เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2551 ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมงานประชุม “90 วัน ลูกหลานไทยพ้นภัยเกม” ซึ่งเป็นงานประชุมที่มีจุดประสงค์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ทราบถึงบทบาทและหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ในการเข้าตรวจสอบ หรือดำเนินการต่างๆ กับร้านเกม ก่อนที่ท่านสมาชิก จะอ่านเนื้อหาที่ผมได้นำมาสรุปคร่าวๆ ต่อไปนี้ อยากให้อ่านอย่างเปิดใจและยอมรับว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ในตอนนี้ นอกจากที่จะต้องเรียนรู้และปรับตัวให้อยู่กับมันให้ได้ ทั้งนี้ iCafé PLUS ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหนึ่งในบริษัท ฟิวเจอร์ เกมเมอร์ จำกัด ที่ทำหน้าที่สื่อในวงการเกม iCafé PLUS ได้ประสานงานและดำเนินงานเพื่อนำเสนอบทบาทต่างๆ ของร้านอินเตอร์เน็ต ในเชิงสร้างสรรค์สู่สื่ออื่นๆ อีกทั้งโดยนโยบายของบริษัทเองในฐานะสื่อเกม เราคงไม่ได้ทำหน้าที่ปกป้องธุรกิจนี้อย่างตรงๆ แต่เราจะปกป้องธุรกิจนี้ด้วยการนำเสนอข้อมูลที่แท้จริงในเชิงสร้างสรรค์ และให้ข้อมูลในเชิงให้ความรู้กับบุคคลทั่วไปได้รู้จักธุรกิจนี้ด้วยข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจนอย่างรู้จริง
ข้อสรุปการประชุมจากงานประชุม “90 วัน ลูกหลานไทยพ้นภัยเกม”
ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย (รัชดาฯ)
การประชุมเริ่มตั้งแต่ 8.00 น. – 17.00 น.
กล่าวเปิดงานโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
ข้อใหญ่ๆ สำคัญคือ
- กำจัดร้านเกมเถื่อนให้หมดภายใน 90 วัน (ร้านที่ไม่มีใบอนุญาตถูกต้อง, อยู่ในทำเลที่ไม่เปิดเผย, ขายสุราและบุหรี่ ภายในร้าน ฯลฯ)
- ส่งเสริมสนับสนุนร้านที่ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย ภายใต้ชื่อ “ร้านเน็ตสีขาว” มีสติ๊กเกอร์ติดให้ มีใบประกาศระดับของร้าน 3 ระดับ 1 – 3 ดาว ได้ 3 ดาวตลอด 1 ปี มีใบประกาศเกียรติคุณแจ้งให้สาธารณะทราบ
- กรณีเจ้าหน้าที่ดำเนินการไม่ถูกต้อง รีดไถ รับส่วย จะดำเนินคดี ทั้งทางแพ่งและอาญาจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
ภายในงานมีการมอบใบประกาศให้ร้านเน็ตที่เข้าร่วมโครงการร้านเน็ตสีขาว 200 กว่าร้านที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว
ในช่วงบ่ายมีการพูดถึง “แนวทางการตรวจเกมอันตรายและร้านเกม” โดยมีตัวแทนจาก 5 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ
- พลตำรวจตรีวิสุทธิ์ วานิชบุตร (ผู้บังคับการ ปดส.)
- พลตำรวจตรีวิบูลย์ บางท่าไม้ (รองผู้บัญชาการ ตำรวจนครบาล)
- ผู้แทน ปลัด กทม.
- นายธงชัย วรไพจิตร ประธานสภาวัฒนธรรม กทม.
- น.ส. อมรรัตน์ เทพกำปนาท ผอ.สำนักภาพยนตร์และวีดิทัศน์
- นางนพพร มุกดามณี รองเลขา คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
เนื้อหาโดยสรุปจาก ผู้บรรยาย 4 ท่าน ที่ผมเห็นว่าร้านเน็ตต้องรับทราบ
1. จากผู้การ ปดส.
- จะทำการตรวจสอบแบบเข้มงวดนับจากนี้ภายใน 30 วัน โดยใช้ 6 พรบ. ที่ ปดส. มีอำนาจอยู่คือ
- พรบ.คุ้มครองเด็ก (ควบคุมเด็กให้เข้าเล่นในเวลาที่กำหนด โดยยืดหย่อนผ่อนผันได้ไม่เกิน 30 นาที จากเวลาที่กำหนด และทำตามข้อปลีกย่อยอื่นๆ)
- พรบ. คอมพิวเตอร์ (เรื่องของสื่อลามกอนาจาร ถ้ามีรูปโป๊ หนังโป๊ลบซะ)
- พรบ. บุหรี่ (ถ้าไม่ขายบุหรี่ก็ไม่ต้องกลัว และห้ามมีการสูบบุหรี่ภายในร้าน หรือบริเวณร้าน)
- พรบ. สุรา (ถ้าไม่ได้ขายสุรา เครื่องดื่มมึนเมา ก็ไม่ต้องกลัวและห้ามมีการดื่มภายในร้านหรือบริเวณร้าน)
- พรบ. ยาเสพติด (ถ้าไม่ได้ขายยาเสพติดก็ไม่ต้องกลัว หรือไม่ได้เป็นผู้รู้เห็นเกี่ยวข้องก็ไม่ต้องกลัว)
- พรบ. เครื่องแบบนักเรียน (อันนี้ถ้าเป็นเวลาเรียนหรืออยู่ในช่วงที่มีการเรียนการสอนถึงแม้จะอายุเกิน 18 ปีแล้ว แต่ใส่ชุดเครื่องแบบนักเรียนเข้ามาก็ถือว่ามีความผิด)
- ในการเข้าตรวจสอบร้าน เจ้าหน้าที่ผู้เข้าตรวจสอบ จะต้องมียศร้อยตรีขึ้นไป ต่ำกว่านี้อย่าไปกลัว และการเข้าตรวจสอบจะมีแค่ ตำรวจ หรือ ปดส. หรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมาเป็นหมู่คณะอันประกอบไปด้วย หลักๆ เจ้าหน้าที่จากกระทรวงวัฒนธรรม เจ้าหน้าที่จากปดส (ยศร้อยตรีขึ้นไป) เจ้าหน้าที่ตำรวจ (ยศร้อยตรีขึ้นไป) หรือในบางกระณีอาจจะมีตัวแทนจาก กทม. ด้วย
- หากมีการรีดไถ รับส่วย สามารถแจ้งดำเนินคดีได้โดยตรงที่ ผู้การปดส.
