Nine Hero เป็นเรื่องราวสมัยยุคชุนชิวจั้นกว๋อ (ประมาณ 770-221 ปีก่อนคริสต์ศักราช) เป็นยุคสมัยแห่งการแก่งแย่งชิงดีเพื่อให้ตนเองเป็นผู้นำจงหยวน จนไปถึงการรวมประเทศ เป็นหนึ่งเพื่อเป็นฮ่องเต้
เนื้อเรื่อง
พิชัยสงครามซุนวู
ซุนจื่อ มีชื่อว่า อู่ (วู)มีฉายาว่าจ่างชิง เกิดในสมัยขงจื๊อ (ก่อน ค.ศ. 551-497) ยังมีชีวิตอยู่ ซุนวูเป็นชาวเล่ออาน ในแคว้นฉี ปลายยุคชุนชิว เป็นยอดนักการทหาร พิชัยสงครามซุนวที่ประพันธ์ู เป็นพิชัยสงครามที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นที่ยกย่องบูชาของนักการทหารทั้งในจีนและทั่วโลก
ซุนวูเกิดมาในยุคสมัย ที่สังคมศักดินาแทนที่ระบอบทาส ซุนวูเกิดในตระกูลเถียนซึ่งเป็นตัวแทนทางการเมืองของชนชั้น ตระกูลเถียนป็นตระกูลขุนศึกที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ทางทหารที่ลึกซึ้งกว้างไกล ทำให้ซุนวูได้เรียนรู้พิชัยสงครามตั้งแต่เด็ก ซึ่งเป็นการปูพื้นฐานในการก้าวไปสู่การเป็นผู้นำทางทหารและนักทฤษฎีพิชัยสงคราม ต่อมาแคว้นฉีเกิดความจลาจลซุนวูหลบหนีไปลี้ภัยในแคว้นอู๋ทางใต้ และได้คบหาอู๋จื่อซวี ขุนนางสูงศักดิ์ ปราชญ์ผู้รู้ยุทธศาสตร์ยุทธวิธีทางทหารอย่างลึกล้ำ
516 ปีก่อนคริสตกาล เหอลวีขึ้นครองราชย์เป็นจ้าวแคว้นอู๋ ทรงดำริต้องการพิชิตแคว้นฉู่ แต่กังวลด้วยหาแม่ทัพที่เจนสนามรบไม่ได้ อู๋จื่อซวีแนะนำตัวซุนวูถึง 7 ครั้ง อีกทั้งซุนวูได้ นำพิชัยสงคราม 13 บท ที่ท่านรจนาเอง ถวายแด่เจ้าแคว้นอู๋ ซึ่งเนื้อหา เปี่ยมด้วยข้อคิดแปลกใหม่และเด่นล้ำ เหนือสามัญ คือ
บทที่ 1 การวางแผน
อันการสงครามนั้น เป็นเรื่องใหญ่ของรัฐ คือวิธีแห่งการคงอยู่หรือล่มสลายของประเทศชาติ เกี่ยวพันถึงชีวิตของไพล่พลและราษฎรจะไม่พินิจพิเคราะห์ไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องคำนึงถึงปัญหาพื้นฐาน ห้าประการเป็นปฐม แล้วเปรียบเทียบสภาพของเรากับข้าศึก เพื่อคาดคะเนผลแพ้ชนะในสงคราม ปัญหาพื้นฐานห้าประการได้แก่ หนึ่ง มรรค (เต้า),สอง ฟ้า (เทียน),สาม ดิน (ตี้),สี่ แม่ทัพ (เจียง), ห้า กฎ (ฝ่า)
มรรค หมายถึง ภูมิอากาศ กลางวันกลางคืน ฤดูกาลและความผันแปร
ดิน หมายถึง ภูมิประเทศสูงหรือต่ำ ใกล้หรือไกล คับขันหรือราบเรียบ กว้างใหญ่หรือคับแคบ และปิดหรือเปิด (เซิงสื่อ)
แม่ทัพ หมายถึง ผู้นำเหล่าทหารซึ่งเปี่ยมด้วยสติปัญญา รักษาสัจจะวาจามีเมตตาธรรม มีความกล้าหาญ และเคร่งครัดเที่ยงธรรม
