เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2551 ณ ห้องวิภาวดี บอลรูม บี โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์ กรุงเทพฯ ( เซ็นทรัล ลาดพร้าว) เวลาประมาณ 9.00 น. ได้มีการจัดประชุมเพื่อหารือถึงแนวทางการแก้ปัญหาเกมในประเทศไทย ซึ่งสืบเนื่องมาจากปัญหาของ GTA ที่เกิดขึ้นจากเด็กไทยจนโด่งดังไปทั่วโลก
โดยในงานครั้งนี้ เราก็ได้ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาร่วมปรึกษาหารือกันถึงแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน ปัญหา Software เถื่อน หรือปัญหาร้าน Internet เป็นต้น และในการประชุมครั้งนี้เราก็ได้ผู้ทรงคุณวุฒิจากด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น พ.ต.อ. ญาณพล ยั่งยืน ผู้บัญชาการสำนักคดีเทคโนโลยี และสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กระทรวงยุติธรรม, คุณอมรรัตน์ เทพกำปนาท ผู้อำนวยการสำนักงานภาพยนตร์และวีดีทัศน์ กระทรวงวัฒนธรรม, คุณเลิศชาย กันภัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), คุณฐิรวิชญ์ ธนผดุงเกียรติ ผู้ช่วยกรมการผู้จัดการ บริษัท ทรู ดิจิตอล เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด, อ. อิทธิพล ปรีติประสงค์ อาจารย์ประจำสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาการเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล และ นายวศิน ตู้จินดา เยาวชนตัวอย่าง ผู้ใช้เกมในการพัฒนาทักษะตนเองให้เป็นเลิศ เข้ามาร่วมให้คำปรึกษาและแนวทางในการแก้ปัญหาต่างๆ ในครั้งนี้ด้วย
และนอกจากการประชุมและหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาต่างๆ แล้ว การประชุมในครั้งนี้ยังเป็นการ สร้างความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ฝ่ายต่างๆ ให้สามารถแยกแยะประเภทและแนวเกม เพื่อที่จะสามารถเข้าใจและสื่อสารกับเด็กที่เล่นเกม และรวมไปถึงการผลักดันให้เกิดแนวทางการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่สามารถทำได้จริงๆ และรวมไปถึงการจัดเรตติ้งเกมและการปราบปรามปัญหาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมทุกวันนี้
โดยภายในงานนั้น ทางกระทรวงวัฒนธรรมเองก็ได้ออกมายอมรับว่าทางหน่วยงานนั้นยังขาดความรู้ความเข้าใจทางด้านเกมอีกมาก และ เมื่อทางกระทรวงถูกมอบหมายให้มาดูแลเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่บุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจก็ยังมีไม่เพรียบพร้อม การเซ็นเซอร์เกมที่มีความรุนแรงต่างๆ จึงไม่ส่งผลออกมาได้ดีเท่าที่ควร และจากการประชุมในครั้งนี้ หน่วยงานภาคเอกชนและสื่อเกมออนไลน์ต่างๆ ก็จะเข้ามาให้ความร่วมมือกับภาครัฐเพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจเรื่องเกมต่างๆ และช่วยให้ผลงานที่ออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยทางกระทรวงวัฒนธรรมเองก็ได้ให้สัญญาไว้ว่า ภายใน 1 ปี จะแก้ปัญหาการจัดเรตติ้งเกมให้เสร็จเรียบร้อยแน่นอน
ส่วนทางด้าน DSI เองก็ประสบปัญหาเหมือนกันไม่น้อย เพราะปัจจุบันปัญหาเรื่อง Software ผิดกฏหมาย หรือแผ่นผีซีดีเถื่อนนั้นระบาดหนักมาก ซึ่งส่วนตัวแล้วผมก็คิดว่าส่วนนึงเป็นผลมาจากผู้ซื้อ เพราะคนไทยเรามีนิสัยชอบของถูก และเมื่อมีผู้ซื้อ มันก็ต้องมีผู้ขาย ตามหลักของ Demand Supply เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งจริงๆ แล้วหน่วยงาน DSI เองก็ตามเรื่องนี้มาตลอด แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะจัดการและแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้หมดไปจากสังคม ซึ่งถ้าคนไทยทุกคนไม่ร่วมมือกันจริงๆ จังๆ การจะแก้ปัญหาดังกล่าวนั้นก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