2. จาก รองผู้บัญชาการ ตำรวจนครบาล
- ในการทำงานเข้าตรวจร้านของตำรวจจะเน้นในเรื่องของ พรบ.เด็ก ออกร่วมกับทีมที่ได้กล่าวไปแล้วเบื้องต้น
3. จาก ผู้แทน ปลัด กทม.
- ในการเข้าตรวจของ กทม. จะยึด พรบ. สาธารณสุขปี 35 ที่เกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมของอาคารพาณิชย์ เรื่องความสะอาด ทำเลที่ตั้ง ช่องทางหนีไฟ ห้องน้ำ พื้นที่ภายในร้าน
4. จาก ผอ.สำนักภาพยนตร์และวีดิทัศน์
- เรื่องของใบอนุญาตฉายที่ต้องเร่งดำเนินการขอให้ถูกต้อง ภายใน 31 สิงหาคมนี้ หลังจากมีการประกาศออกมาแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายน ซึ่งจะครบ 90 วัน ในวันที่ 31 สิงหาคม
- เจ้าหน้าที่ที่เข้าตรวจสอบจะต้องมีบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานเป็นลักษณะบัตรแข็งเหมือนบัตรประชาชน จะมีตราครุฑประทับอยู่ที่มุมขวาล่างของรูป และทุกท่านสามารถตรวจสอบรายชื่อของผู้มีอำนาจเข้าตรวจสอบได้จากทางหน้าเว็บของ กระทรวงวัฒนธรรม
หมายเหตุ อันนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดหากยังไม่ทำการขอให้ถูกต้อง จะนำมาซึ่งปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเรื่องของการโดนปรับ โดนจับ สั่งปิด จึงถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ สำหรับกรุงเทพฯ ทางเลขาของกระทรวงวัฒนธรรมจะใช้ พรบ. ฉบับเก่าและเซ็นใบอนุญาตออกมาให้ก่อน และเมื่อมีประกาศฉบับใหม่ออกมา ค่อยไปเปลี่ยนหลังจากหมดอายุ
ความเห็นส่วนตัว
จากการประชุมครั้งนี้ สำหรับร้านเน็ตแล้วเรื่องใหญ่หลักๆ คือเรื่องการขอใบอนุญาตให้ถูกต้อง หากมีใบอนุญาติแล้วก็จะพ้นปัญหาใหญ่ไปได้เปราะหนึ่ง ที่เหลือ ก็เป็นเรื่องของการดำเนินธุรกิจภายใต้พื้นฐานจริยธรรมอันดี ที่พึงต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม และไม่ปล่อยปละละเลยในการดูแลสถานบริการของตัวเองให้เป็นแหล่งอันไม่พึงประสงค์ของสังคม และดำเนินธุรกิจที่ถูกต้องอย่างมีศีลธรรม ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มนี้ก็ไม่ต้องกลัวอะไร สำหรับท่านที่ยังไม่ได้ขอใบอนุญาตสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม หรือสมัครทางออนไลน์ได้ ผ่านทาง
http://movie.culture.go.th/ดาวนโหลด/tabid/181/Default.aspx
สอบถามรายละเอียดการเข้าร่วมโครงการ ร้านเน็ตสีขาวได้ที่ โทร. 02-247-0028 ต่อ 5555 หรือ 5061 (ในวันและเวลาราชการ)
สุดท้ายในงานนี้ได้เชิญตัวแทนกลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน ถึง 1,600 คน สำหรับต่างจังหวัดคาดว่า วัฒนธรรมจังหวัดจะจัดงานในรูปแบบเดียวกันเพื่อเผยแพร่ความเข้าใจที่ถูกต้องในการดำเนินกิจการของท่านต่อไป
หากทีมงาน iCafé PLUS มีข้อมูลอันเป็นประโยชน์อันใดในโอกาสต่อไปจะนำมาเสนอให้ท่านสมาชิกได้ทราบอีก และอาจจะทำเป็นรูปแบบที่หน้าเว็บอย่างชัดเจนเพื่อให้ท่านสมาชิกได้ทราบความเคลื่อนไหว หรือทราบข้อมูลที่ควรปฏิบัติอย่างถูกต้องชัดเจนต่อไปครับ
แถมด้วยข้อมูล พรบ. คอมพิวเตอร์ จากเว็บ Siamcafe.net ครับขอบคุณครับ
http://www.siamcafe.net/board/index.php/topic,21265.0.html