กฎ หมายถึง ระเบียบวินัยของกองทัพ ระบบการจัดอัตรากำลังพลและระบบการจัดสรรอาวุธยุทโธปกรณ์
ปัญหาห้าประการนี้ แม่ทัพนายกองจะมีผู้ใดมิรู้ก็หาไม่ ทว่าผู้รู้แจ้งเท่านั้นจึงจะชนะผู้รู้มิรู้แจ้งย่อมพ่ายแพ้
จากนั้นเปรียบเทียบสภาพของเรากับข้าศึกเพื่อคาดคะเนผลแพ้ชนะในสงคราม ซึ่งได้แก่ประมุขฝ่ายใดปกครองอย่างเที่ยงธรรม แม่ทัพฝ่ายใดมีสติปัญญาความสามารถ ดินฟ้าอากาศเอื้อประโยชน์แก่ฝ่ายใด กองทัพฝ่ายใดเคร่งครัดระเบียบวินัย กองทัพฝ่ายใดกล้าแข็ง ไพล่พลฝ่ายใดได้รับการฝึกอบรมที่ดี และกองทัพฝ่ายใดตกรางวัลและลงโทษอย่างเที่ยงธรรม จากสภาพเหล่านี้ข้าพเจ้าพอจะคาดได้ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายชนะ ฝ่ายใดจักปราชัยในศึกสงคราม หากแม่ทัพเชื่อฝังข้าพเจ้าวางแผน บนพื้นฐานที่ได้คำนึงถึงปัญหายุทธศาสตร์ข้างต้นแล้ว ย่อมเป็นฝ่ายชนะในศึกสงครามก็จงรับไว้ มิเช่นนั้นย่อมจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็จงปลดออก เมื่อมียุทธศาสตร์ที่เหนือกว่า อีกทั้งวางแผนโดยเชื่อฟังข้าพเจ้า ก็จงสร้างสภาวการณ์หนึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนจากภายนอก การสร้างสภาวการณ์นั้นต้องกุมความเป็นฝ่ายกระทำ พลิกแพลงโดยคำนึงถึงความได้เปรียบเป็นหลัก
การทำสงครามเป็นวิถีแห่งกุศโลบาย มีขีดความสามารถ พึงแสดงว่าไร้ขีดความสามารถ ,จะทำสงคราม พึงแสดงว่าไม่คิดทำสงคราม , จะตีใกล้พึงแสดงว่าจะตีไกล , จะตีไกล พึงแสดงว่าจะตีใกล้ , ข้าศึกละโมบ พึงหลอกล่อด้วยผลประโยชน์ , ข้าศึกเข้มแข็งพึงหลีกเลี่ยง ,ข้าศึกปั่นป่วน พึงตีหัก ,ข้าศึกมีกำลังมาก พึงเตรียมพร้อมเสมอ ,ข้าศึกฮึกหาญ พึงทำลายขวัญสู้รบ ,ข้าศึกสุขุมเยือกเย็น พึงยั่วให้ขาดสติ , ข้าศึกสุขสบาย พึงรังควานให้อ่อนเปลี้ย ,ข้าศึกสามัคคีกัน พึงยุแยก , พึงโจมตีในขณะที่ข้าศึกไม่เตรียมพร้อม และจู่โจมในขณะที่ข้าศึกไม่คาดฝัน ทั้งหมดนี้คือเคล็ดลับแห่งชัยชนะของนักพิชัยสงครามซึ่งสุดวิสัยที่จะสาธยายให้แจ้งชัดล่วงหน้า
หากชนะก่อนรบ แสดงว่าได้วางแผนอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว หากไม่ชนะก่อนรบ แสดงว่ามิได้วางแผนอย่างละเอียดรอบคอบเท่าที่ควร วางแผนอย่างละเอียดรอบคอบย่อมชนะ ไม่วางแผนอย่างละเอียดรอบคอบ ย่อมพ่ายแพ้ไยต้องกล่าวถึงการไม่วางแผนอีกเล่า ข้าพเจ้าพิเคราะห์ปัญหาต่างๆเหล่านี้ ก็ประจักษ์ถึงความปราชัยและอัปราชัยล่วงหน้า โจโฉในยุทธการกัวเต๋อ