และสำหรับประเด็นร้อนอย่าง GTA ที่ฉาวโฉ่ไปทั่วโลก จากการประชุมในครั้งนี้ก็สรุปผลออกมาได้ว่าควรจะมีการจัดเรตติ้งให้กับเกมทั่วไปอย่างเคร่งครัด และให้พ่อแม่ผุ้ปรกครองช่วยกันดูแลบุตรหลานของตัวเองให้อยู่ในกรอบอันควร รวมไปถึงอาจจะมีการใช้ระบบทะเบียนราษฏร์ ในการควบคุมและเช็คอายุของผู้ที่เล่นเกมออนไลน์ด้วย และร้านอินเตอร์เน็ทเองก็มีส่วนที่จะสามารถช่วยดูแลในจุดนี้ได้เหมือนกัน แต่ว่าก็อย่างที่ทราบกันดี ถึงจะจัดเรตติ้งเกมไปเท่าไหร่ แต่ถ้ายังมีปัญหาเรื่องของเถื่อนอยู่ ปัญหาเหล่านี้ก็อาจจะเกิดขึ้นได้อยู่ดี
สำหรับจุดนี้ผมเองก็มองว่า ครอบครัว ซึ่งถือว่าเป็นรั้วแรกที่เด็กจะผ่านออกมาเผชิญโลกภายนอกนั้นสำคัญมากๆ ซึ่งมีหลายต่อหลายคดีและหลายต่อหลายครั้ง ที่ปัญหาความรุนแรงจากเด็กและเยาวชนนั้น เกิดมาจากการปล่อยปละละเลยจากพ่อแม่ผู้ปกครอง และการที่ตัวเด็กเองขาดความอบอุ่นหรือการสั่งสอนในแบบที่ถูกต้องจากพ่อแม่ ต่อไปในจุดที่สอง ซึ่งผมมองว่าสถาบันการศึกษา ซึ่งใครต่อใครก็เปรียบไว้ว่าเหมือนบ้านหลังที่สองนั้นเป็นจุดความสำคัญรองลงมา ซึ่งตรงจุดนี้ ก็ถือเป็นรั้วที่สองที่จะคอยกลั่นกรองสิ่งที่ผิดๆ ความเข้าใจที่ผิดๆ ออกจากตัวเด็ก ซึ่งตรงนี้ก็เป็นหน้าที่ของคุณครูและอาจารย์ที่จะให้ความรู้ความเข้าใจ และการดูแลเอาใจใส่เด็กทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ
และต่อไปเมื่อเด็กออกไปใช้ชีวิตอยู่ในโลกภายนอก การชักจูงทางสังคมหรือเพื่อนฝูงก็มีส่วนที่จะเปลี่ยนชีวิตของเด็กอยู่มากเช่นกัน ซึ่งหลายต่อหลายครั้งนั้น ปัญหาต่างๆ ก็เกิดมาจากความคึกคะนองและการตามเพื่อนฝูง ซึ่งตรงจุดนี้ถ้าตัวเด็กได้รับการอบรมสั่งสอนมาดี พ่อแม่มีความรักความเอาใจใส่ให้อย่างถูกต้อง มีความคิดและจิตสำนึกในการคิดตริตรองแก้ปัญหา ผมก็คิดว่าปัญหาเหล่านี้ก็จะไม่เกิดเด็ดขาด นอกซะจากว่าจะเป็นที่ตัวเด็กเองที่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ สุขภาพจิต หรือ ความอยากรู้อยากลอง และอารมณ์เก็บกดต่างๆ
และสำหรับเกมออนไลน์ที่ใครต่อใครในสังคมต่างก็มองว่าเป็นจำเลยในคดีต่างๆ นั้น ทางฝั่งภาครัฐเองก็เข้าใจดีว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ นั้นมันไม่ได้อยู่ที่เกม แต่ปัญหาต่างๆ นั้นอยู่ที่รอบๆ ตัวเด็กมากกว่า ซึ่งเด็กที่เล่นเกมแล้วประสบความสำเร็จในชีวิต มีหน้ามีตาในสังคมก็มีอยู่ไม่น้อย ดังนั้นการจะมาโทษว่าอะไรๆ ก็เกมนั้นจึงไม่ใช่สิ่งที่ถูก และสำหรับปัญหาดังกล่าวนั้น ก็ค่อนข้างจะเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและเปราะบางเอามากๆ และยังเป็นปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับหน่วยงานต่างๆ หลายหน่วยด้วยกัน
เพราะฉะนั้นการจะแก้ปัญหาเหล่านี้ให้หายขาดนั้น ก็ต้องได้ความร่วมมือที่ดีทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชนผู้ให้บริการเกม ร้านอินเตอร์เน็ท พ่อแม่ผู้ปกครอง และรวมไปถึงสื่อต่างๆ ในการให้ความรู้ความเข้าใจในส่วนที่ดีและส่วนที่ด้อยของเกมด้วย และในอนาคต มาตรการการ ”ป้องกันปัญหา” ที่ออกมาจากการร่วมมือกันของหลายๆ ฝ่ายนั้น ก็จะสมบูรณ์พร้อมและมั่นใจได้แน่นอนกว่า การ “แก้ปัญหา” ในครั้งนี้แน่นอนครับ