนี้ของหลายๆ คนนะครับ
 

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