ปลายยุคสมัยฮั่น ดินแดนกว้างใหญ่บริเวณล่มแม่น้ำฮวงโห เริ่มตกอยู่ในกำมือของอ้วนเสี่ยวและโจโฉ เจี้ยนอันศกปีที่ 4 (ค.ศ.199) สมัยพระเจ้าเหี้ยนเต้ อ้วนเสี้ยวยึดดินแดนฝั่งเหนือปลายแม่น้ำเหลืองไว้ได้หมด มีไพร่พล10 หมื่น พร้อมรุกและถอยตลอดเวลา เดือน 6 ปีเดียวกัน อ้วนเสี้ยวคัดทหารเอก 10 หมื่น ม้าศึก 4 หมื่น เตรียมลงใต้โจมตีราชธานีฮู๋โต๋ คิดยึดครองแผ่นดินทั้งหมด จอสิวทัดทานอ้วนเสี้ยวว่า “กองทัพเราทำศึกติดต่อกันมาหลายปี ราษฎรอ่อนเปลี้ย เสบียงร่อยหรอ ถ้าระดมพลทำศึกใหญ่ อาจต้องห่วงหน้าพะวงหลัง”
แต่อ้วนเสี้ยวไม่เพียงไม่ฟังคำทัดทาน แต่กลับลดอำนาจจอสิวด้วยความโกรธ แล้วโอนกำลังทหารสองส่วนสามของจอสิวไปขึ้นกับกัวเต๋าและอิเขง ขณะเดียวกันก็ส่งคนไปเมืองอ้วนเสีย เชิญแม่ทัพเตียวสิ้วยกกำลังมาสนับสนุน แต่เตียวสิ้วปรึกษากับกาเซี่ยงแล้ว มิเพียงไม่สนับสนุนกลับสวามิภักดิ์โจโฉแทน
อ้วนเสียวยังส่งคนไปเมืองเกงจิ๋วติดต่อเล่าเปียว ขอให้ร่วมมือกันโจมตีโจโฉ เล่าเปียวรับปากก็จริง แต่ คอยดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ
เมื่อข่าวแพร่ไปถึงเมืองฮูโต๋ โจโฉก็เรียกประชุมแม่ทัพนายกอง เขากล่างว่า “อ้วนเสี้ยวคิดการใหญ่แต่ไร้สติปัญญาโหดร้ายแต่ขี้ขาดขี้ระแวง และไม่เด็ดขาด มีทหารมากแต่ไม่สันทัดในการบังคับบัญชา มีแม่ทัพนายกองมาก แต่แก่งแย่งชิงดีกัน มีที่ดินและเสบียงมากแต่คล้ายเตรียมให้ข้าฯ ใช้ ซุนฮก ที่ปรึกษาก็กล่าวว่า “อ้วนเสี้ยวทหารมากแต่ไม่อยู่ในวินัย เตียนฮองก็หยาบช้าอวดดี เขาฮิวละโมบคิดไม่ซื่อ สิมโพยวางอำนาจแต่วางแผนไม่เป็น ฮองกี๋เด็ดขาดทว่าเอาแต่ใจ คนเหล่านี้ต้องแตกกันในที่สุด ส่วนแม่ทัพ งันเหลียงและบุนทิวก็กล้าหาญแต่ไร้สติปัญญา จับตัวไม่ยาก” หลังจากวิเคราะห์เปรียบเทียบสภาพทั้ง 2 ฝ่ายอย่างละเอียดแล้วตั้งแต่ปัญหาผู้นำ แม่ทัพ นโยบาย อาวุธ ไพร่พล ระเบียบวินัย การให้บำเหน็จรางวัลและการลงโทษแล้ว ก็สรุปว่าสถานการณ์ไม่เป็นผลดีต่ออ้วนเสี้ยว โจโฉจึงตัดสินใจรวบรวมกำลังพลหลายหมื่นต้านทานการบุกของอ้วนเสี้ยว
โจโฉเป็นฝ่ายกะทำทางยุทธศาสตร์ ส่งจงป้านำทหารเอกจากเมืองลองเอี๋ยเข้าเมืองเฉงจิ๋วเพื่อตรึงกำลังอ้วนเสี้ยว อีกทั้งเป็นการเสริมกำลังปีกขวาป้องกันอ้วนเสี้ยวโจมตีฮู๋โต๋จากด้านตะวันออก
เดือนเดียวกันโจโฉมีคำสั่งให้อิกิ๋มนำไพร่พลและม้าศึก 2,000 คนไปรักษาการณ์ที่เหยียนจินซึ่งเป็นท่าข้ามสำคัญทางฝั่งใต้ของแม่น้ำฮวงโห และช่วยเล่าเอี้ยนควบคุมด่านแปะเบ๊ ขัดขวางมิให้กองทัพอ้วนเสี้ยวข้ามแม่น้ำบุกลงใต้ เดือน 9 โจโฉเห็นอ้วนเสี้ยวมีทหารมากตนมีทหารน้อย แม่น้ำฮวงโหยาวนับพันลี้ป้องกันลำบาก จะสร้างแนวป้องกันตามชายฝั่งก็สิ้นเปลืองกำลังโดบเปล่าประโยชน์ จึงตัดสินใจวางกำลังหลักไว้ที่กัวต๋อ ล่ออ้วนเสี้ยวบุกโจมตีซึ่งหน้า ดือน 12 เล่าปี่ยกทัพตีเมืองชีจิ๋ว ฆ่าเชอโจ้วเจ้าเมืองชีจิ๋วตาย และยึดเมืองแห้ฝือไว้ได้ จากนั้นนั้นให้กวนอูนำทหารรักษาการณ์ แล้วส่งคนไปติดต่อกับอ้วนเสี้ยวเพื่อร่วมมือกันโจมตีโจโฉ เหตุเปลื่ยนแปลงกะทันหันนี้ทำให้โจโฉตกอยู่ในอันตรายจากการรับศึกกระหนาบทางเหนือและตะวันออก โจโฉปรึกษาแม่ทัพนายกองแล้วตัดสินใจโจมตีเล่าปีก่อนค่อยรวมกำลังรับมืออ้วนเสี้ยว กุยแกที่ปรึกษาโจโฉเห็นด้วยว่า “อ้วนเสี้ยวเป็นคนลังเล คงไม่ถือโอกาสโจมตีเราขณะที่เรารบกับเล่าปี่ ส่วนกองทหารเล่าปี่เพิ่งรวมตัวกันไม่นาน นักรบไพร่พลส่วนหนึ่งยังไม่ภักดี ถ้าเราโจมตีโดยไม่ให้รู้ตัว เล่าปี่ปราชัยแน่ เจี้ยนอันศกปีที่ 5 (ค.ศ.200) โจโฉจึงยกทัพไปโจมตีเล่าปี่ทางตะวันออก และถือโอกาสส่งกองทหารอีกส่วนหนึ่งยึดไพก๊กอย่างรวดเร็วในขณะที่กองทัพเล่าปี่ตกอยู่ในสภาพกระจัดกระจายรับมือไม่ทัน จากนั้นโจโฉก็เข้าโจมตีเมืองแห้ฝือบีบให้กวนอูยอมจำนน โจโฉทราบดีว่ากวนอูเป็นคนซื่อสัตย์กล้าหาญและมีพละกำลังมหาศาลและชื่นชมในตัวกวนอูจึงปฎิบัติต่อกวนอูดุจแม่ทัพฝ่ายตน ฝ่ายเล่าปีเมื่อแตกพ่ายยับเยินก็หลบหนีไปฮ่อปักขอพึ่งอ้วนเสี้ยวโดยลำพัง ขณะโจโฉตีเล่าปี่นั้น เตียนฮองเสนออ้วนเสี้ยวตีโจโฉจากทางด้านหลัง ก็จะได้รับชัยชนะ แต่อ้วนเสี้ยวไม่ปฎิบัติตามอ้างว่าบุตรป่วย กระทั่งโจโฉถอยทัพกลับกัวเต๋อแล้วทบทวนเรื่องตีเมืองฮูโต๋ แต่เตียนฮองเห็นว่าเสียโอกาสแล้วจึงทัดทานโดยไม่เกรงใจอ้วนเสี้ยวจะโกรธ ว่า “ขอให้รออีก 3 ปี ไม่ควรวู้วาม”อ้วนเสี้ยวโกรธมากสั่งจองจำเตียนฮองไว้ เจี้ยนอันศกปีที่ 5 (ค.ศ.200) เดือน ยี่ อ้วนเสียวเคลื่ยนทัพบุกเมืองลิหยงโดยส่งแม่ทัพใหญ่งันเหลียงโจมตีด่านแป๊ะเบ๊ก่อน เล่าเอี๋ยนผู้รักษาด่านรีบส่งข่าวให้โจโฉทราบ โจโฉคิดนำกำลังทหารไปช่วยด้วยตนเองแต่ซุนฮิวเสนอให้ส่งไพร่พลส่วนหนึ่งไปเหยียนจิน แสร้งข้ามแม่น้ำทำท่าว่าจะโจมตีแนวหลังอ้วนเสี้ยวทำให้อ้วนเสี้ยวต้องแบ่งกำลังทหารไปทางตะวันตก จากนั้นก็ส่งทหารที่คล่องตัวบุกเข้าโจมตีทหารอ้วนเสี้ยวทางด่านแปะเบ๊อย่างรวดเร็วมิให้รู้ตัว ก็จะเอาชนะงันเหลียงได้แนอน โจโฉเห็นด้วยกับซุนฮิว อ้วนเสี้ยวหลงกลตาทคาด โจโฉจึงถือโอกาสนำทหารม้าที่คล่องตัวส่งเตียวเลี้ยวและกวนอูนำกองหน้าเร่งรุดสู่ด่านแปะเบ๊ กว่างันเหลียงจะรู้ตัวทหารโจโฉก็อยู่ห่างจากด่านแปะเบ๊ประมาณ 10 ลี้แล้ว งันเหลียงได้แต่นำทหารออกรบอย่างฉุกละหุก ในขณะที่กวนอูนำกองหน้าบุกเข้าเข้าหสอย่างรวดเร็ว และฆ่างันเหลียงตาย โดยที่งันเหลียงรับมือได้ไม่กี่เพลง กองทัพงันเหลียงจึงแตกพ่าย โจโฉกู้ด่านแปะเบ๊ไว้ได้ก็นำราษฎรทวนน้ำถอยไปทางตะวันตกอ้วนเสี้ยวจะนำทหารตามตี จอสิวทัดทานว่า “งันเหลียงตายโจโฉกลับถอยย่อวเป็นอุบาย”แต่อ้วนเสี้ยวไม่ฟังส่งบุนทิวและเล่าปี่นำกองทหารตามตี โจโฉจึงสั่งให้ทหารปลดอานม้า ทิ้งยุทธสัมภาระไว้ตามทาง เมื่อทหารอ้วนเสี้ยวเห็นก็เข้าแย่งกันชุลมุน โจโฉจึงถือโอกาสย้อนตีอย่างฉับพลัน ฆ่าบุนทิวตายอีกคน และตีกองทหารอ้วนเสียวแตกพ่ายที่เขาแปะเบ๊ ทหารอ้วนเสี้ยวแม้จะเสียทีในการรบครั้งแรกแต่ก็ยังได้เปรียบที่มีกำลังมากกว่า เดือน 7 อ้วนเสี้ยวเตรียมบุกฮู๋โต๋ จอสิวเสนอว่า “โจโฉมีเสบียงน้อยและอาวุธไม่มากเท่าฝ่ายเรา หวังรบเร็วชนะเร็ว ฝ่ายเราจึงควรใช้วิธีรบแบบยืดเยื้อ” แต่อ้วนเสี้ยวไม่ฟัง เดือน 8 อ้วนเสี้ยวเคลื่อนกำลังหลักเข้าใกล้กัวต๋อ ตั้งค่ายบนเนินทรายเรียงรายจากตะวันออกไปตะวันตกนับสิบลี้ โจโฉก็ตั้งค่ายประจันหน้า เดือน 9 อ้วนเสี้ยวถมเนินดินสร้างเชิงเทิน ให้ทหารยิงเกาทัณฑ์ใส่ค่ายโจโฉไม่หยุด เล่าหัวเสนอให้โจโฉใช้รถดีดหิน ทำลายเชิงเทินของฝ่ายอ้วนเสี้ยว ปรากฏว่าได้ผลโจโฉจึงสั่งให้ทหารดีดก้อนหินถล่มเชิงเทินของอ้วนเสี้ยวพังทลายสิ้น ผ่านไป 3 เดือนโจโฉนับวันจะตกที่นั่งลำบาก เสบียงอาหารไม่พอทหารเริ่มอิดล้า โจโฉใคร่ครวญแล้วคิดว่าถ้ารบยืดเยื้อย่อมไม่เป็นผลดีกับฝ่ายตน จึงเขียนจดหมายปรึกษาซุนฮก ว่าคิดจะถอยกลับฮู๋โต๋ แต่ซุนฮกว่า “เราใช้กำลังน้อยกว่าข้าศึก สิบเท่าสกัดมิให้ข้าศึกรุกคืบเข้ามาได้กว่าครึ่งปี ฝ่ายอ้วนเสี้ยวเสียแม่ทัพไป สองคน แม้จะมีทหารมากแต่ก็อ่อนแรงลงควรรีบถือโอกาสนี้ ตีกองทัพอ้วนเสี้ยวให้แตกพ่ายอย่างรวดเร็ว”
อ่านต่อที่ http://www.nh.in.th/gamedata/story.php